พระยาห์เวห์ทรงนำย่างเท้าคนใดให้มั่นคง...
แม้เขาสะดุด
เขาจะไม่ล้มลง
เพราะพระยาห์เวห์ทรงยุดมือเขาไว้ (สดุดี 3:23-24
มตฐ.)
บางท่านอาจจะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติชีวิต บางคนถามตนเองว่าทำไมเราไม่พ้นจากสภาพการเป็นหนี้ที่ไม่รู้จักสิ้นสุดสักที?
เมื่อไหร่เราจะพบคู่ชีวิตตัวจริงของเราสักที? ทำไมแฟนแต่ละคนที่เราพบถึงมีปัญหา ที่ไม่สามารถไปด้วยกันได้สักคน?
ความฝันในชีวิตของเราทำไมถึงไม่เป็นจริงเลยสักครั้ง? แล้วแต่ละเรื่องมันจะลงเอยกันแน่อย่างไรในที่สุด?
1. อย่าเชื่อผิด ๆ ว่า ทุกเรื่องทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นน้ำพระทัยที่พระเจ้าให้เกิดขึ้นเสมอไป การที่คริสตชนมีความเชื่อแบบนี้มักทำให้คริสตชนคนนั้นต้องมานั่งสงสารตนเอง
แล้วจะเป็นเหตุให้ในที่สุดเราจะกล่าวโทษพระเจ้าที่ให้สิ่งนี้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
มากกว่าที่กลับมาพิจารณาใคร่ครวญถึงความรับผิดชอบของตนเองต่อการที่ตัดสินใจกระทำบางอย่างที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นแก่เรา ความเชื่อแบบนี้ยังทำให้คริสตชนที่นิ่งเฉย คิดเอาเองว่า “ฉันจะรอพระเจ้าที่จะประทานภรรยาให้แก่ฉัน”
หรือ “ฉันจะรอให้พระเจ้าประทานงานให้ฉันทำ”
แต่ในความเป็นจริงคือพระเจ้าทรงประทานสมองให้เราสามารถที่จะคิด
พระองค์ประทานเท้าให้เราที่จะก้าวเดินออกไป แล้วให้เราตัดสินใจที่ทำอะไรในบางเรื่อง
2. อย่าหลงผิดคิดว่าทุกเรื่องในชีวิตต้องมีคำตอบ ทุกเรื่องต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นเมื่อเราไม่ได้คำตอบเราก็จะเกิดการการวุ่นวายสับสน จะรู้สึกสับสนงุนงงอย่างมาก เพราะมิใช่ทุกเรื่องทุกเหตุการณ์ที่เราจะพบเห็นผล
หรือ คำตอบที่ชัดเจน เช่น
เมื่อเราเริ่มต้นทำธุรกิจ เราคิดว่าสิ่งนี้เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่ปรากฏว่าทำไปชั่วพักหนึ่ง ธุรกิจที่เราทำมันล้มเหลว เราก็กลับมาคิดในใจว่า
ตอนแรกคิดว่าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าให้ทำธุรกิจ แต่ตอนนี้มันก็ล้มเหลว จริง ๆ แล้วมันเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือเปล่าเนี่ย?
เราจะทำอย่างไรเมื่อเรื่องที่เราคิดว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า แต่ทำไปแล้วก็ล้มเหลว ทำให้เกิดความสงสัยว่า แล้วนี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าหรือเปล่า? แล้วเราจะทำอย่างไรเมื่อหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้? เรายังคงไว้วางใจพระเจ้าหรือไม่? เราเชื่อว่าในเวลานั้นพระเจ้ากำลังใช้เหตุการณ์นั้นในการเสริมสร้างชีวิตของเราในด้านต่าง
ๆ หรือไม่? จริง ๆ แล้วพระเจ้าทรงมีแผนการในชีวิตของเราหรือไม่?
3. อย่ากลัวลาน
อะไรคือความกลัวที่ซ่อนเร้นเกี่ยวกับเรื่องน้ำพระทัยของพระเจ้า?
รากฐานที่ซ่อนเร้นในความกลัวลานนั้นคือการที่เรามีความสงสัยในความรักของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของเรา ใน 1ยอห์น 4:18 กล่าวไว้ว่า “ในความรักนั้นไม่มีความกลัว
แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ขับไล่ความกลัวออกไปเสีย” (มตฐ.)
เวลาใดก็ตามที่เราเกิดความสงสัยในความรักของพระเจ้า ในเวลานั้นเราจะเกิดความกลัวว้าวุ่นใจ เพราะในเมื่อเราไม่ไว้วางใจในพระองค์ เราจะไม่เชื่อฟังพระองค์ และนั่นคือตัวนำให้ชีวิตของเราเข้าสู่ความสับสนซับซ้อนและยุ่งยากมากยิ่งขึ้น
ในสดุดี 3:23-24 กล่าวไว้ว่า
พระยาห์เวห์ทรงนำย่างเท้าคนใดให้มั่นคง...
แม้เขาสะดุด
เขาจะไม่ล้มลง
เพราะพระยาห์เวห์ทรงยุดมือเขาไว้
น้ำพระทัยของพระเจ้าคือการที่พระองค์ทรงสำแดงความรักของพระองค์ออกมา
ในเวลาที่เรายังไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงสิ่งที่พระเจ้ากำลังทรงกระทำ หรือสิ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้น เราจะต้องมีความอดทน พระเจ้าทรงรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตของเรา
แต่ในเวลานี้เรายังไม่สามารถเห็นและรู้ชัดว่าเรื่องทั้งสิ้นจะจบลงเช่นไร แต่เราจะรู้ในที่สุด เส้นทางของพระเจ้าที่เราต้องเดินนั้นในบางช่วงจะเป็นเส้นทางแห่งความเจ็บปวดในชีวิต แต่ในความเจ็บปวด ในเวลาที่ความสำเร็จขับเคลื่อนมาอย่างเชื่องช้า
หรือความทุกข์ยากที่เกิดแล้วเกิดอีกในชีวิตของเรา
เป็นโอกาสที่พระเจ้าจะทรงเสริมสร้างชีวิตของเราให้เป็นไปตามพระประสงค์
ในเวลาที่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนดี
พระเจ้าทรงทำสิ่งเลวร้ายนั้นในชีวิตของคนดีหรือ? หรือเมื่อสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับคนดี
แม้ว่าสิ่งเลวร้ายนั้นพระเจ้ามิได้กระทำก็ตาม แต่พระเจ้าทรงสนพระทัยในชีวิตของคน ๆ นั้น และหาทางที่จะทำให้เกิดสิ่งดีขึ้นจากวันเลวร้ายในชีวิตของเขามิใช่หรือ?
ท่านกำลังรอพระเจ้าให้กระทำอะไรให้เกิดขึ้นในชีวิตของท่าน? ท่านคิดว่าในเวลาเช่นนั้นท่านมีเพียงนั่งรอให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น
หรือ เป็นโอกาสที่ท่านจะใกล้ชิดติดสนิทขอพระเจ้าทรงทรงสำแดงให้ท่านรู้ว่า
ในเรื่องที่กำลังรอคอยนั้นท่านควรกระทำอะไรบ้าง?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น