04 สิงหาคม 2558

พระเจ้าใช้ความเจ็บแสบในชีวิตเรา...ตามพระประสงค์!

เพราะ​ฟ้า​สวรรค์​สูง​กว่า​แผ่น​ดิน​โลก​อย่างไร
ทาง​ของ​เรา​ก็​สูง​กว่า​ทาง​ของ​พวกเจ้า
และ​ความ​คิด​ของ​เรา​ก็​สูง​กว่า​ความ​คิด​ของ​เจ้า​อย่าง​นั้น
(อิสยาห์ 55:9 มตฐ.)

หลุยส์ เด็กชายตัวเล็กนั่งดูพ่อทำงาน  ที่ร้านทำอานม้าของพ่อ  ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส  ซึ่งเขาชอบนั่งดูพ่อของตนในการทำและซ่อมอานม้า   มีความคิดว่า ถ้าเขาโตขึ้นเขาอยากจะเป็นช่างทำอานม้าเช่นเดียวกับพ่อ

พ่อเริ่มที่จะสอนหลุยส์ในการตัดหนัง และ การเจาะรู้หนังเพื่อการเย็บ   วันหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อหลุยส์กำลังหัดทำเกี่ยวกับการเจาะรูหนัง   ปรากฏว่าหนังที่เขาถือมันลื่นทำให้หลุดจากมือ  เครื่องเจาะรูหนังที่แหลมคมได้พลาดแทงเข้าที่ดวงตาของหลุยส์   เขาขยี้ตาด้วยความเจ็บปวด  ในที่สุดตาข้างหนึ่งของหลุยส์ถึงกับสูญเสียการมองเห็น   และอีกไม่นานตาอีกข้างหนึ่งมืดบอดมองไม่เห็นเพราะการติดเชื้อ   ทำให้ชีวิตของหลุยส์ตั้งแต่วันนั้นสูญเสียการมองเห็นอย่างสิ้นเชิง

ในสมัยนั้น เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นจะไม่มีโอกาสเข้ารับการศึกษาในโรงเรียน เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นต้องไปเป็นคนงานในไร่ หรือต้องทำงานหนักเยี่ยงสัตว์  หรือเป็นขอทานเร่ร่อน  แต่พ่อแม่ของหลุยส์ เบรลล์ มุ่งมั่นจะเลี้ยงดูบุตรของตนอย่างดีเช่นเด็กคนอื่น ๆ โดยให้หลุยส์พยายามทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองและให้ช่วยทำงานบ้านทั่วไป  เป็นโอกาสในการเรียนรู้และฝึกฝนการใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ   

แต่ด้วยความใส่ใจในการอภิบาลชีวิตคริสตจักร  บาทหลวงฌ้าค (Father Jacques) ได้มาเยี่ยมที่บ้าน   จึงชวนเด็กชายหลุยส์ให้ไปเรียนหนังสือที่โบสถ์   โดยท่านได้สอนวิชาประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมทั้งคำสอนทางคริสต์ศาสนา  ความขยันและความใฝ่รู้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของหลุยส์ ทำให้บาทหลวงฌ้าคหมดภูมิรู้ที่จะสอนต่อไปได้   ต่อมา บาทหลวงฌ้าคได้ส่ง หลุยส์ เบรลล์ ไปเรียนต่อที่โรงเรียนสอนคนตาบอดสำหรับเด็กโต (The International Institute of Blind Youths) ซึ่งอยู่ในกรุงปารีส

อีกหลายปีต่อมา  หลุยส์ เบรลล์ ได้พบกับ นายทหารยศร้อยเอกชื่อ ชารลส์ บาร์บิเยร์ (Captain Charles Barbier) มาเยี่ยมโรงเรียน  เขาเป็นผู้คิดค้นวิธีการสื่อสารในที่มืดของเหล่าทหาร เรียกว่า การเขียนในที่มืด (Night Writing)” และคิดว่าน่าจะนำวิธีการนี้มาปรับใช้เพื่อช่วยคนตาบอดในการอ่านหนังสือได้  หลักการของวิธีนี้คือการใช้จุดนูน

แต่หลุยส์ เบรลล์ และ เพื่อน ๆ พบว่า  การเขียนจุดนูนแบบนี้ยังไม่สมบูรณ์พอ  หลุยส์ตัดสินใจคิดค้นหาวิธีการใช้ที่ได้ผลต่อไป หลุยส์ เบรลล์ จะพกแผ่นกระดาษหนา และ สไทลัสติดตัวตลอดเวลา  เขาทดลองเจาะจุดนูนหลากหลายรูปแบบ เพื่อค้นหาคำตอบที่เขาต้องการ  สไทลัสมีลักษณะคล้ายเหล็กแหลมซึ่งพ่อของเขาใช้เป็นเครื่องมือ หรือมีดเจาะแผ่นหนังสัตว์ อันเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เขาตาบอดนั่นเอง

