พระเจ้าไม่มีพระประสงค์ที่จะให้เราเป็น
“เฒ่าทารกในชีวิต จิตวิญญาณ” ตลอดไป แต่พระเจ้าประสงค์ให้เราแต่ละคนเติบโตและเปลี่ยนแปลงให้มีชีวิตเยี่ยงพระคริสต์
พระเจ้าประสงค์ให้เราแต่ละคนเติบโตขึ้นในทุกด้านของชีวิต
แต่เราต้องระวังหลุมพราง!
ที่เราต้องเติบโตขึ้นให้มีชีวิตเป็นเฉกเช่นพระเยซูคริสต์
แต่เราไม่สามารถที่จะเติบโตด้วยตัวของเราเองได้
เหมือนกับเด็กทารกที่ไม่สามารถที่จะทำให้ตนเองเจริญเติบโตได้ เด็กน้อยคนนี้ต้องการความช่วยเหลือเอาใจใส่จากพ่อแม่และคนในครอบครัวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ในด้านจิตวิญญาณเราแต่ละคนก็ต้องการคนจากครอบครัว ที่จะเอาใจใส่เลี้ยงดู
อภิบาลฟูมฟัก ด้านจิตวิญญาณ และการดำเนินชีวิตประจำวัน
และพลังชีวิตที่ทำให้เราเติบโตแข็งแรงคือ พระกำลังจากเบื้องบน
และนี่คือบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบของครอบครัวคริสตจักร ที่จะช่วยเลี้ยงดู
หนุนเสริมให้สมาชิกเติบโตขึ้น
และสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับแหล่งพลังนั้น
พระคัมภีร์บอกเราว่า “เนื่องจากพระองค์นี้เอง
ร่างกายทั้งหมดจึงได้รับการเชื่อมและประสานเข้าด้วยกันโดยทุกๆ
ข้อต่อที่ประทานมานั้น และเมื่อแต่ละส่วนทำงานตามหน้าที่แล้ว
ก็ทำให้ร่างกายเจริญและเสริมสร้างตนเองขึ้นด้วยความรัก” (เอเฟซัส 4:16 มตฐ.)
ในฐานะศิษยาภิบาล
ก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะเอาใจใส่ว่า
ผู้คนในคริสตจักรของตนมีชีวิตที่เจริญเติบโต นี่เป็นงานความรับผิดชอบของศิษยาภิบาลทุกท่าน
และ ทีมงานอภิบาล และ แกนนำในคริสตจักร
ตลอดไปจนถึงผู้นำกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์
กลุ่มเล็กเพื่อการเสริมสร้าง และ การรับใช้ต่าง ๆ ซึ่งพระคัมภีร์ได้บอกชัดเจนไว้ว่า “เพื่อเตรียมธรรมิกชนสำหรับการปรนนิบัติและการเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์
จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า
บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์”
(เอเฟซัส 4:12-13
มตฐ.)
คำถามที่กระตุ้นเตือนศิษยาภิบาล และ
แกนนำคริสตจักรทุกท่านคือ
“เราจะหนุนเสริมสมาชิกเหล่านี้ให้เติบโตขึ้นมีชีวิตเยี่ยงพระคริสต์ได้อย่างไร?”
ในพระมหาบัญชาสั่งให้คริสตจักรสร้างสาวกของพระเยซูคริสต์ในคริสตจักร การสร้างสาวกของพระเยซูคริสต์เป็นกระบวนการที่หนุนเสริมให้สมาชิกคริสตจักรแต่ละคนมีชีวิตจิตวิญญาณเติบโตขึ้นให้เป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์
นั่นหมายความว่าคริสตจักรต้องเสริมสร้างให้สมาชิกแต่ละคนมีชีวิตที่เป็นสาวก ที่เติบโตขึ้นมีวุฒิภาวะด้านจิตวิญญาณด้วย มีวุฒิภาวะในความเชื่อศรัทธา มีความแข็งแกร่งขึ้นในการดำเนินชีวิตคริสเตียน แต่ละคนกลายเป็น “กล้ามเนื้อ”
ที่แข็งแกร่งมีพลังในร่างกายนั้น คือ คริสตจักร
เกิดคำถามว่า
แล้วเราจะเติบโตขึ้นในการเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร?
ในกิจการ 2:41-42 บอกแก่เราว่า “คนทั้งหลายที่รับถ้อยคำของเปโตรก็รับบัพติสมา
ในวันนั้นมีคนเข้าเป็นสาวกประมาณสามพันคน เขาทั้งหลายอุทิศตัวเพื่อฟังคำสอนของบรรดาอัครทูตและร่วมสามัคคีธรรม
รวมทั้งหักขนมปังและอธิษฐาน” (กิจการ 2:41-42 มตฐ.)
จุดเริ่มแรกคือ เราต้องเชื่อ จากนั้นรับบัพติสมา และส่วนสำคัญคือ เราต้องเลือกมีชีวิตในคริสตจักร หรือ
ครอบครัวของพระคริสต์ที่เราสามารถเข้ามีส่วนร่วมทั้งในการนมัสการพระเจ้าร่วมกันในคริสตจักร
ร่วมในกลุ่มเล็กที่จะเรียนรู้พระวจนะของพระเจ้า
ร่วมในกลุ่มสามัคคีธรรมที่สร้างเสริมซึ่งกันและกันให้เติบโต และ
รับใช้พระคริสต์ตามของประทาน
และร่วมในกลุ่มที่เสริมสร้างให้เรารับใช้พระคริสต์ทั้งในคริสตจักร และ
ในชุมชน
และสิ่งที่สำคัญไม่น้อยคือ เป็นคริสตจักรที่ศิษยาภิบาล และ
แกนนำคริสตจักรมีชีวิตที่เป็นแบบอย่าง
ที่ทำในสิ่งที่สอนและเทศน์
และเทศน์/สอนในสิ่งที่เขาทำในชีวิต
เพื่อเราจะสามารถเรียนรู้ได้จากตัวอย่างชีวิตของคนเหล่านี้
นอกจากนั้นแล้ว
คริสตจักรยังเป็นชุมชนที่เราสามารถเลือกมีเพื่อนสนิท ที่เป็นทั้งเพื่อนคู่คิด มิตรในความเชื่อและจิตวิญญาณ
ที่จะหนุนเสริมกันและกันให้เติบโตขึ้นในพระคริสต์ ให้เป็นสาวกของพระคริสต์ในพระกายของพระองค์คือคริสตจักร
คริสตจักรในวันนี้
เป็นครอบครัวของพระคริสต์ที่สร้างสาวกของพระองค์อยู่ใช่ไหม?
เราจะตอบสนองการทรงเรียกและพระมหาบัญชาของพระคริสต์อย่างมีประสิทธิภาพ
และ เกิดผลกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างไร?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น