17 สิงหาคม 2558

พระมหาบัญชาที่มาก่อน...นำชนทุกชาติให้มาเป็นสาวก...!

“ถ้าท่านรักแต่ผู้ที่รักท่าน ท่านจะน่าสรรเสริญที่ตรงไหน?
แม้แต่ คนบาปก็รักคนที่รักเขา...” (ลูกา 6:32 อมต.)

เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนเรามีโอกาสคิดใคร่ครวญถึงความรักที่ไร้เงื่อนไข    เป็นเรื่อง “ยากส์” สำหรับมนุษย์ถ้วนหน้า   เพราะเราพบว่า การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะรักแบบไร้เงื่อนไขเฉกเช่นที่สำแดงเป็นรูปธรรมผ่านชีวิตของพระคริสต์นั้นมีสองประการสำคัญคือ   ประการแรก  การที่จะรักแบบไร้เงื่อนไข เราต้องเปลี่ยนที่จะรักคน ๆ นั้นจากหลักการเหตุผล   หรือการที่เรามีคน ๆ นั้นใน “สมอง” ในความคิดของเรา  ไปสู่การที่เรามีคน ๆ นั้นใน “หัวใจ” หรือ จิตใจของเรา  กล่าวคือรักคน ๆ นั้นด้วยจิตใจของเรา   เราจึงไม่ต้องใช้ตรรกะว่า เขาดีพอที่เราจะรัก หรือ เขาสมควรที่เราจะรักหรือไม่   แต่รักด้วยหัวใจคือการที่เราห่วงหาอาทรคน ๆ นั้น   พยายามทุกหนทางที่จะเข้าใจตามที่เขาเป็นเช่นนั้น   ที่เขาแสดงพฤติกรรมเช่นนั้น   และเขาจะเป็นอย่างไรเราก็จะรักเขา   นั่นเป็นความรักที่ไร้เงื่อนไข

การที่เราจะมีความรักเมตตาอย่างไร้เงื่อนไขของพระคริสต์   มิใช่สิ่งที่คริสตชนจะเลือกว่า “จะรัก หรือ จะไม่รัก”   ดังใน ลูกา 6:32 และ 36 ที่ว่า “ถ้า​พวก​ท่าน​รัก​เฉพาะ​คน​ที่​รัก​ท่าน ควร​นับ​ว่า​เป็น​คุณ​ความ​ดี​ของ​ท่าน​ด้วยหรือ? เพราะ​แม้​แต่​พวก​คน​บาป​ก็​ยัง​รัก​เฉพาะ​คน​ที่​รัก​เขา​เหมือน​กัน... พวก​ท่าน​จง​มี​ใจ​เมต​ตา​กรุณา​เหมือน​อย่าง​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​มี​พระ​ทัย​เมต​ตา​กรุณา” (มตฐ.) 

การรักอย่างไร้เงื่อนไขเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่พระคริสต์คาดหวังจากคริสตชนทุกคนที่จะรักอย่างที่พระองค์ทรงรัก   และพระคริสต์มาสำแดงความรักที่ไร้เงื่อนไขนี้   ก็เพื่อสำแดงให้มวลมนุษย์ได้เห็นและสัมผัสถึงความรักของพระบิดา   ดังนั้น   การรักอย่างไร้เงื่อนไขแบบพระคริสต์จึงเป็นพระบัญชาให้คริสตชนทุกคนให้มีชีวิตเฉกเช่นเดียวกับพระองค์   ให้คริสตชนทุกคนสานต่อความรักที่ไร้เงื่อนไขแบบพระคริสต์   และ นี่คือ “หัวใจ และ พลัง” ที่คริสตชนทุกคนใช้ขับเคลื่อนในการ “นำคนทุกชาติให้มาเป็นสาวกของพระองค์”

ปราศจากพลังแห่งความรักที่ไร้เงื่อนไขของพระคริสต์   ก็ไม่สามารถที่จะนำคนทุกชาติให้มาเป็นสาวกของพระองค์   อย่างที่เราเห็นตำตาในปัจจุบันว่า   แม้ประเทศนั้น ๆ จะเป็นประเทศคริสตชน   เป็นประเทศมหาอำนาจ   มีเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่   มีประชาชนที่ชาญฉลาด   มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย...   แต่ก็พบว่าเขาไม่สามารถที่จะ “นำชนทุกชาติให้มาเป็นสาวกของพระคริสต์”   ทั้งนี้เพราะเขาไม่มี “พลังความรักที่ไร้เงื่อนไขของพระคริสต์”   และขอพูดให้ชัดลงไปเลยว่า   “เงินถวายเท่านั้น ไม่เคยนำชนทุกชาติให้มาเป็นสาวกของพระคริสต์...  แต่การที่คริสตชนแต่ละคนมีหัวใจที่มีพลังรักอย่างไร้เงื่อนไขของพระคริสต์ต่างหาก   ที่เป็นพลังหลักที่นำชนทุกชาติให้มาเป็นสาวกของพระองค์” ได้

ทำอย่างไรที่คริสตชน  สมาชิกคริสตจักรในประเทศไทยจะมีความรักที่ไร้เงื่อนไขของพระคริสต์ในชีวิตของแต่ละคนได้?   นี่คือบทบาท และ ความรับผิดชอบหลักของคริสตจักรท้องถิ่นไทยแต่ละแห่งต้องทำถ้าคิดจะสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ในประเทศนี้    ในทางกลับกันถ้าคริสตจักรไทยแต่ละแห่งไม่สอน และ สร้างให้สมาชิกแต่ละคนของตนให้มีพลังความรักที่ไร้เงื่อนในชีวิตของเขาแล้ว   คริสตจักรไทยก็ไม่สามารถที่จะทำพระมหาบัญชาที่ให้สานต่อพระราชกิจของพระองค์ได้เลย  

คริสตชนที่ไม่เคยสัมผัสกับความรักที่ไร้เงื่อนไขของพระคริสต์   ก็จะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องความรักที่ไร้เงื่อนไขนี้   และถ้าคนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์นี้ก็จะไม่มีสำนึกในพระคุณความรักของพระคริสต์ที่มีในชีวิตของเขา   เมื่อไม่มีสำนึกเช่นนี้แล้วเขาจะรักคนอื่นอย่างไร้เงื่อนแบบพระคริสต์ได้อย่างไร?   แล้วพระคริสต์จะส่งสมาชิกคริสตจักรที่ไม่มีความรักที่ไร้เงื่อนไขของพระองค์เข้าไปในสังคมชุมชนเพื่อสานต่อพระราชกิจของพระองค์ได้อย่างไร?

ที่สำคัญคือ ที่เราออกไปประกาศพระกิตติคุณโดยไม่มีประสบการณ์ และ สำนึกในพระคุณของพระเจ้า   แล้วเขาจะรักคนที่เขาไปประกาศพระกิตติคุณอย่างไร้เงื่อนไขได้อย่างไร?   และการประกาศพระกิตติคุณโดยปราศจากความรักที่ไร้เงื่อนไขแบบพระคริสต์จะเกิดผลเช่นไรกันแน่?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น