“...การที่จะรักพระองค์ด้วยสุดใจ สุดความเข้าใจ และสุดกำลัง
และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ก็สำคัญกว่าเครื่องเผาบูชาและของถวายทั้งสิ้น” (มาระโก 12:33 มตฐ.)
ในปี 1986
ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดขึ้นที่ทะเลดำด้านชายฝั่งของประเทศรัสเซีย
ผู้โดยสารของเรือสองลำต้องเสียชีวิตเมื่อเรือทั้งสองลำชนกัน ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากต้องกระเด็นออกจากเรือแล้วตกจมลงในทะเลที่เย็นยะเยือกใต้น้ำแข็งในทะเล
สาเหตุของเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งนี้มิใช่เพราะเกิดหมอกลงจัด หรือความผิดปกติเกี่ยวข้องทางเทคนิค
หรือมิใช่เพราะความเลินเล่อของบรรดาเจ้าหน้าที่บนเรือที่ทำให้เกิดการชนกันอย่างแรง แต่สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากการที่กัปตันของเรือทั้งสองต่างไม่ยอมหลีกทางแก่กันและกัน ต่างเอา “ตัวกู” เป็นใหญ่ กัปตันทั้งสองต่างเห็นเรือที่แล่นมาทางตรงกันข้ามชัดเจน
แทนที่จะยอมหลีกทางให้กัน ต่างดึงดันที่จะมุ่งไปข้างหน้าไม่ยอมหลีกทางแก่อีกฝ่ายหนึ่ง
และนี่คือสาเหตุของความหายนะมิใช่ชีวิตของกัปตันทั้งสองเท่านั้น
แต่ชีวิตผู้คนจำนวนมากมายของผู้โดยสารในเรือทั้งสองที่ต้องมาจบชีวิตลงเพราะความดึงดันเห็นแก่ตัวของกัปตันทั้งสอง
บ่อยครั้ง ความเห็นแก่ตัว การดึงดัน เอา “ตัวกู”
เป็นใหญ่ที่นำมาซึ่งความหายนะ อาจจะมิใช่ความหายนะสูญเสียทางร่างกายอย่างเรื่องที่เล่าข้างต้น แต่ความเห็นแก่ตัว การที่เอา “ตัวกู”
เป็นใหญ่อาจสร้างบาดแผลขึ้นทั้งอารมณ์ความรู้สึก และ สัมพันธภาพที่มีต่อกัน และบาดแผลนี้อาจจะกลัดหนอง เน่าเฟะ
นานหลายปี ในบางรายตลอดชีวิต
การที่พระคริสต์ทรงบัญชาให้เรารักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองจึงมีความสำคัญมากยิ่ง
ในฐานะที่แต่ละคนเป็นอวัยวะหนึ่งในพระวรกายของพระคริสต์ เราจะต้องตอบสนองต่อพระมหาบัญญัตินี้ที่จะมีชีวิตอยู่และสัมพันธ์ที่สันติสงบสุขกับคนต่าง ๆ
ทั้งเพื่อนผู้เชื่อและเพื่อนบ้านต่างความเชื่อ
ด้วยเหตุนี้เราจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำตามใจตนเอง ทำตาม “ตัวกู” ต้องการ
และเราไม่ควรปล่อยให้ความเห็นแก่ตัวของเรายิ่งใหญ่ครอบงำเหนือความรักสัมพันธ์ที่มีต่อเพื่อนบ้าน
ในแต่ละวัน
ให้เราใส่ใจเจ้า “ตัวกู” ในตนเอง
อย่าให้มันมีอิทธิพลที่จะครอบงำเหนือความสัมพันธ์ที่เรามีต่อผู้คนรอบข้าง เราต้องถ่อมตนเองลงและยกคนอื่นขึ้น
และนั่นจะเป็นย่างก้าวสำคัญที่เราจะรักคนอื่นเหมือนรักตนเอง
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น