03 พฤษภาคม 2559

กับดัก “คำสอนสอนผิด/ถูก” ในคริสตจักร

ดาราชื่อดังคนหนึ่ง   ได้เข้าไปรับประทานอาหารในภัตตาคารแห่งหนึ่ง   เธอสังเกตเห็นชายภูมิฐานคนหนึ่งนั่งโต๊ะใกล้เธอกำลังเป็นหวัดอย่างมาก   ด้วยความเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี และ เป็นคนที่มีความเป็นมิตรต่อคนรอบข้าง   เธอจึงถามชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงแห่งความเป็นมิตรว่า  “ท่านกำลังไม่สบายหรือเปล่าค่ะ?”

ชายคนนั้นมองมาที่เธอแล้วพยักหน้ารับ

เธอกล่าวกับชายคนนั้นว่า “ท่านคงต้องกลับไปที่พัก  แล้วดื่มน้ำส้มมาก ๆ  และน่าจะกินยาแก้ไข้สัก 2 เม็ด   แล้วหลับพักผ่อนด้วยการห่มผ้าห่มหนาเท่าที่ท่านจะหาได้   จนกว่าเหงื่อแตก  ไข้ของท่านก็จะลด   นี่บอกจากประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ   ดิฉันเป็นนักแสดงค่ะ”

ชายคนนั้นยิ้มให้กับดาราที่มีความเป็นมิตรคนนั้น แล้วกล่าวตอบว่า  “ขอบคุณมากครับ ผมเป็นหมอครับ”

ในทุกวันนี้  ดูเหมือนว่าเรามองตนเองว่ามีความชำนาญการในบางเรื่องบางราว  บ้างก็เพียงได้อ่านจากหนังสือ  บ้างก็อ่านเพียงบทความในเรื่องนั้น   ปัจจุบันนี้บางคนก็แค่ได้อ่านเรื่องนี้จากที่โน่นที่นี่ในออนไลน์   และที่เราท่านพบบ่อยในทุกวันนี้คือ  มีการส่งต่อข้อเขียนความคิดเรื่องต่าง ๆ มากมายไปให้กันและกัน   แต่ก็พบว่า ข้อมูลหลายเรื่องที่ส่งให้กันนั้นมีความผิดพลาด คลาดเคลื่อน และแย่ที่สุดคือเป็นข้อมูลเทียมเท็จไม่จริง   ทุกวันนี้เราตกอยู่ในภาวะไม่รู้ว่า  ข้อมูลไหนจริงเชื่อถือได้?

สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นในวงการของคริสตจักรเราด้วย   โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการตีความคำสอน   เราจะเชื่อ “นักเทศน์” คนไหนดี?   “นักคริสตศาสนศาสตร์” คนไหนที่สอน/เขียนได้ถูกต้องเชื่อถือได้?   อาจารย์พระคริสตธรรมคนไหนที่สอนถูก  คนไหนที่สอนผิด?   หลักความเชื่อไหนที่ถูกต้องเที่ยงแท้จริง?

เราท่านคงต้องระมัดระวังที่จะไม่ตัดสินว่าคำสอนไหนสอนถูกหรือสอนผิดเพียงเพราะมองว่าคนสอนคนนี้เป็นคนที่มีดีกรี/ปริญญาอะไร  จากที่ไหน  มีชื่อเสียงหรือไม่  หรืออยู่ในกระแสนิยมหรือไม่  มีชื่อเสียงโด่งดังไหม   ฯลฯ?  

แต่ที่สำคัญคือ  ในฐานะคริสตชนคนหนึ่งเราต้องเอาใจใส่ว่า รากฐานความเชื่อของเราหยั่งรากลึกลงในพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่แค่ไหน?    แล้วใส่ใจทุ่มเทในการปล้ำสู้ให้พระวจนะเป็นวิถีการดำเนินชีวิตของเรา   ที่พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจในชีวิตของเรา   เพื่อเราจะมีรากฐานชีวิตในพระคริสต์ที่หยั่งรากลงลึก   พร้อมที่จะถูกกระหน่ำกระโชกจากแรงพายุ   แต่ยังสามารถยืนหยัดมั่นคงในพระคริสต์  และนี่คือภูมิคุ้มกันคำสอนผิดคลาดเคลื่อนจากพระวจนะ

เมื่อเราตกอยู่ในภาวะที่ไม่มั่นใจว่า คำสอนใดที่ถูกต้องสอดคล้องตามพระคัมภีร์   เราต้องพึ่งการทรงนำจากพระเจ้า   เราต้องอธิษฐานทูลขอการชี้นำจากพระองค์   ขอพระองค์ทรงเปิดเผยให้เราเห็นและเกิดการตระหนักรู้สิ่งที่จริงและถูกต้องตามพระวจนะ   เกณฑ์ง่าย ๆ ตัวหนึ่งที่อาจจะใช้ได้คือ   การตีความและคำสอนที่ถูกต้องนั้นย่อมนำให้เกิดการถวายเกียรติและยกย่องแด่พระเจ้าเป็นผู้สูงสุดในชีวิตของเรา    แต่การสอนหรือการตีความใดที่โน้มเอียงสร้างความโดดเด่นทางความคิดของคนใดคนหนึ่ง   หรือเป็นการสอนหรือตีความนำมาซึ่งการยกย่องให้เกียรติมนุษย์  หรือเพื่อสร้างผลประโยชน์แก่มนุษย์คนใดคนหนึ่ง หรือ พวกใดพวกหนึ่ง   เป็นเรื่องที่เราท่านจำเป็นต้องระมัดระวัง   การตีความพระวจนะของพระเจ้าของ “งู” ตัวนั้นในสวนเอเดน   มันบอกกับมนุษย์สองคนนั้นว่า  “... เจ้าจะไม่ตายหรอก ...  ตา​ของ​พวก​เจ้า​จะ​สว่าง​ขึ้น​ใน​วัน​นั้น แล้ว​พวก​เจ้า​จะ​เป็น​เหมือน​อย่าง​พระ​เจ้า คือ​รู้​ความ​ดี​และ​ความ​ชั่ว” (ปฐมกาล 3:5)

จงระวังให้ดี อย่าให้ใครทำให้พวกท่านตกเป็นทาสด้วยหลักปรัชญา
และคำหลอกลวงที่เหลวไหลตามตำนานของมนุษย์
ตามพวกภูตผีที่ครอบงำของจักรวาล ไม่ใช่ตามพระคริสต์ (โคโลสี 2:8 มตฐ.)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น