ความวิตกกังวลเกิดขึ้นจากการที่ใครคนใดคนหนึ่งพยายามที่จะควบคุมในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อเราไม่สามารถที่จะควบคุมเกี่ยวกับเศรษฐกิจของเรา เราก็วิตกกังวลในเรื่องเศรษฐกิจของตน เมื่อเราไม่สามารถควบคุมบุตรหลานของเรา เราจึงวิตกกังวลเกี่ยวกับลูกหลานของเรา เราไม่สามารถควบคุมอนาคตของเรา เราจึงวิตกกังวลถึงอนาคตของเรา แต่เราต้องตระหนักชัดว่า ความวิตกกังวลไม่สามารถแก้ไขจัดการปัญหาใดได้เลย รังแต่จะทำให้เกิดความกลัดกลุ้มใจเท่านั้น
คำเทศนาบนภูเขาของพระเยซูคริสต์ได้ให้เหตุผล 4 ประการว่าทำไมเราถึงไม่ต้องวิตกกังวล
- ความวิตกกังวลเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผล: มัทธิว 6:25 พระคริสต์กล่าวไว้ว่า “...เราบอกท่านทั้งหลายว่า
อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่าจะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม
และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารไม่ใช่หรือ? และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มไม่ใช่หรือ?” (มตฐ.) พระเยซูคริสต์สอนเราว่า อย่าวิตกกังวลในสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ การกังวลในสิ่งที่เราไม่สามารถจัดการเปลี่ยนแปลงได้นั้นไร้ประโยชน์ ดังนั้น จึงไม่เหตุผลใด ๆ ที่จะต้องไปวิตกกังวล
- ความวิตกกังวลเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ:
พระเยซูคริสต์ได้ยกตัวอย่างจากธรรมชาติจากข้อที่ 26
ว่า “จงดูนกทั้งหลายบนฟ้า พวกมันไม่ได้หว่าน
ไม่ได้เกี่ยว ไม่ได้รวบรวมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของพวกท่าน
ผู้สถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงพวกมันไว้ ท่านไม่ประเสริฐกว่าพวกมันหรือ?” (มตฐ.)
มีอยู่สิ่งเดียวท่ามกลางสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างที่มีความวิตกกังวล คือมนุษย์
หรือพูดกันแบบตรง ๆ ก็คือมีมนุษย์เท่านั้นที่พระเจ้าทรงสร้างที่ไม่ไว้วางใจในพระผู้สร้างของตน
และมนุษย์กลุ่มนี้ผิดธรรมชาติจริง ๆ
- การวิตกกังวลไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น: พระเยซูกล่าวในคำเทศนาบนภูเขาว่า
“มีใครในพวกท่านที่โดยความกระวนกระวาย
สามารถต่ออายุของตนให้ยืนนานขึ้นอีกนิดหนึ่งได้” (มัทธิว 6:27 มตฐ.)
เมื่อเราวิตกในปัญหาที่เกิดขึ้น มันไม่ได้ช่วยให้เราสามารถพบคำตอบหรือข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้นเลย
การวิตกกังวลเป็นเหมือนการนั่งบนเก้าอี้โยก ที่โยกไปหน้าไปหลัง ใช้พลังในการขับเคลื่อน มีการเคลื่อนไหวมากมาย แต่ไม่ได้ไปถึงไหนเลย ไร้ซึ่งความก้าวหน้า ความวิตกกังวลไม่ได้ทำให้สิ่งที่วิตกกังวลดีขึ้นเลย นอกจากทำให้คนที่วิตกกังวลไม่มีความสุข และ
อาจจะถึงขั้นน่าสังเวช
- ความวิตกกังวลไม่จำเป็นจะต้องมีในชีวิต: พระเยซูคริสต์สอนในมัทธิว 6:30 ว่า “...ถ้าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ พวกมีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ? (มตฐ.) ถ้าเราไว้วางใจในพระเจ้า เราจำเป็นที่จะต้องวิตกกังวลไปทำไมหรือ? เพราะพระองค์ทรงสัญญาว่าจะเอาใจใส่ชีวิตของเราทุกคน พระองค์ทรงใส่ใจในทุกรายละเอียดที่เราจำเป็นต้องการ “...พระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (ฟิลิปปี 4:19 มตฐ.)
ที่กล่าวมานี้รวมถึงหนี้สินที่เรามีหรือไม่? ใช่แล้ว
และยังรวมถึงความวุ่นวายไม่ชอบมาพากลในที่ทำงาน และยังรวมถึงความขัดแย้งในความสัมพันธ์
รวมถึงความใฝ่ฝันและเป้าหมายและความปรารถนาอันแรงกล้าของเราด้วย แล้วก็ไม่ได้ละเว้นเรื่องของสุขภาพที่เราไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร
ใช่แล้วพระเจ้าจะใส่ใจในทุกรายละเอียดในความจำเป็นของเราครับ
วันนี้ท่านต้องเลือกว่าจะวางใจในพระเจ้า หรือ
จะวิตกกังวลดี?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น