ทุกวันนี้ คริสตจักรส่วนใหญ่จะรวมตัวกัน
พบปะกัน
หรือทำกิจกรรมด้วยกันภายในขอบรั้วของคริสตจักร แม้แต่กลุ่มเซลล์ หรือ กลุ่มเล็ก ก็กระจุกรวมตัวในมุมที่พวกตนรู้สึกปลอดภัยและสะดวกสบาย ผมเคยเดินถามผู้คนในชุมชนว่า เขาทำอะไรกันในคริสตจักรของพวกคริสต์ เกือบทั้งหมดจะตอบว่าไม่รู้ นอกนั้นจะตอบว่าเขาไปสวดร้องเพลงกันในโบสถ์
คุณเชื่อไหม ... ชาวบ้านชาวช่องเขาไม่รู้ว่า เราทำอะไรกันในคริสตจักร!
ผมเคยแบ่งปันเรื่องนี้กับแกนนำคริสตจักรบางคน เขาตอบผมว่า
“อยากรู้ก็เข้ามาในคริสตจักรสิ!
เออ...ให้มันคิดได้อย่างนี้สิ...! เขาไม่อยากรู้หรอกว่าเราทำอะไรกันในคริสตจักร แต่เราคริสตชนต่างหากที่ต้องการให้เขารู้จักพระเยซูคริสต์มิใช่หรือ? เราต้องการที่จะให้ผู้คนในชุมชนได้มีชีวิตที่มีคุณภาพในแผ่นดินพระเจ้ามิใช่หรือ?
แล้วถ้าสมาชิกคริสตจักรมัวแต่เก็บตัวในรั้วโบสถ์
แล้วคนในชุมชนจะรู้จักพระเยซูคริสต์ได้อย่างไรกัน?
หรือท่านยังยืนยันว่า ถ้าจะรู้จักคริสตชนและรู้จักพระคริสต์จะต้องเข้ามาในคริสตจักร?
แต่พระเยซูคริสต์ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของพระองค์ทำงานคลุกคลีอยู่กับผู้คนต่าง
ๆ บนท้องถนน เข้าไปในชุมชน เข้าไปในบ้านของชาวบ้าน พบปะกับคนที่ถูกทอดทิ้ง ใช้ชีวิตส่วนใหญ่กับประชาชน จึงไม่น่าแปลกที่ประชาชน
คนในสังคมชุมชนรู้จักพระเยซูคริสต์
มากกว่านั้นต้องการเห็น
ต้องการพบปะ สัมผัส และต้องการรับการเยียวยารักษาจากพระองค์
ถ้าคริสตจักรจะทำหน้าที่สานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ สมาชิกคริสตจักร กลุ่มเซลล์ กลุ่มเล็กในคริสตจักร จะต้องออกจากรั้วรอบขอบชิดของคริสตจักร ออกจากมุมปลอดภัยสะดวกสบายของตน เข้าไปสัมผัสและสัมพันธ์กับชีวิตของผู้คนในสังคมชุมชน
อย่าแค่อธิษฐานเผื่อผู้คนในสังคมชุมชน
แต่ออกไปสำแดงความรักเมตตาของพระคริสต์แก่ผู้คนเหล่านั้น
อย่าแค่อธิษฐานเผื่อประเทศไทย
แต่เข้าร่วมมีส่วนในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตแห่งแผ่นดินของพระเจ้าในสังคมไทย เข้าไปใช้ชีวิตรับใช้พระคริสต์ในชุมชนเพื่อสร้างผลกระทบในจุดต่าง
ๆ ของชุมชน
และเมื่อนั้นคนในชุมชนจะได้รู้จักและรู้ว่าคริสตจักรเขาทำอะไรกัน! แต่สำคัญยิ่งกว่านั้น พระเยซูคริสต์ของคริสตชนมีพลังอำนาจแห่งความรักเมตตาที่สร้างผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขาอย่างไรบ้าง
ถ้าคริสตจักรจะมีชีวิตที่สร้างผลกระทบต่อชีวิตสังคมไทย มี 4 ประการต้องพิจารณาแล้วลงมือทำ
คือ
- เต็มใจ และ ตั้งใจ ที่จะก้าวออกจากมุมที่คริสตชนรู้สึกว่าปลอดภัย
สะดวกสบาย ในคริสตจักร ในบ้านสมาชิก ก้าวออกจากห้องที่เราใช้พบกลุ่มเซลล์
กลุ่มเล็กของคริสตจักร
แล้วเข้าไปพบพระเยซูคริสต์ที่พระองค์กำลังอยู่ในชุมชน ท่ามกลางชีวิตของประชาชน เข้าไปรับใช้พระคริสต์ท่ามกลางคนเหล่านั้นในชุมชน
เข้าไปร่วมพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางชีวิตชุมชน
เพื่อร่วมกับพระเยซูคริสต์ในการนำแผ่นดินของพระเจ้าให้มาตั้งอยู่ เพื่อที่จะร่วมกับพระองค์ในการสำแดงน้ำพระทัยของพระบิดาในแผ่นดินโลกนี้
