การนี้ไม่มีกรีกหรือยิว
คนที่เข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต
อนารยชนและคนป่าเถื่อน ไม่มีทาสหรือเสรีชน
แต่ว่าพระคริสต์ทรงเป็นทุกสิ่ง และทรงอยู่ในทุกสิ่ง (โคโลสี 3:11 มตฐ.)
ศิษยาภิบาลอาวุโสท่านหนึ่ง ท่านตัดสินใจใช้เวลาเกษียณอายุของท่านขับรถไปเยี่ยมคริสตจักรที่ท่านเคยเป็นศิษยาภิบาล
ท่านขับรถขึ้นเหนือไปคริสตจักรชาติพันธุ์หนึ่งในอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ด้วยรถที่มีอายุเก่าแก่เหมือนเจ้าของ ระหว่างการเดินทางรถของท่านเกิดมีน้ำร้อนพุ่งออกมาจากหัวเครื่องหน้ารถของท่าน ท่านตกใจไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะรถอยู่บนเส้นทางภูเขา
ศิษยาภิบาลก้มหัวลงอธิษฐานต่อพระเจ้า “พระเจ้า
ขอโปรดช่วยส่งทูตสวรรค์...
อย่างน้อยที่มีความรู้เรื่องการซ่อมเครื่องบ้างมาช่วยลูกด้วย...” ในเวลาไม่กี่นาที โค้งถนนข้างหน้าปรากฏชายร่างใหญ่ หนวดเครารุงรังสีดำ ใส่เสื้อไร้แขนสีดำ แขนมีรอยสักเต็มไปหมด ขี่รถมอเตอร์ไซค์ “ชอปเปอร์” ผ่านมา เขาจอดรถ...หลังจากไถ่ถามรู้ปัญหาแล้วก็ลงมือซ่อม ใช้เวลาไม่เท่าไหร่รถก็กลับมาใช้ได้ดั่งเดิม
จากนั้นเขาสตาร์ทเครื่องรถจักรยานยนต์ของเขาแล้วก็ขี่จากไป ศิษยาภิบาลไม่ทันที่จะพูดอะไรมากกว่าเพียงคำขอบคุณเท่านั้น แต่ก่อนที่ชายร่างใหญ่คนนั้นจะจากไปศิษยาภิบาลอาวุโสได้อ่านข้อความบนหลังเสื้อหนังสีดำของเขาว่า
“ทูตจากนรก” ชายคนนั้นจากไปจนลับหายจากสายตา
เราไม่ควรที่จะตัดสินคนอื่นด้วยเพียงบุคลิกภายนอกที่เรามองเห็นเท่านั้น
เราหลายคนมักจะมองผู้คนเช่นชายคนนี้ด้วยความกลัว ไม่ไว้วางใจ
ทั้ง ๆ ไม่ได้สัมผัสสัมพันธ์กัน
เพียงมองเห็นมองผ่าน
เราก็จะมีความรู้สึก “ติดลบ”
รู้สึกไม่ดีกับคนบุคลิกเช่นนี้
ยิ่งไปอ่านข้อความอย่างที่ปรากฏหลังเสื้อแล้ว เราอาจจะตัดสินว่าคนพวกนี้เป็นพวกซาตานนิยม?
อย่าให้การแสดงออก หรือ
บุคลิกภายนอกที่มองเห็นเท่านั้นเป็นเครื่องตัดสินคนอื่นด้วยใจอคติของเรา ด้วยการมองแง่ร้าย ด้วยกรอบประสบการณ์เดิม ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในฐานะคริสตชนเราควรมีใจกว้างขวางและพยายามเปิดโอกาสให้ตนเองได้สัมผัสสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างที่เราพบเห็น เพื่อเราจะได้สัมผัสชีวิตจริง และรู้จักเขาในทั้งความเป็นคนของเขา
และที่สำคัญเมื่อเราเปิดใจเปิดโอกาสเช่นนี้ เราก็เปิดใจและเปิดโอกาสให้พระเจ้าทรงกระทำงานของพระองค์ในชีวิตจิตใจ
และ จิตวิญญาณของเราด้วย
ท่านเคยตกเป็นเหยื่อของการมองคนอื่นอย่างอคติหรือไม่? และถ้ามีคนที่มองท่านด้วยสายตาที่อคติ ตัดสินท่านผิด ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้สัมผัสสัมพันธ์กับท่านเลย ท่านจะรู้สึกอย่างไรบ้าง? ในชีวิตนี้ท่านต้องปล้ำสู้กับการมองและตัดสินคนอื่นอย่างอคติหรือไม่?
พระคัมภีร์ในวันนี้ได้ตอบโจทย์เรื่องนี้ในใจของท่านอย่างไรบ้าง?
การเปลี่ยนมุมมองให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงที่ฝังลึกในชีวิตของแต่ละคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราต้องทูลขอพระเจ้าให้เรามีประสบการณ์ชีวิตที่จะช่วยปรับและเปลี่ยนมุมมองของเรา
และ ทำงานในจิตใจความคิด และ
ความรู้สึกของเราให้มีสายตาเยี่ยงสายพระเนตรของพระองค์
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น