ผู้กองมีความคิดว่า สิ่งที่ตนทำนั้นดีที่สุดแล้ว   และที่แย่กว่านั้นเขามีมุมมองว่า คนตาบอดไม่มีทางจะฉลาดกว่าคนตาดี  และคนตาบอดต้องยอมรับสิ่งที่ทำขึ้นง่าย ๆ และไม่จำเป็นต้องมีหนังสืออ่านมากมายเลย  หลุยส์ เบรลล์ รู้แก่ใจได้ทันทีว่า เขาจะต้องศึกษาและพัฒนาการเขียนจุดนูนนี้ด้วยตนเองต่อไปให้ได้

หลุยส์ เบรลล์ ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการคิดค้นหาทางที่จะทำอักษรจุดที่สอดคล้องเหมาะสมสำหรับคนที่สูญเสียการมองเห็นอย่างเช่นพวกตน   กว่าสามปีที่ หลุยส์ เบรลล์ มุ่งมั่นทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงานนี้   ในช่วงปิดเทอมครั้งหนึ่งเขาสามารถทำระบบจุดนูนที่อ่านได้ง่าย สะดวกสำหรับพวกตน   และเมื่อทดลองใช้กับเพื่อน ๆ และ นักเรียนต่างเห็นว่านี่คือระบบที่ช่วยให้พวกเขามีโอกาสที่จะอ่านและทำหนังสือสำหรับคนที่สูญเสียสายตาได้  หลุยส์ แบรลล์ กล่าวกับเพื่อน ๆ ว่า ต่อไปนี้เราสามารถจดบันทึกทุกอย่างที่เราได้ยินมาแล้วนำมาอ่านทบทวนภายหลังได้  เราจะไม่มีวันลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้เรียนรู้มาเลย และในไม่ช้า เราจะต้องมีหนังสือที่ทำขึ้นเฉพาะสำหรับพวกเราอ่านกัน  

จากการทุ่มเทของ หลุยส์ แบรลล์ ในการผลิตอักษรนูนนี้   ได้ช่วยให้ผู้พิการและสูญเสียการมองเห็นจำนวนหลายล้านคนที่ได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล

การสูญเสียความสามารถในการมองเห็นที่น่าเศร้าสลดของ หลุยส์ แบรลล์  ตั้งแต่วัยเด็กมิใช่อุบัติเหตุที่ไร้ค่า   แต่พระประสงค์ของพระเจ้าเกิดขึ้นได้แม้เมื่อ หลุยส์ แบรลล์ มีชีวิตที่เจ็บปวดจากการสูญเสียการมองเห็น   อีกทั้งยังถูกมองอย่างด้อยค่าจากบางคนรอบข้าง   แต่ด้วยความมุ่งมั่นในชีวิตที่เขาต้องการช่วยให้คนที่สูญเสียการมองเห็นอย่างเขา   ให้สามารถอ่านและบันทึก  เรียนรู้  และมีคุณค่าในชีวิตเฉกเช่นกับคนตาดีคนอื่น ๆ ในความเจ็บปวดของชีวิตหลายปี   ที่หลุยส์ แบรลล์ ไม่ละทิ้งเสียงเรียกแห่งพระประสงค์ที่มีในชีวิตของตน   จนกระทั่งถึงเวลาแห่งพระประสงค์สำเร็จเป็นจริง   และเป็นพระพรแก่ผู้คนหลากหลายมากมาย

เช่นเดียวกันครับ ความเจ็บปวดในชีวิตวันนี้ พระเจ้าสามารถใช้ให้เกิดสิ่งดีตามพระประสงค์ของพระองค์ผ่านการดำเนินชีวิตของเราท่านครับ   ถึงแม้ว่าวันนี้เรามืดแปดด้านมองไม่เห็นพระประสงค์ในยามวิกฤติชีวิตก็ตาม   แต่มั่นใจเถิดว่า พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจท่ามกลางวิกฤติเจ็บปวดในชีวิตของเรา   จงวางใจในพระเจ้าว่า  เมื่อถึงเวลากำหนดของพระองค์ พระองค์จะช่วยสำแดงให้เราเห็นพระพร ความจริง แห่งพระประสงค์อย่างเป็นรูปธรรม

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น