21 พฤษภาคม 2558

ก้าวข้ามการมองคนอื่นอย่างอคติ?

การ​นี้​ไม่​มี​กรีก​หรือ​ยิว คน​ที่​เข้า​สุหนัต​หรือ​ไม่​เข้า​สุหนัต   อนารยชน​​และ​คน​ป่า​เถื่อน ไม่​มี​ทาส​หรือ​เสรี​ชน แต่​ว่า​พระ​คริสต์​ทรง​เป็น​ทุก​สิ่ง และ​ทรง​อยู่​ใน​ทุก​สิ่ง (โคโลสี 3:11 มตฐ.)

ศิษยาภิบาลอาวุโสท่านหนึ่ง   ท่านตัดสินใจใช้เวลาเกษียณอายุของท่านขับรถไปเยี่ยมคริสตจักรที่ท่านเคยเป็นศิษยาภิบาล   ท่านขับรถขึ้นเหนือไปคริสตจักรชาติพันธุ์หนึ่งในอำเภอแม่สะเรียง  จังหวัดแม่ฮ่องสอน   ด้วยรถที่มีอายุเก่าแก่เหมือนเจ้าของ    ระหว่างการเดินทางรถของท่านเกิดมีน้ำร้อนพุ่งออกมาจากหัวเครื่องหน้ารถของท่าน   ท่านตกใจไม่รู้จะทำอย่างไร   เพราะรถอยู่บนเส้นทางภูเขา

ศิษยาภิบาลก้มหัวลงอธิษฐานต่อพระเจ้า   “พระเจ้า   ขอโปรดช่วยส่งทูตสวรรค์... อย่างน้อยที่มีความรู้เรื่องการซ่อมเครื่องบ้างมาช่วยลูกด้วย...”   ในเวลาไม่กี่นาที   โค้งถนนข้างหน้าปรากฏชายร่างใหญ่   หนวดเครารุงรังสีดำ  ใส่เสื้อไร้แขนสีดำ  แขนมีรอยสักเต็มไปหมด   ขี่รถมอเตอร์ไซค์ “ชอปเปอร์” ผ่านมา   เขาจอดรถ...หลังจากไถ่ถามรู้ปัญหาแล้วก็ลงมือซ่อม   ใช้เวลาไม่เท่าไหร่รถก็กลับมาใช้ได้ดั่งเดิม

จากนั้นเขาสตาร์ทเครื่องรถจักรยานยนต์ของเขาแล้วก็ขี่จากไป   ศิษยาภิบาลไม่ทันที่จะพูดอะไรมากกว่าเพียงคำขอบคุณเท่านั้น   แต่ก่อนที่ชายร่างใหญ่คนนั้นจะจากไปศิษยาภิบาลอาวุโสได้อ่านข้อความบนหลังเสื้อหนังสีดำของเขาว่า “ทูตจากนรก”   ชายคนนั้นจากไปจนลับหายจากสายตา

เราไม่ควรที่จะตัดสินคนอื่นด้วยเพียงบุคลิกภายนอกที่เรามองเห็นเท่านั้น   เราหลายคนมักจะมองผู้คนเช่นชายคนนี้ด้วยความกลัว  ไม่ไว้วางใจ   ทั้ง ๆ ไม่ได้สัมผัสสัมพันธ์กัน   เพียงมองเห็นมองผ่าน   เราก็จะมีความรู้สึก “ติดลบ”  รู้สึกไม่ดีกับคนบุคลิกเช่นนี้   ยิ่งไปอ่านข้อความอย่างที่ปรากฏหลังเสื้อแล้ว   เราอาจจะตัดสินว่าคนพวกนี้เป็นพวกซาตานนิยม?

อย่าให้การแสดงออก หรือ บุคลิกภายนอกที่มองเห็นเท่านั้นเป็นเครื่องตัดสินคนอื่นด้วยใจอคติของเรา  ด้วยการมองแง่ร้าย   ด้วยกรอบประสบการณ์เดิม ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน   ในฐานะคริสตชนเราควรมีใจกว้างขวางและพยายามเปิดโอกาสให้ตนเองได้สัมผัสสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างที่เราพบเห็น   เพื่อเราจะได้สัมผัสชีวิตจริง  และรู้จักเขาในทั้งความเป็นคนของเขา   และที่สำคัญเมื่อเราเปิดใจเปิดโอกาสเช่นนี้   เราก็เปิดใจและเปิดโอกาสให้พระเจ้าทรงกระทำงานของพระองค์ในชีวิตจิตใจ และ จิตวิญญาณของเราด้วย

ท่านเคยตกเป็นเหยื่อของการมองคนอื่นอย่างอคติหรือไม่?   และถ้ามีคนที่มองท่านด้วยสายตาที่อคติ   ตัดสินท่านผิด ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้สัมผัสสัมพันธ์กับท่านเลย   ท่านจะรู้สึกอย่างไรบ้าง?   ในชีวิตนี้ท่านต้องปล้ำสู้กับการมองและตัดสินคนอื่นอย่างอคติหรือไม่?   พระคัมภีร์ในวันนี้ได้ตอบโจทย์เรื่องนี้ในใจของท่านอย่างไรบ้าง?

การเปลี่ยนมุมมองให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงที่ฝังลึกในชีวิตของแต่ละคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย   เราต้องทูลขอพระเจ้าให้เรามีประสบการณ์ชีวิตที่จะช่วยปรับและเปลี่ยนมุมมองของเรา และ ทำงานในจิตใจความคิด และ ความรู้สึกของเราให้มีสายตาเยี่ยงสายพระเนตรของพระองค์

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น