ชีวิตแม่เทเรซาได้เป็นแบบอย่างที่สะท้อนถึงชีวิตที่อุทิศด้วยรักเมตตา
กรุณา และเสียสละของพระคริสต์ อย่างเป็นรูปธรรม
คุณแม่มีความเข้าใจอย่างลุ่มลึกในคำสอนของพระคริสต์ด้วยการดำเนินชีวิตตามคำสอนนั้นในการรับใช้ท่ามกลางผู้คนที่ถูกเหยียบย่ำ กดขี่
เอารัดเอาเปรียบจากคนอื่น ๆ รอบข้าง
เพราะความเชื่อศรัทธาของคุณแม่เทเรซา ที่เป็นความเชื่อด้วยการปฏิบัติ ดังนั้น คุณแม่จึงสามารถที่สะท้อนถึงแก่นแกนความหมายของความรักเมตตากรุณา, การอธิษฐานภาวนา, การให้รวมถึงการให้ชีวิต, การบริการรับใช้, ความยากจน,
การให้อภัย,
และในอีกมากมายหลายเรื่อง
ซึ่งการสะท้อนความหมายของคำเหล่านี้อย่างลุ่มลึกของคุณแม่เกิดขึ้นจากการรับใช้ด้วยการให้ชีวิต และมีโอกาสสะท้อนคิดถึงความรู้สึก
ประสบการณ์จากการรับใช้นั้น
สำหรับคุณแม่เทเรซาแล้ว คำเทศนา
การประกาศข่าวดี(ข่าวประเสริฐ)ของพระเยซูคริสต์
และการทำคริสต์ศาสนศาสตร์เริ่มต้นที่การยอมตนทำตามคำสอนและแบบอย่างชีวิตของพระคริสต์ ซึ่งสวนทางกับนักเทศน์ นักประกาศฯ
และนักคริสต์ศาสนศาสตร์ในปัจจุบันส่วนมากที่เริ่มต้นคิดค้นให้รู้ก่อนเพื่อนำสู่การปฏิบัติ และบ่อยครั้งที่มักมีแรงจูงใจให้เทศน์
ให้ประกาศฯ และสร้างคำสอนคริสต์ศาสนศาสตร์เพื่อจะเป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติ?
แต่สำหรับคุณแม่เทเรซาแล้ว การเทศนา
การประกาศฯ และการทำคริสต์ศาสนศาสตร์เริ่มต้นที่การปฏิบัติ
เริ่มต้นที่ลงมือทำเพื่อมีประสบการณ์ตรงในความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ และ
กับพระเจ้า และเมื่อมีเวลาสงบและสะท้อนคิดต่อพระพักตร์พระเจ้า ในเวลานั้นต่างหากที่จะได้มาซึ่งคำเทศนา การประกาศข่าวดีฯ หรือคริสต์ศาสนศาสตร์ที่เด่นชัดอย่างเป็นรูปธรรม
บ่อยครั้งหรือไม่ครับ...ที่สถาบันศาสนศาสตร์ศึกษาสร้างคนรับใช้สวนทางกับสัจจะความจริงในสิ่งนี้?
ท่ามกลางสภาพสังคมโลกที่ยากจนข้นแค้นและเจ็บปวดในปัจจุบัน
คุณแม่เทเรซาได้สะท้อนแสงสว่างที่อบอุ่นแห่งความรักเมตตาของพระเจ้ามายังคนในสังคมเช่นนั้น คุณแม่เทเรซาทำตามคำสอนของพระคริสต์ที่ว่า
“...ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก”
พระองค์เชิญชวนให้เราเป็นแสงสว่างของพระองค์ที่สะท้อนส่องแสงของพระคริสต์ท่ามกลางสังคมโลกใบนี้
ตลอดชีวิตของคุณแม่เทเรซา ท่านดำเนินชีวิตเป็นเหมือนแสงสว่างจากตะเกียงดวงเล็ก
ๆ ที่เป็นแสงสว่างสำหรับคนยากไร้ต่ำต้อยแต่ละคนที่ตกจมลงในความมืดมิดเหน็บหนาวเย็นชาแห่งสังคมโลกในปัจจุบัน
และส่งผลกระทบกลายเป็นแสงสว่างดวงน้อยที่แผ่แสงสว่างจ้าในชีวิตของผู้มั่งคั่งที่จนเจ็บในชีวิตสังคมเจริญมั่งคั่งและทันสมัยบางคนด้วย เพราะการใส่ใจด้วยชีวิตจิตใจ และ
การทุ่มตนลงเคียงข้าง “คลุกฝุ่นชีวิต” กับผู้คนข้างถนน ไร้บ้าน
และที่กำลังจะตายเหล่านั้น
ที่สะท้อนและเป็นความอบอุ่นที่คนต่ำต้อยเหล่านั้นสามารถเห็นและสัมผัสถึงความรักเมตตา
และ การเคียงข้างอยู่ใกล้ของพระเจ้าท่ามกลางชีวิตของพวกเขา
ตลอดชีวิตของคุณแม่เทเรซา
