นักเขียนชาวอังกฤษ
ซอมเมอร์เซท เมิกแฮม (Somerset Maugham) ได้เขียนเรื่องราวของนักการภารโรงคนหนึ่งที่ทำงานที่โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ในกรุงลอนดอน
ต่อมามีผู้พบภายหลังว่านักการท่านนี้อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ความจริงก็คือว่าเขาพยายามปกปิดเรื่องนี้ตลอดมา แต่ในที่สุดเขาก็ถูกเปิดโปงและให้ออกจากงาน
เมื่อตกงาน
ชายคนนี้ได้เอาเงินที่กระเหม็ดกระแหม่สะสมไว้มาลงทุนเปิดร้านค้าเล็ก ๆ เขาค่อย ๆ มีรายได้เพิ่มขึ้น ค่อย ๆ มั่งคั่งมากขึ้น จนเขาสามารถเปิดร้านใหม่หลายร้าน ในที่สุดเขามีสาขาร้านค้ามากมายกลายเป็นคนที่ร่ำรวยมั่งคั่งคนหนึ่ง
วันหนึ่ง
เมื่อเขามาทำธุรกรรมการเงินของเขาที่ธนาคาร นายธนาคารถามเขาว่า “ท่านคิดว่า
ถ้าท่านสามารถอ่านออกเขียนได้
สถานภาพตอนนี้จะดีขึ้นแค่ไหน?”
ชายคนนี้ตอบว่า
“อ๋อ... ฉันก็ยังคงเป็นแค่...ภารโรงที่โบสถ์เซ็นต์ ปีเตอร์อยู่อย่างเดิมกระมัง”
ความทุกข์ยากขัดสน
ความด้อยโอกาสได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตเรื่องแล้วเรื่องเล่า นั่นก็เป็นเพราะว่าคน ๆ นั้นไม่ยอมที่จะงอตีนงอมือปล่อยให้วิกฤติทุกข์ยากในชีวิตไหลท่วมทับชีวิตของเขา แต่เขาคนนั้นกลับลุกขึ้นรับมือสู้ความท้าทายเหล่านั้นด้วยความมุ่งมั่น
อดทน
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเรียนรู้ในทุกอณูของความทุกข์ยากลำบาก แล้วเติบโตขึ้นท่ามกลางความขัดสนที่ต้องเผชิญ แล้วมุ่งมองหาที่จะก้าวออกจากวิกฤติกองทุกข์
และ มุ่งมั่นกล้าเสี่ยง ก้าวเข้าไปสู่อาณาพื้นที่ชีวิตใหม่แม้จะยังไม่เคยทำไม่เคยจัดการกับมันมาก่อนก็ตาม
สิ่งนี้ก็เป็นสัจจะความจริงในชีวิตของคริสตชนเช่นกัน
ด้วยความสาหัสหนักหนาที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ทำให้เราตัดสินใจ “คุกเข่าลง” ก้มหัวของเราลงท่ามกลางความหมดทางสิ้นหวัง ก่อนที่เราจะเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์
เพื่อแสวงหาการทรงนำให้เราพบเส้นทางที่จะเผชิญวิกฤตินั้น
แล้วใช้วิกฤติเป็นเครื่องมือเสริมสร้างความเข้มแข็งของชีวิต เรียนรู้ชีวิต
ความมืดถูกพลิกเป็นความสว่าง ทางที่แสนขรุขระถูกถมปรับให้ราบเรียบ และที่สำคัญคือ บนเส้นทางแห่งความทุกข์ยากสาหัสนั้นเองที่เราได้พบ
ใกล้ชิด สัมผัส
และรู้จักกับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากยิ่งขึ้น
แทนที่เราจะมุ่งมองจับเจ่าอยู่กับความทุกข์ยากลำบากที่เรากำลังเผชิญอยู่ว่า
ชีวิตเราตกต่ำ ชีวิตต้องคำสาปแช่ง หรือ ชีวิตนี้ไม่เป็นธรรมกับตน แต่ในฐานะคริสตชนให้เรามองด้วยสายตาชีวิตที่มีความหวังในพระคริสต์
มองด้วยสายตาที่เห็นถึงโอกาสของการเรียนรู้และเติบโตไปกับพระคริสต์ท่ามกลางความทุกข์ยากลำบาก
จงตระหนักเสมอว่า
ในทุกความทุกข์ยากลำบากที่เกิดขึ้น (ไม่ว่าจากสาเหตุอะไรหรือใครเป็นต้นเหตุ)
ท่านสามารถที่จะเปิดใจเปิดชีวิตให้พระเจ้าทรงใช้สถานการณ์นั้นในการหล่อหลอม
เสริมสร้างชีวิตของท่านขึ้นใหม่ ให้เป็นชีวิตที่อุทิศ
ภักดี สัตย์ซื่อ เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
และเข้มแข็งเกิดผลในการติดตามและเป็นสาวกของพระคริสต์
และหลังจากพวกท่านทนทุกข์ชั่วเวลาหนึ่งแล้ว พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น ผู้ได้ทรงเรียกให้พวกท่านเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์
พระองค์เองก็จะทรงฟื้นฟู จะทรงค้ำจุนให้มั่นคง จะทรงเสริมเรี่ยวแรง
และจะทรงให้พวกท่านตั้งมั่นอยู่ (1เปโตร 1:10 มตฐ.)
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น