01 กันยายน 2559

นิมิตพลิกสังคมโลกอย่างคุณแม่เทเรซา

ชีวิตแม่เทเรซาได้เป็นแบบอย่างที่สะท้อนถึงชีวิตที่อุทิศด้วยรักเมตตา กรุณา และเสียสละของพระคริสต์ อย่างเป็นรูปธรรม   คุณแม่มีความเข้าใจอย่างลุ่มลึกในคำสอนของพระคริสต์ด้วยการดำเนินชีวิตตามคำสอนนั้นในการรับใช้ท่ามกลางผู้คนที่ถูกเหยียบย่ำ  กดขี่  เอารัดเอาเปรียบจากคนอื่น ๆ รอบข้าง

เพราะความเชื่อศรัทธาของคุณแม่เทเรซา   ที่เป็นความเชื่อด้วยการปฏิบัติ   ดังนั้น คุณแม่จึงสามารถที่สะท้อนถึงแก่นแกนความหมายของความรักเมตตากรุณา,  การอธิษฐานภาวนา,  การให้รวมถึงการให้ชีวิต,  การบริการรับใช้,  ความยากจน,  การให้อภัย,  และในอีกมากมายหลายเรื่อง   ซึ่งการสะท้อนความหมายของคำเหล่านี้อย่างลุ่มลึกของคุณแม่เกิดขึ้นจากการรับใช้ด้วยการให้ชีวิต   และมีโอกาสสะท้อนคิดถึงความรู้สึก ประสบการณ์จากการรับใช้นั้น

สำหรับคุณแม่เทเรซาแล้ว  คำเทศนา   การประกาศข่าวดี(ข่าวประเสริฐ)ของพระเยซูคริสต์  และการทำคริสต์ศาสนศาสตร์เริ่มต้นที่การยอมตนทำตามคำสอนและแบบอย่างชีวิตของพระคริสต์   ซึ่งสวนทางกับนักเทศน์  นักประกาศฯ  และนักคริสต์ศาสนศาสตร์ในปัจจุบันส่วนมากที่เริ่มต้นคิดค้นให้รู้ก่อนเพื่อนำสู่การปฏิบัติ   และบ่อยครั้งที่มักมีแรงจูงใจให้เทศน์ ให้ประกาศฯ  และสร้างคำสอนคริสต์ศาสนศาสตร์เพื่อจะเป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติ?  

แต่สำหรับคุณแม่เทเรซาแล้ว  การเทศนา  การประกาศฯ  และการทำคริสต์ศาสนศาสตร์เริ่มต้นที่การปฏิบัติ  เริ่มต้นที่ลงมือทำเพื่อมีประสบการณ์ตรงในความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ และ กับพระเจ้า   และเมื่อมีเวลาสงบและสะท้อนคิดต่อพระพักตร์พระเจ้า   ในเวลานั้นต่างหากที่จะได้มาซึ่งคำเทศนา  การประกาศข่าวดีฯ   หรือคริสต์ศาสนศาสตร์ที่เด่นชัดอย่างเป็นรูปธรรม

บ่อยครั้งหรือไม่ครับ...ที่สถาบันศาสนศาสตร์ศึกษาสร้างคนรับใช้สวนทางกับสัจจะความจริงในสิ่งนี้?

ท่ามกลางสภาพสังคมโลกที่ยากจนข้นแค้นและเจ็บปวดในปัจจุบัน   คุณแม่เทเรซาได้สะท้อนแสงสว่างที่อบอุ่นแห่งความรักเมตตาของพระเจ้ามายังคนในสังคมเช่นนั้น   คุณแม่เทเรซาทำตามคำสอนของพระคริสต์ที่ว่า “...ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก”   พระองค์เชิญชวนให้เราเป็นแสงสว่างของพระองค์ที่สะท้อนส่องแสงของพระคริสต์ท่ามกลางสังคมโลกใบนี้

ตลอดชีวิตของคุณแม่เทเรซา  ท่านดำเนินชีวิตเป็นเหมือนแสงสว่างจากตะเกียงดวงเล็ก ๆ  ที่เป็นแสงสว่างสำหรับคนยากไร้ต่ำต้อยแต่ละคนที่ตกจมลงในความมืดมิดเหน็บหนาวเย็นชาแห่งสังคมโลกในปัจจุบัน   และส่งผลกระทบกลายเป็นแสงสว่างดวงน้อยที่แผ่แสงสว่างจ้าในชีวิตของผู้มั่งคั่งที่จนเจ็บในชีวิตสังคมเจริญมั่งคั่งและทันสมัยบางคนด้วย    เพราะการใส่ใจด้วยชีวิตจิตใจ และ การทุ่มตนลงเคียงข้าง “คลุกฝุ่นชีวิต” กับผู้คนข้างถนน  ไร้บ้าน  และที่กำลังจะตายเหล่านั้น   ที่สะท้อนและเป็นความอบอุ่นที่คนต่ำต้อยเหล่านั้นสามารถเห็นและสัมผัสถึงความรักเมตตา และ การเคียงข้างอยู่ใกล้ของพระเจ้าท่ามกลางชีวิตของพวกเขา

