ทุกวันนี้ หลายคนมีความรู้สึกว่า
หลักความเชื่อศรัทธาของคริสตชนมีความแตกต่างจากค่านิยมตามกระแสสังคมโลกในปัจจุบันนี้
แต่ความแตกต่างดังกล่าวกลับมิได้ถูกมองว่านี่คือ “จุดแข็ง”
ของการทำธุระกิจการงานของคริสตชน เรามักคล้อยตามคำกล่าวที่ว่า
“ถ้าจะทำธุระกิจการงานในปัจจุบันมัวแต่จะคิดถึงคุณธรรมความสัตย์ซื่อแล้วไม่ทันกินหรอก” หรือ
“ถ้าจะทำตัวเป็นพระก็ไปอยู่ในวัดดีกว่าที่มาอยู่ในวงการธุรกิจ” แต่นี่คือต้นตอที่มาของ
“อาการโรซ์รอยส์เป็นพิษ” มิใช่หรือ?
แต่สำหรับคริสตชนที่เชื่อและไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจ
ความเชื่อศรัทธาของเราเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ ที่จะนำนาวาธุรกิจ/การงานของเราที่กำลังฝ่าคลื่นลมที่บ้าคลั่งไปได้
“จุดแข็ง” ในการทำธุระกิจการงานของคริสตชนที่เดินเคียงข้างไปกับพระคริสต์ และพลังที่เป็นพระพรในการทำธุระกิจการงานที่เราจะได้รับเช่น
ความปรารถนาที่จะทำธุระกิจการงานด้วยสัตย์ซื่อ
ด้วยความถ่อมใจ
ด้วยคุณธรรมตามพระกิตติคุณ
และด้วยความบากบั่นหมั่นเพียรอดทน
พระวิญญาณที่สถิตในชีวิตจิตใจของเรา
และ ในความปรารถนามุ่งมั่นในแผนงานที่เราทำ จะเป็นพลังที่เข้มแข็งหนักแน่นที่ช่วยเราทำธุระกิจการงานที่สำแดงพระคริสต์ผ่านชีวิตและการงานที่เราทำ
และผู้คนจะสามารถมองเห็นแสงสว่างของพระคริสต์ผ่านชีวิตการงานและธุระกิจที่เราทำ
ขุมพลังความเข้มแข็งที่คริสตชนได้จากการดำเนินธุระกิจการงานไปบนเส้นทางความเชื่อศรัทธา
4 ประการมีดังนี้
ขุมพลังจากความเชื่อศรัทธาประการแรก:
เป็นผู้ที่สัตย์ซื่อ
แค่เป็นคนที่พูดสัจจะความจริงก็มิใช่เรื่องง่ายที่จะทำกันในวงการธุระกิจการงานต่าง
ๆ ในสังคมปัจจุบัน แต่ตามความเชื่อศรัทธาของคริสตชนเรารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด พระธรรมสุภาษิต 12:22 บอกแก่เราว่า
“พระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังปากที่พูดมุสา แต่ทรงปีติยินดีในคนที่ประพฤติอย่างซื่อสัตย์”
การเป็นคนที่เปิดเผย จริงใจ
และทำทุกอย่างบนสัจจะความจริงนั้น
เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจของเรากับลูกค้า และ
คนร่วมงานของเรา และเมื่อผู้คนไว้วางใจในตัวเรา เขาก็จะติดต่อกับเรามากยิ่งขึ้น...
เมื่อเราเปิดเผย และ จริงใจ ทุกคนที่เราติดต่อทำงานด้วยเขาก็จะมั่นใจว่า
เขาจะคาดหวังอะไรจากเราได้
ขุมพลังจากความเชื่อศรัทธาประการที่สอง:
มีชีวิตที่สำแดงความถ่อม
ในพระธรรมอิสยาห์ 57:15 พระเจ้าตรัสว่า... “เราดำรงอยู่ในที่สูงและบริสุทธิ์ และอยู่กับผู้สำนึกผิดและมีวิญญาณจิตที่ถ่อม เพื่อฟื้นฟูวิญญาณจิตของผู้ที่ถ่อม และฟื้นฟูใจของผู้สำนึกผิด” และในพระธรรมยากอบ 4:6 บอกกับเราอีกว่า “...“พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ”
คุณธรรมประการนี้พระเจ้าทรงให้ความสำคัญมาก
เพราะคุณธรรมประการนี้มักถูกละเลยหรือหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการธุรกิจ และ
การทำงานปัจจุบัน การที่เรามีจิตใจที่ถ่อมลงนั้น ทำให้เราเป็นคนที่รับการสั่งสอนได้ และทำให้เป็นคนที่จะใส่ใจฟังคนอื่นรอบข้าง
และเปิดรับการเรียนรู้ในมุมมองที่แตกต่างจากตน
อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนคำวิพากษ์วิจารณ์ให้กลายเป็นโอกาสที่จะเสริมสร้างให้เรามีชีวิตที่เติบโต
ขุมพลังจากความเชื่อศรัทธาประการที่สาม:
การทำงานและเป็นผู้นำที่สัตย์ซื่อและมีคุณธรรม
ลูกา 16:10 กล่าวไว้ว่า
“คนที่ซื่อสัตย์ในของเล็กน้อยจะซื่อสัตย์ในของมากด้วย
และคนที่ไม่ซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย
จะไม่ซื่อสัตย์ในของมากเช่นกัน...”