ท่านดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระคริสต์ที่บอกว่า พระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิตของสังคมโลก และพระองค์ให้ชีวิตแก่ผู้คนที่กระหาย อดอยาก
หิวโหย เหล่านั้น คุณแม่เทเรซา
ได้ใช้ชีวิตของคุณแม่เพื่อจะเป็นอาหารทั้งทางกาย
จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณแก่ผู้คนในสังคมโลกนี้ คุณแม่เป็นอาหารแก่คนในสังคมที่อดอยาก แร้นแค้น หิว โหยหา ความรักเมตตาที่อบอุ่น
คุณแม่เทเรซาเป็นอาหารที่เป็นคำตอบต่อความหิวโหยความรักเมตตา และ
การมีโอกาสสัมผัสกับสิ่งที่เป็นสัจจะจริงแท้ในชีวิต และที่สำคัญคือ ตลอดชีวิตของคุณแม่ไม่มีสิ่งใดที่จะมีอิทธิพล
หรือ พลังมากีดกั้นการที่จะมีชีวิตที่สะท้อนถึงแสงสว่าง และ
แผ่คลุมชีวิตผู้คนเล็กน้อย และ ยากไร้ด้วยความอบอุ่นของพระคริสต์
พระเจ้ามิได้ทรงเรียกคุณแม่เทเรซาที่จะเป็นผู้ส่องสะท้อนแสงสว่างของพระองค์ และ
แผ่ซ่านความรักเมตตาที่อบอุ่นของพระองค์แก่ผู้คนในสังคมโลกปัจจุบันเท่านั้น
แต่พระเจ้าทรงเรียกท่านและผมให้เป็นผู้ส่องสะท้อนแสงสว่าง และ
แผ่รังสีความอบอุ่นของพระคริสต์แก่ผู้คนในชุมชนที่เราท่านอาศัย และ ทำงานด้วย
ท่านไม่จำเป็นต้องตอบสนองการทรงเรียกของพระองค์ด้วยการไปบวชเป็นชีเป็นพระอย่างคุณแม่เทเรซาและอีกหลาย
ๆ ท่าน
ท่านอาจจะไม่จำเป็นต้องตอบสนองด้วยการลาออกจากงานแล้วไปเรียนพระคริสต์ธรรมเหมือนกับศิษยาภิบาลหลายท่าน และอาจจะไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องเข้าไปรับการอบรมหลักสูตรต่าง
ๆ มากมายเพื่อจะออกไปประกาศพระกิตติคุณได้
เราท่านสามารถตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้าให้เป็นผู้ส่องสะท้อนแสงสว่างของพระองค์ และ
นำความรักเมตตาที่อบอุ่นของพระคริสต์ไปยังผู้คนในสังคมที่เราอยู่ด้วย ทำงานด้วย
และต้องไม่ลืมว่า
ที่เราสามารถส่องสว่างของพระคริสต์เพราะพลังฤทธิ์เดชของพระคริสต์อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา เราไม่ได้ทำเพราะ “เรารู้ เราทำได้
เราเก่ง”
แต่ที่เราทำได้เพราะพระคริสต์ในตัวเราเป็นผู้ที่กระทำ และ
สอนให้เรารู้จักที่จะทำตามพระประสงค์ของพระองค์
และถ้าเราตัดสินใจยอมตนทำตามที่พระคริสต์ประสงค์ เมื่อนั้น
ชีวิตของเราจะได้รับการเสริมสร้างใหม่ให้ค่อย ๆ พัฒนาสามารถตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้าที่สอดคล้องกับสถานการณ์ชีวิตในเวลานั้น
ๆ เราจะเรียนรู้ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
และเป็นการเรียนรู้ถึงชีวิตการเป็นสาวกของพระคริสต์ในตัวเราเติบโตขึ้นด้วย
หัวใจการทำงานรับใช้ของคุณแม่เทเรซาคือ พระมหาบัญญัติ เมื่อรักพระเจ้าด้วยสุดชีวิต ก็จะรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง พันธกิจแห่งความรัก เมตตา
และการให้ชีวิตของคุณแม่เทเรซา
เป็นการทำพันธกิจที่มุ่งตรงลงลึกในชีวิตของผู้คน
และเน้นที่แต่ละคน
เมื่อพันธกิจของคุณแม่เทเรซามุ่งที่กอบกู้ชีวิต ท่านเริ่มต้นที่ให้ความรัก เมตตา