ตลอดชีวิตของคุณแม่เทเรซา   ท่านดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระคริสต์ที่บอกว่า  พระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิตของสังคมโลก   และพระองค์ให้ชีวิตแก่ผู้คนที่กระหาย อดอยาก หิวโหย เหล่านั้น   คุณแม่เทเรซา ได้ใช้ชีวิตของคุณแม่เพื่อจะเป็นอาหารทั้งทางกาย  จิตใจ  สังคม  และจิตวิญญาณแก่ผู้คนในสังคมโลกนี้   คุณแม่เป็นอาหารแก่คนในสังคมที่อดอยาก แร้นแค้น  หิว โหยหา ความรักเมตตาที่อบอุ่น   คุณแม่เทเรซาเป็นอาหารที่เป็นคำตอบต่อความหิวโหยความรักเมตตา และ การมีโอกาสสัมผัสกับสิ่งที่เป็นสัจจะจริงแท้ในชีวิต   และที่สำคัญคือ  ตลอดชีวิตของคุณแม่ไม่มีสิ่งใดที่จะมีอิทธิพล หรือ พลังมากีดกั้นการที่จะมีชีวิตที่สะท้อนถึงแสงสว่าง และ แผ่คลุมชีวิตผู้คนเล็กน้อย และ ยากไร้ด้วยความอบอุ่นของพระคริสต์

พระเจ้ามิได้ทรงเรียกคุณแม่เทเรซาที่จะเป็นผู้ส่องสะท้อนแสงสว่างของพระองค์  และ  แผ่ซ่านความรักเมตตาที่อบอุ่นของพระองค์แก่ผู้คนในสังคมโลกปัจจุบันเท่านั้น   แต่พระเจ้าทรงเรียกท่านและผมให้เป็นผู้ส่องสะท้อนแสงสว่าง และ แผ่รังสีความอบอุ่นของพระคริสต์แก่ผู้คนในชุมชนที่เราท่านอาศัย และ ทำงานด้วย

ท่านไม่จำเป็นต้องตอบสนองการทรงเรียกของพระองค์ด้วยการไปบวชเป็นชีเป็นพระอย่างคุณแม่เทเรซาและอีกหลาย ๆ ท่าน   ท่านอาจจะไม่จำเป็นต้องตอบสนองด้วยการลาออกจากงานแล้วไปเรียนพระคริสต์ธรรมเหมือนกับศิษยาภิบาลหลายท่าน   และอาจจะไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องเข้าไปรับการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ มากมายเพื่อจะออกไปประกาศพระกิตติคุณได้

เราท่านสามารถตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้าให้เป็นผู้ส่องสะท้อนแสงสว่างของพระองค์  และ  นำความรักเมตตาที่อบอุ่นของพระคริสต์ไปยังผู้คนในสังคมที่เราอยู่ด้วย  ทำงานด้วย   และต้องไม่ลืมว่า ที่เราสามารถส่องสว่างของพระคริสต์เพราะพลังฤทธิ์เดชของพระคริสต์อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา   เราไม่ได้ทำเพราะ “เรารู้  เราทำได้  เราเก่ง”   แต่ที่เราทำได้เพราะพระคริสต์ในตัวเราเป็นผู้ที่กระทำ และ สอนให้เรารู้จักที่จะทำตามพระประสงค์ของพระองค์   และถ้าเราตัดสินใจยอมตนทำตามที่พระคริสต์ประสงค์   เมื่อนั้น ชีวิตของเราจะได้รับการเสริมสร้างใหม่ให้ค่อย ๆ พัฒนาสามารถตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้าที่สอดคล้องกับสถานการณ์ชีวิตในเวลานั้น ๆ   เราจะเรียนรู้ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ   และเป็นการเรียนรู้ถึงชีวิตการเป็นสาวกของพระคริสต์ในตัวเราเติบโตขึ้นด้วย

หัวใจการทำงานรับใช้ของคุณแม่เทเรซาคือ   พระมหาบัญญัติ  เมื่อรักพระเจ้าด้วยสุดชีวิต   ก็จะรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง   พันธกิจแห่งความรัก เมตตา และการให้ชีวิตของคุณแม่เทเรซา เป็นการทำพันธกิจที่มุ่งตรงลงลึกในชีวิตของผู้คน   และเน้นที่แต่ละคน   เมื่อพันธกิจของคุณแม่เทเรซามุ่งที่กอบกู้ชีวิต  ท่านเริ่มต้นที่ให้ความรัก เมตตา และให้ชีวิต   พันธกิจของท่านจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นจากเงินทุน หรือ งบประมาณโครงการ   แต่ท่านใช้ “ทุนชีวิต” ที่เป็นของประทานจากพระเจ้าในการทำพันธกิจในแต่ละวันและในแต่ละสถานการณ์