การที่คริสตชนกระทำในสิ่งที่ถูกต้องมีคุณธรรม แม้จะเป็นการกระทำที่อาจจะดูว่ามากกว่าปกติก็เป็นสิ่งที่คริสตชนควรกระทำอย่างยิ่ง คริสตชนจะตอบสนองต่อสิ่งที่กระทำไม่ถูกต้อง ด้วยการกระทำสิ่งที่ถูกต้องมีคุณธรรม
การกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่สังคมปัจจุบันกำลังโหยหา เป็นเหมือนอากาศบริสุทธิ์ที่ผู้คนต้องการอย่างมากในสังคมธุรกิจ
และ การทำงานของเราในปัจจุบัน
ความสัตย์ซื่อมีคุณธรรมเสริมสร้างความมั่นใจแก่ทั้งผู้ทำธุรกิจและลูกค้า แก่ทั้งเราและเพื่อนร่วมงานที่เราทำงานด้วย ในฐานะคริสตชนผู้คนรอบข้างที่เราทำงานด้วยจะสังเกตดูพฤติกรรมและการกระทำของเราในชีวิตประจำวัน
การที่เราสำแดงชีวิตที่สัตย์ซื่อมีคุณธรรมเป็นการมีชีวิตที่เป็นแบบอย่างที่สำคัญแก่ผู้คนที่พบเห็นและสัมพันธ์ด้วย แม้คนอื่นจะมีคุณธรรมความสัตย์ซื่อหรือไม่ แต่เขาเหล่านั้นต่างตั้งตาสังเกตว่าเราในฐานะคริสตชนเป็นคนแบบไหน
ขุมพลังจากความเชื่อศรัทธาประการที่สี่: บากบั่นพากเพียร
พระธรรมฮีบรู 12:1
เขียนไว้ว่า “เพราะฉะนั้น
เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่
และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา...”
เมื่อเราต้องดำเนินไปบนเส้นทางที่ทุกข์ยากลำบากและสับสน ในฐานะคริสตชนเราได้รับการฝึกฝนให้เป็นคนที่บากบั่นพากเพียร
ด้วยความทรหดอดทน
เมื่ออุปสรรคหรือสิ่งท้าทายลุกขึ้นขวางหน้าทั้งในธุรกิจ การงานที่เราทำ
หรือแม้แต่ชีวิตในครอบครัว
เราได้รับการสอนว่าให้เรามุ่งมั่นเดินต่อไป ด้วยความสัตย์ซื่อมั่นคง มุ่งสู่เป้าหมายด้วยความเชื่อมั่น เราต่างรู้ว่า
การเดินบนวิถีแห่งความเชื่อศรัทธานั้นยากเย็นแสนเข็ญเช่นไร และนี่เป็นสิ่งล้ำค่าที่เราจะได้รับจากชีวิตธุรกิจ
การทำงานในชีวิตประจำวันของเรา
การที่เราต้องพบกับความยากลำบากทั้งชีวิต และ
ธุระกิจการงาน
เป็นการที่เราบริหารมัดกล้ามเนื้อแห่งความเชื่อศรัทธาของเราให้เข้มแข็งมีกำลังมากขึ้น ถ้าเราใช้พลังชีวิตของเราในวิถีทางของพระเจ้า เราก็จะพบว่าเราสามารถทำให้เกิดผลเพิ่มพูนมากมายในชีวิตเพื่อแผ่นดินของพระเจ้า
เมื่อเรากระทำธุรกิจ การงานอาชีพของเรา
พระเจ้าทรงอวยพระพร
เราต้องตระหนักชัดเสมอว่า
พระเจ้าทรงเอาใจใส่ธุระกิจการงานอาชีพที่เราแต่ละคนต้องกระทำและรับผิดชอบ และเมื่อเราไว้วางใจในพระองค์ เราจะพบสัจจะความจริงว่า พระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างและอยู่ฝ่ายเรา และไม่มีใครที่จะต่อต้านเราได้
แม้ความยากลำบากที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าในธุรกิจ การงาน และอาชีพที่เราทำ ในชีวิตครอบครัว หรือ
ในความสัมพันธ์กับคนรอบข้างในชุมชน
แต่พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างเรา
และนี่คือพระพรอันยิ่งใหญ่
และพระกำลังที่ไม่มีกำลังจากที่ใดจะเทียบเท่าได้ และนี่คือจุดแข็งที่สำคัญในการมีชีวิตคริสตชนไม่ว่าในมิติใด
หรือ บริบทใดก็ตาม
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น