และให้ชีวิต พันธกิจของท่านจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นจากเงินทุน
หรือ งบประมาณโครงการ แต่ท่านใช้
“ทุนชีวิต”
ที่เป็นของประทานจากพระเจ้าในการทำพันธกิจในแต่ละวันและในแต่ละสถานการณ์
สำหรับคุณแม่แล้ว เราท่านรักพระเจ้าด้วยสุดหัวใจ แล้ว
รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองได้นั้น ย่อมเริ่มต้นที่การดำเนินชีวิตประจำวันของเราว่า ชีวิต
ท่าที
และการกระทำของเราได้ทำตามพระมหาบัญญัติหรือไม่ การเริ่มทำตามพระมหาบัญญัติ
แล้วมีโอกาสที่จะสงบชีวิตของตนที่จะใคร่ครวญถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการกระทำพระมหาบัญญัติต่อพระพักตร์พระเจ้า คือโอกาสการเสริมสร้างชีวิตการเป็นสาวกของพระคริสต์ในเราแต่ละคนให้เติบโตและเข้มแข็งยิ่งขึ้น
อีกประการหนึ่ง
การทรงเรียกของพระคริสต์ต่อชีวิตของคุณแม่เทเรซา มิใช่เพื่อคุณแม่จะได้เป็นคนดี และ
ทำดีเท่านั้น แต่พระคริสต์ทรงเรียกคุณแม่เทเรซาที่จะต้องสนใจ
ห่วงใย และใส่ใจชีวิตของคนอื่น ๆ
ด้วย ดังที่เปาโลกล่าวไว้ใน ฟิลิปปี 2:4 ที่ว่า
“อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง
แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่น ๆ ด้วย”
การกระทำ และ
คำกล่าวของคุณแม่เทเรซาเป็นที่ตรึงจิต ชูใจ แก่ผู้คนในการที่จะมีชีวิตที่เป็นสาวกติดตามพระคริสต์ด้วยทั้งชีวิต งานรับใช้ของคุณแม่ไม่ได้เริ่มต้นด้วย “เงิน
และ งบประมาณ” แต่เริ่มต้นด้วย “ทุนการพึ่งพิงในพระเจ้า”
คุณแม่และทีมงานรับใช้ได้อภิบาลชีวิตคนเจ็บป่วยที่ไม่มีผู้เหลียวแล คนที่กำลังนอนรอความตายข้างทางเท้า เอาใจใส่เด็กข้างถนน ให้ที่คุ้มหัวแก่ผู้ไร้ที่พักพิง ใจใส่คนที่ไม่มีใครใส่ใจ คนว้าเหว่
คนถูกทอดทิ้ง
คุณแม่และทีมงานสำแดงพระประสงค์ของพระเจ้าผ่านทางการกระทำ การประเล้าประโลมและการชูใจ ผ่านการวางรากฐานความคิดในการมีชีวิตด้วยพระวจนะ พลังที่ยิ่งใหญ่ในการรับใช้ของคุณแม่และทีมงานคือการทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อตอบสนองพระประสงค์ของพระเจ้า มีชีวิตตามคำสอนของพระคริสต์
การทำงานรับใช้ต่อผู้คนที่พระคริสต์ทรงเรียกนั้น
เป็นการกระทำเพื่อตอบสนองพระประสงค์ของพระเจ้า ด้วยพลังชีวิตของพระคริสต์ที่มีอยู่ในตัวผู้ที่ได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าแต่ละคน
บทเรียนสำคัญในที่นี้คือ เมื่อพระเจ้าทรงเรียก พระองค์ทรงเตรียมพลัง และ
เส้นทางการรับใช้ในการทรงเรียกนั้นเพื่อเรา
ถ้าเช่นนั้น
การรับใช้ตามการทรงเรียกจึงมิใช่เพื่อการประสบผลสำเร็จในชีวิตของตน หรือ เพื่อคนอื่นจะยอมรับ ยกย่องเรา
แต่เป้าหมายทั้งสิ้นของคุณแม่เทเรซาคือ กระทำตามพระประสงค์ของพระคริสต์ให้สำเร็จ เพื่อผู้คนจะได้เห็นแสงสว่างของพระคริสต์ และ
สัมผัสความรักเมตตาที่อบอุ่นของพระองค์
เพื่อคนในชุมชนสังคมเหล่านั้นจะได้ซาบซึ้งในพระคุณ และจะได้ขอบพระคุณ ยกย่องสรรเสริญพระองค์ในที่สุด
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น