“...คนใดที่ทำตามพระทัยของพระเจ้า
คนนั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา”
(มาระโก 3:35 มตฐ.)
เนื่องจากพระเยซูต้องรักษาผู้ป่วย และ
ขับผีให้ออกจากหลายคน
จนพระองค์และสาวกไม่มีเวลาแม้แต่จะรับประทานอาหาร ในมาระโก 3:21 ได้เขียนไว้ว่า “เมื่อญาติพี่น้องของพระองค์ได้ยินเหตุการณ์นี้
ก็ออกไปรั้งพระองค์ไว้ เพราะพวกเขาบอกว่าพระองค์เสียสติแล้ว”
(มตฐ.)
แม่และน้องชายของพระเยซูเป็นห่วงในเรื่องที่เกิดขึ้นจึงมาหาพระเยซูคริสต์ คงต้องการที่หาทางพาพระองค์ไปรักษา
แต่ไม่สามารถเข้าถึงพระเยซูได้เพราะมีคนจำนวนมาก (ลูกา 8:19)
จึงมีคนนำเรื่องนี้ไปบอกพระเยซูว่า แม่และน้องชายมารอพระองค์อยู่ข้างนอก รอพบเพื่อจะพูดคุยกับพระองค์
พระองค์ตอบคนที่มาบอกด้วยคำถามว่า “ใครเป็นมารดาของเรา
และใครเป็นพี่น้องของเรา?” (มาระโก 3:33 มตฐ.) แล้วพระองค์กล่าวต่อไปว่า “...คนใดที่ทำตามพระทัยของพระเจ้า
คนนั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา” (ข้อ 35)
คำถามของพระเยซูอาจจะทำให้หลายคนในฝูงชนนั้นตกใจ และไม่คาดคิดว่าพระเยซูจะมีตอบเช่นนั้น ในวัฒนธรรมยิวสมัยนั้น
สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่ได้รับการยกย่อง มารดาเป็นผู้ที่ต้องได้รับการนับถือจากบุตร
การที่พระเยซูกล่าวเช่นนี้ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าทำไมถึงถามเช่นนั้น
พระองค์จะไม่ยอมรับมารดาของพระองค์เช่นนั้นหรือ?
การทุ่มเททำพระราชกิจของพระเจ้ากลับถูกบิดเบือน ถูกกุเป็นข่าวลือ ถูกกล่าวร้ายป้ายสีว่าที่ทำเช่นนี้เพราะพระองค์
“เสียสติ” (3:21)
หรือ ที่ทำได้ผลเช่นนี้เพราะ ในตัวของพระเยซูมีผีโสโครกสิงอยู่ (3:30)
ที่พระเยซูทุ่มเททำงานมากเช่นนี้เพราะ พระองค์คิดแปลกแยกไม่เหมือนคนอื่น!
จะต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่!
ใคร “แบ็ค” อยู่ข้างหลัง มันถึงทำได้มากมายถึงเพียงนี้!
พระเยซูคริสต์ได้อธิบายต่อไปว่า การขับเคลื่อนพระราชกิจของพระเจ้า ทุกคนต้องทำ
ทุกคนต้องรับผิดชอบ
และพระองค์กล่าวกว้างออกไปถึงมิติ “ครอบครัวของพระเจ้า” ว่า ที่เราทุกคนเข้ามาอยู่เป็นคน ๆ หนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน มิใช่เพราะเรามีความสัมพันธ์ทางสายเลือด
เชื้อชาติ แต่เราเป็นคนในครอบพระเจ้าครัวเดียวกันเพราะ เราแต่ละคนกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
การมีสายสัมพันธ์เป็นคนในครอบครัวของพระเจ้าเดียวกัน
เพราะเราต่างทุ่มเทชีวิตทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า มิใช่เราอยู่ใน “ชายคา” หรือ “อยู่ใต้ร่ม” เดียวกัน
เราเป็นคนในครอบครัวเดียวกันของพระเจ้า มิใช่เพราะเราอยู่ร่วมในคริสตจักรเดียวกัน ร่วมการนมัสการพระเจ้าด้วยกัน หรืออยู่ในกลุ่มอธิษฐานด้วยกัน
แต่ที่เราเป็นอยู่ในครอบครัวของพระเจ้าด้วยกันเพราะ
เราทุ่มเทการดำเนินชีวิตประจำวันตามพระประสงค์ของพระเจ้า และ ทำพระราชกิจของพระเจ้าในทุกสถานการณ์
พระเยซูคริสต์สอนมิติมุมมองใหม่ถึงการเป็นเครือญาติกันใน
“ครอบครัวของพระเจ้า” ว่า
ไม่ใช่เพราะเรามีความเชื่อเดียวกัน
เราทำศาสนพิธีร่วมกัน
และมีพระเจ้าองค์เดียวกัน หรือ
อยู่ในคริสตจักรด้วยกัน
แต่ที่เราอยู่ใน “ครอบครัวของพระเจ้า”
ด้วยกัน เพราะเราเชื่อฟังพระเจ้า จนทุ่มเททำตามพระประสงค์ของพระองค์ต่างหาก ที่ทำให้เราเป็นคนใน “ครอบครัวของพระเจ้า”
ด้วยกัน!
ดังนั้น
พระเยซูคริสต์จึงกล่าวแก่คนทั้งหลายว่า
“ใครเป็นมารดาของเรา
และใครเป็นพี่น้องของเรา?”... “...คนใดที่ทำตามพระทัยของพระเจ้า
คนนั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา” (มาระโก 3:33, 35 มตฐ.)
ทุกวันนี้เราเป็นคนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า เพราะมีสายเลือดทางความเชื่อเดียวกัน หรือ
เพราะเราทุ่มเทชีวิตทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน?
จุดเริ่มต้นที่เราจะทำได้ในวันนี้คือ ทูลขอพระเจ้าขอช่วยให้เราเห็นและเข้าใจถึง
พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา
เพื่อเราจะได้ทุ่มเทชีวิตของเราทำตามพระประสงค์ดังกล่าว ด้วยพระกำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น