28 กันยายน 2558

มีเหตุผลอะไรหรือที่เราไม่ต้องวิตกกังวลในชีวิต?

ความวิตกกังวลเกิดขึ้นจากการที่ใครคนใดคนหนึ่งพยายามที่จะควบคุมในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถควบคุมได้   เมื่อเราไม่สามารถที่จะควบคุมเกี่ยวกับเศรษฐกิจของเรา  เราก็วิตกกังวลในเรื่องเศรษฐกิจของตน   เมื่อเราไม่สามารถควบคุมบุตรหลานของเรา  เราจึงวิตกกังวลเกี่ยวกับลูกหลานของเรา   เราไม่สามารถควบคุมอนาคตของเรา   เราจึงวิตกกังวลถึงอนาคตของเรา   แต่เราต้องตระหนักชัดว่า ความวิตกกังวลไม่สามารถแก้ไขจัดการปัญหาใดได้เลย   รังแต่จะทำให้เกิดความกลัดกลุ้มใจเท่านั้น

คำเทศนาบนภูเขาของพระเยซูคริสต์ได้ให้เหตุผล 4 ประการว่าทำไมเราถึงไม่ต้องวิตกกังวล

  1. ความวิตกกังวลเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผล:   มัทธิว 6:25 พระคริสต์กล่าวไว้ว่า  “...เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า อย่า​กระ​วน​กระ​วาย​ถึง​ชีวิต​ของ​ตน​ว่า​จะ​เอา​อะไร​กิน หรือ​จะ​เอา​อะไร​ดื่ม และ​อย่า​กระ​วน​กระ​วาย​ถึง​ร่าง​กาย​ของ​ตน​ว่า​จะ​เอา​อะไร​นุ่ง​ห่ม ชีวิต​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​อาหาร​ไม่​ใช่​หรือ? และ​ร่าง​กาย​สำคัญยิ่ง​กว่า​เครื่อง​นุ่ง​ห่ม​ไม่​ใช่​หรือ?”  (มตฐ.)  พระเยซูคริสต์สอนเราว่า   อย่าวิตกกังวลในสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้   การกังวลในสิ่งที่เราไม่สามารถจัดการเปลี่ยนแปลงได้นั้นไร้ประโยชน์   ดังนั้น จึงไม่เหตุผลใด ๆ ที่จะต้องไปวิตกกังวล
  2. ความวิตกกังวลเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ:  พระเยซูคริสต์ได้ยกตัวอย่างจากธรรมชาติจากข้อที่ 26 ว่า “จง​ดู​นก​ทั้ง​หลาย​บน​ฟ้า พวก​มัน​ไม่​ได้​หว่าน ไม่​ได้​เกี่ยว ไม่​ได้​รวบ​รวม​ไว้​ใน​ยุ้งฉาง แต่​พระ​บิดา​ของ​พวก​ท่าน ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​เลี้ยง​พวก​มัน​ไว้ ท่าน​ไม่​ประเสริฐกว่า​พวก​มัน​หรือ?” (มตฐ.)  มีอยู่สิ่งเดียวท่ามกลางสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างที่มีความวิตกกังวล  คือมนุษย์   หรือพูดกันแบบตรง ๆ ก็คือมีมนุษย์เท่านั้นที่พระเจ้าทรงสร้างที่ไม่ไว้วางใจในพระผู้สร้างของตน และมนุษย์กลุ่มนี้ผิดธรรมชาติจริง ๆ
  3. การวิตกกังวลไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น:  พระเยซูกล่าวในคำเทศนาบนภูเขาว่า “มี​ใคร​ใน​พวก​ท่าน​ที่​โดย​ความ​กระ​วน​กระ​วาย สามารถ​ต่อ​อายุ​ของ​ตน​ให้​ยืน​นาน​ขึ้น​อีก​นิด​หนึ่ง​ได้” (มัทธิว 6:27 มตฐ.)  เมื่อเราวิตกในปัญหาที่เกิดขึ้น   มันไม่ได้ช่วยให้เราสามารถพบคำตอบหรือข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้นเลย   การวิตกกังวลเป็นเหมือนการนั่งบนเก้าอี้โยก  ที่โยกไปหน้าไปหลัง   ใช้พลังในการขับเคลื่อน  มีการเคลื่อนไหวมากมาย   แต่ไม่ได้ไปถึงไหนเลย   ไร้ซึ่งความก้าวหน้า     ความวิตกกังวลไม่ได้ทำให้สิ่งที่วิตกกังวลดีขึ้นเลย   นอกจากทำให้คนที่วิตกกังวลไม่มีความสุข และ อาจจะถึงขั้นน่าสังเวช
  4. ความวิตกกังวลไม่จำเป็นจะต้องมีในชีวิต:   พระเยซูคริสต์สอนในมัทธิว 6:30 ว่า “...​ถ้า​พระ​เจ้า​ทรง​ตก​แต่ง​หญ้า​ที่​ทุ่งนา​อย่าง​นั้น ซึ่ง​เป็น​อยู่​วัน​นี้​และ​รุ่ง​ขึ้น​ต้อง​ทิ้ง​ใน​เตา​ไฟ โอ พวก​มี​ความ​เชื่อ​น้อย พระ​องค์​จะ​ไม่​ทรง​ตก​แต่ง​ท่าน​มาก​ยิ่ง​กว่า​นั้น​หรือ? (มตฐ.)   ถ้าเราไว้วางใจในพระเจ้า  เราจำเป็นที่จะต้องวิตกกังวลไปทำไมหรือ?   เพราะพระองค์ทรงสัญญาว่าจะเอาใจใส่ชีวิตของเราทุกคน   พระองค์ทรงใส่ใจในทุกรายละเอียดที่เราจำเป็นต้องการ  “...​พระ​เจ้า​ของ​ข้าพ​เจ้า​จะ​ประ​ทาน​ทุก​สิ่ง​ที่​จำเป็น​แก่​พวก​ท่าน​จาก​ทรัพย์​อัน​รุ่ง​โรจน์​ของ​พระ​องค์​ใน​พระ​เยซู​คริสต์” (ฟิลิปปี 4:19 มตฐ.)


ที่กล่าวมานี้รวมถึงหนี้สินที่เรามีหรือไม่?  ใช่แล้ว   และยังรวมถึงความวุ่นวายไม่ชอบมาพากลในที่ทำงาน   และยังรวมถึงความขัดแย้งในความสัมพันธ์   รวมถึงความใฝ่ฝันและเป้าหมายและความปรารถนาอันแรงกล้าของเราด้วย   แล้วก็ไม่ได้ละเว้นเรื่องของสุขภาพที่เราไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร  

ใช่แล้วพระเจ้าจะใส่ใจในทุกรายละเอียดในความจำเป็นของเราครับ

วันนี้ท่านต้องเลือกว่าจะวางใจในพระเจ้า หรือ จะวิตกกังวลดี?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น