11 พฤษภาคม 2559

เล่นการเมือง...ในกลุ่มสาวกพระคริสต์?

ขึ้นชื่อว่าแม่  เกือบทุกคนก็รักลูกทั้งนั้นแหละ   ถ้าจะทำอะไรเพื่อลูกของตนจะได้ดีแล้ว   แม่ยอมทำทั้งนั้น   ในใจลึก ๆ ก็อยากให้ลูกของตนได้ดีกว่าคนอื่น   แม่ของยากอบ และ ยอห์นบุตรเศเบดีก็เป็นเช่นนั้น   เธอเข้าใจว่า   การเสด็จเข้าเยรูซาเล็มของพระเยซูและเหล่าสาวกครั้งนี้คงจะเป็นการประกาศสถาปนาราชอาณาจักรของพระองค์   ดังนั้น เธอจึงเข้าไปขอเป็นการส่วนตัวให้แต่งตั้งบุตรทั้งสองของเธอได้มีอำนาจปกครองรองจากพระเยซู (มัทธิว 22:20-21)

แม่ของยอห์นและยากอบก็ทันสมัยเหมือนฤดูแต่งตั้งตำแหน่งชั้นสูง   ที่มีการขอเข้าพบ “ท่านหัวหน้า”  เป็นการส่วนตัว  ทั้งแสดงถึงการสนับสนุนหัวหน้า และที่สำคัญขอหัวหน้าช่วยสนับสนุนให้คนของตนได้ตำแหน่ง   และสิ่งเหล่านี้พวกเราคริสตชนไทยคุ้นชินในชื่อว่า “การเมืองในคริสตจักร”

บทเรียนที่ได้รับจากเรื่องนี้คือ เกิดความแตกแยก โกรธ แค้น เกลียดชังในกลุ่มสาวกของพระเยซูคริสต์  “เมื่อ​สา​วก​สิบ​คน​นั้น​ได้​ยิน​แล้ว​ก็​โกรธ​พี่น้อง​สอง​คน​นั้น” (ข้อ 24 มตฐ.)   และในความทรงจำและประสบการณ์ของคริสตจักรไทยเราก็พบว่า “การเมืองในคริสตจักร” สร้างความแตกแยกเป็นก๊ก เป็นพรรค เป็นพวก   แต่ดูเหมือนผู้นำที่เล่นการเมืองในคริสตจักรไทยเหล่านี้กลับไม่แยแส   ทำไมเป็นเช่นนั้นหรือ?   ก็เพราะพวกเขามุ่งมองที่ “ผลประโยชน์” ก้อนโตในนามของตำแหน่ง “ผู้รับใช้” (ใครกันแน่?) มากกว่าผลเสียที่เกิดขึ้นกับคนอื่นในคริสตจักร?

ที่สำคัญกว่านั้นคือ ผู้นำคริสตจักรกลุ่มนี้มีความเชื่อที่ผิดเพี้ยนและขัดแย้งกับความเชื่อและคำสอนของพระเยซูคริสต์  พวกเขามองว่าตนจะทำงานของพระคริสต์ได้ “ต้องมีตำแหน่ง” แต่พระคริสต์กลับสอนและทำตนเป็นตัวอย่างว่า การที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้นั้นไม่ใช่เพราะมีตำแหน่ง แต่เพราะมีความถ่อมใจด้วยการรับใช้ผู้คนที่พบเห็นในพระนามของพระเจ้าต่างหาก

สรุปคือ ผู้นำคริสตจักรกลุ่มนี้อ้างว่าตนต้องมีตำแหน่งในคริสตจักร เพื่อที่จะดำเนินการตามพระประสงค์ของพระเจ้า แต่พระคริสต์สอนว่า  ถ้าใครจะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า  ต้องถ่อมใจและรับใช้คนอื่นในพระนามของพระองค์ การรับใช้คนอื่นคือการใช้ชีวิตเพื่อที่จะให้ชีวิตแก่คนอื่น การจะทำสิ่งนี้ไม่ต้องมีตำแหน่ง  ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องมี “เลือกตั้ง” ก็ได้มิใช่หรือ?

และพระเยซูคริสต์ชี้ชัดว่า   การที่ใครจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินของพระเจ้ารวมถึงในคริสตจักร   คนนั้นมีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่   เป็นความรับผิดชอบด้วยชีวิต   เป็นการรับผิดชอบที่จะให้ชีวิต (ไม่ใช่ให้แต่เงินทอง) พระเยซูกระตุ้นสำนึกสาวกว่า  พวก​ท่าน​ไม่​เข้า​ใจ​ใน​สิ่ง​ที่​ขอ​นั้น ถ้วย​ที่​เรา​จะ​ดื่ม​นั้น​ท่าน​จะ​ดื่ม​ได้​หรือ?” (ข้อ 22)   และสัจจะความจริงอีกประการหนึ่งคือ   การที่ใครจะมีอำนาจ มีตำแหน่งอะไรในคริสตจักร   ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะวางแผน “เลือกตั้งช่วงชิง” อย่างไร   แต่เป็นเรื่องแผนการของพระเจ้า   พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า ... แต่​การ​ที่​จะ​ให้​นั่ง​ข้าง​ขวา​และ​ข้าง​ซ้าย​ของ​เรา​นั้น​ไม่​ใช่​เรา​เป็น​ผู้​ให้ แต่​จะ​ให้​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​พระ​บิดา​ของ​เรา​ทรง​เตรียม​ไว้ (ข้อ 23)

พระเยซูคริสต์สยบคลื่นความเชื่อความเข้าใจผิด ๆ ที่ทำให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มสาวกว่า  “ใน​พวก​ท่าน​จะ​ไม่​เป็น​เช่น​นั้น แต่​ถ้า​มี​ใคร​ต้อง​การ​เป็น​ใหญ่​ใน​พวก​ท่าน คน​นั้น​จะ​ต้อง​เป็น​ผู้​ปรนนิบัติ​ของ​ท่าน” (ข้อ 26 มตฐ.)   แล้วพระองค์สอนสาวกในสิ่งที่พระองค์กระทำว่า  “และ​ถ้า​ใคร​ต้อง​การ​จะ​เป็น​นาย คน​นั้น​จะ​ต้อง​เป็น​ทาส​ของ​พวก​ท่าน   เหมือน​บุตร​มนุษย์​ที่​ไม่​ได้​มา​เพื่อ​รับ​การ​ปรนนิบัติ แต่​มา​เพื่อ​ปรนนิบัติคน​อื่น และ​ให้​ชีวิต​ของ​ท่าน​เป็น​ค่าไถ่​คน​จำนวน​มาก (ข้อ 27-28 มตฐ.)

พระเยซูมาเพื่อที่จะ “ให้”  ไม่ใช่มาเพื่อจะ “ได้”

ผมได้ข่าวว่า  “แม่ของยากอบ และ ยอห์น บุตรเศเบดี” กำลังเข้าไปประสานตำแหน่งเพื่อพวกของตนในคริสตจักร???  

มีคนว่าผมว่า  “...ไม่เอาน่า... อย่าไปว่าเขาเลย”

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น