- ถ้าเราจะสร้างผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในชุมชน เราต้องเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนั้น ให้คริสตชนใช้ชีวิตที่สำแดงพระคริสต์ผ่านชีวิตประจำวันของตนท่ามกลางชุมชน ตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์
พระองค์มีชีวิตประจำวันที่แตกต่างจากศาสดาผู้นำศาสนาอื่น ๆ พระองค์มิได้ถือศีลภาวนาเก็บตัวอยู่บนยอดเขา หรือ แสวงหาสัจจะธรรมท่ามกลางป่ารกทึบ แต่พระองค์ใช้ชีวิตทุกวันท่ามกลางชีวิตประชาชนในชุมชน ถ้าคริสตชนจะสัตย์ซื่อที่จะประกาศพระเยซูคริสต์ก็จะต้องใช้ชีวิตเยี่ยงพระองค์ท่ามกลางชีวิตของประชาชนในชุมชน และเมื่อนั้น
ชีวิตคริสตชนของเราก็จะสามารถสำแดงความรักของพระคริสต์แก่ผู้คนในชุมชน เพื่อประชาชนจะได้สัมผัสสัมพันธ์กับความรักเมตตาของพระองค์ผ่านการดำเนินชีวิตของเรา ผ่านกลุ่มเซลล์ กลุ่มเล็กของเรา
- ผู้คนจะยอมรับความรักของพระคริสต์ก็ต่อเมื่อสมาชิกคริสตจักร สมาชิกกลุ่มเซลล์ กลุ่มเล็ก
ใช้ชีวิตท่ามกลางชีวิตของชุมชนอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำ
และยาวนาน
มิใช่ทำเป็นกิจกรรมเฉพาะกิจ
เป็นครั้งเป็นคราว หรือ เป็นการสร้างกิจกรรมงานใหญ่ ที่เราใช้ภาษาฝรั่งว่า เราทำพันธกิจแบบ “อีเว้นท์”
(event) การกระทำเช่นนี้นอกจากไม่สามารถสร้างผลกระทบต่อชีวิตชุมชนแล้ว ยังสร้างความไม่แน่ใจถึงขนาดไม่ไว้วางใจว่า
ที่พวกสมาชิกคริสตจักรมาทำเช่นนั้นก็เพื่อชักจูงคนอื่นให้เปลี่ยนศาสนาไปเป็นคริสต์หรือไม่? ชุมชนขาดความไว้วางใจ ชุมชนยังไม่ยอมรับคริสตชน ชุมชนก็จะไม่ได้สัมผัสความรักเมตตาของพระคริสต์
- คริสตชน สมาชิกคริสตจักร และ สมาชิกกลุ่มเซลล์แต่ละคนเมื่อเข้าไปใช้ชีวิตในชุมชนต้องรู้เท่าทัน ตระหนักชัด และ ใส่ใจว่า เราเข้าไปในชุมชนในฐานะ “ตัวแทน” “ทูต” ของพระเยซูคริสต์ เพื่อที่จะสำแดงความรักเมตตาที่เสียสละของพระองค์ และตระหนักชัดเสมอว่า พระคริสต์มิได้สำแดงความรักเมตตาที่เสียสละด้วยการอธิษฐานเผื่อผู้คนประชาชนเท่านั้น แต่พระองค์ทรงกระทำการสัมผัส เยียวยา รักษา ช่วยเหลือ และฟังผู้คนในสังคมชุมชน ทุกย่างก้าวของเราในชุมชนจะต้องรู้ตัวเสมอว่า เป็นทุกย่างก้าวที่สำแดงความรักเมตตาที่เสียสละแบบพระคริสต์ เพื่อที่จะสำแดงให้ผู้คนในชุมชนได้เห็นและสัมผัสพระคริสต์ผ่านชีวิตของเรา ให้เราเป็นผู้ที่เชิญชวนให้ผู้คนในชุมชนได้เห็นและสัมผัสกับพระคริสต์ในชุมชนนั้น มิใช่เชิญชวนผู้คนชุมชนให้มาเห็นและสัมผัสพระคริสต์ในคริสตจักร
วันนี้
คริสตจักรของเราคงต้องถามตนเองว่า
แล้วเราจะก้าวเข้าไปในชีวิตของชุมชนเพื่อสร้างผลกระทบต่อชีวิตชุมชนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตชุมชนที่มีคุณภาพชีวิตของแผ่นดินพระเจ้าได้อย่างไร?
เราจะดำเนินชีวิตประจำวันของเราในชุมชนอย่างไรที่จะสำแดงแผ่นดินของพระเจ้า? เราจะดำเนินชีวิตประจำวันในครอบครัวอย่างไร ที่ผู้คนในชุมชนจะเห็นถึงความรัก เมตตา และ
การใส่ใจกันและกันแบบพระคริสต์ในครอบครัวของเรา?
เราจะมีท่าทีและความสัมพันธ์แบบไหนในกลุ่มเพื่อนฝูง ที่จะให้คนในกลุ่มเพื่อนสัมผัสถึงความรัก
เมตตาที่เสียสละแบบพระคริสต์ผ่านชีวิตของเรา?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น