สำหรับคุณแม่แล้ว  เราท่านรักพระเจ้าด้วยสุดหัวใจ แล้ว รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองได้นั้น   ย่อมเริ่มต้นที่การดำเนินชีวิตประจำวันของเราว่า   ชีวิต  ท่าที  และการกระทำของเราได้ทำตามพระมหาบัญญัติหรือไม่   การเริ่มทำตามพระมหาบัญญัติ  แล้วมีโอกาสที่จะสงบชีวิตของตนที่จะใคร่ครวญถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการกระทำพระมหาบัญญัติต่อพระพักตร์พระเจ้า  คือโอกาสการเสริมสร้างชีวิตการเป็นสาวกของพระคริสต์ในเราแต่ละคนให้เติบโตและเข้มแข็งยิ่งขึ้น

อีกประการหนึ่ง   การทรงเรียกของพระคริสต์ต่อชีวิตของคุณแม่เทเรซา   มิใช่เพื่อคุณแม่จะได้เป็นคนดี และ ทำดีเท่านั้น   แต่พระคริสต์ทรงเรียกคุณแม่เทเรซาที่จะต้องสนใจ ห่วงใย  และใส่ใจชีวิตของคนอื่น ๆ ด้วย   ดังที่เปาโลกล่าวไว้ใน ฟิลิปปี 2:4 ที่ว่า  “อย่า​ให้​ต่าง​คน​ต่าง​เห็น​แก่​ประ​โยชน์​ของ​ตน​เอง แต่​จง​เห็น​แก่​ประ​โยชน์​ของ​คน​อื่น ๆ ด้วย” 

การกระทำ และ คำกล่าวของคุณแม่เทเรซาเป็นที่ตรึงจิต ชูใจ แก่ผู้คนในการที่จะมีชีวิตที่เป็นสาวกติดตามพระคริสต์ด้วยทั้งชีวิต   งานรับใช้ของคุณแม่ไม่ได้เริ่มต้นด้วย “เงิน และ งบประมาณ”   แต่เริ่มต้นด้วย “ทุนการพึ่งพิงในพระเจ้า”   คุณแม่และทีมงานรับใช้ได้อภิบาลชีวิตคนเจ็บป่วยที่ไม่มีผู้เหลียวแล  คนที่กำลังนอนรอความตายข้างทางเท้า   เอาใจใส่เด็กข้างถนน   ให้ที่คุ้มหัวแก่ผู้ไร้ที่พักพิง   ใจใส่คนที่ไม่มีใครใส่ใจ   คนว้าเหว่  คนถูกทอดทิ้ง   คุณแม่และทีมงานสำแดงพระประสงค์ของพระเจ้าผ่านทางการกระทำ   การประเล้าประโลมและการชูใจ   ผ่านการวางรากฐานความคิดในการมีชีวิตด้วยพระวจนะ   พลังที่ยิ่งใหญ่ในการรับใช้ของคุณแม่และทีมงานคือการทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อตอบสนองพระประสงค์ของพระเจ้า   มีชีวิตตามคำสอนของพระคริสต์

การทำงานรับใช้ต่อผู้คนที่พระคริสต์ทรงเรียกนั้น   เป็นการกระทำเพื่อตอบสนองพระประสงค์ของพระเจ้า   ด้วยพลังชีวิตของพระคริสต์ที่มีอยู่ในตัวผู้ที่ได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าแต่ละคน  

บทเรียนสำคัญในที่นี้คือ   เมื่อพระเจ้าทรงเรียก  พระองค์ทรงเตรียมพลัง และ เส้นทางการรับใช้ในการทรงเรียกนั้นเพื่อเรา   ถ้าเช่นนั้น   การรับใช้ตามการทรงเรียกจึงมิใช่เพื่อการประสบผลสำเร็จในชีวิตของตน  หรือ เพื่อคนอื่นจะยอมรับ ยกย่องเรา  

แต่เป้าหมายทั้งสิ้นของคุณแม่เทเรซาคือ   กระทำตามพระประสงค์ของพระคริสต์ให้สำเร็จ   เพื่อผู้คนจะได้เห็นแสงสว่างของพระคริสต์  และ  สัมผัสความรักเมตตาที่อบอุ่นของพระองค์   เพื่อคนในชุมชนสังคมเหล่านั้นจะได้ซาบซึ้งในพระคุณ  และจะได้ขอบพระคุณ  ยกย่องสรรเสริญพระองค์ในที่สุด

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น