15 กุมภาพันธ์ 2560

ขุมพลังของการทำธุระกิจการงานในฐานะคริสตชน

ทุกวันนี้ หลายคนมีความรู้สึกว่า หลักความเชื่อศรัทธาของคริสตชนมีความแตกต่างจากค่านิยมตามกระแสสังคมโลกในปัจจุบันนี้   แต่ความแตกต่างดังกล่าวกลับมิได้ถูกมองว่านี่คือ “จุดแข็ง” ของการทำธุระกิจการงานของคริสตชน   เรามักคล้อยตามคำกล่าวที่ว่า  “ถ้าจะทำธุระกิจการงานในปัจจุบันมัวแต่จะคิดถึงคุณธรรมความสัตย์ซื่อแล้วไม่ทันกินหรอก”  หรือ  “ถ้าจะทำตัวเป็นพระก็ไปอยู่ในวัดดีกว่าที่มาอยู่ในวงการธุรกิจ”   แต่นี่คือต้นตอที่มาของ “อาการโรซ์รอยส์เป็นพิษ” มิใช่หรือ?

แต่สำหรับคริสตชนที่เชื่อและไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจ   ความเชื่อศรัทธาของเราเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่  ที่จะนำนาวาธุรกิจ/การงานของเราที่กำลังฝ่าคลื่นลมที่บ้าคลั่งไปได้

“จุดแข็ง” ในการทำธุระกิจการงานของคริสตชนที่เดินเคียงข้างไปกับพระคริสต์   และพลังที่เป็นพระพรในการทำธุระกิจการงานที่เราจะได้รับเช่น ความปรารถนาที่จะทำธุระกิจการงานด้วยสัตย์ซื่อ   ด้วยความถ่อมใจ   ด้วยคุณธรรมตามพระกิตติคุณ  และด้วยความบากบั่นหมั่นเพียรอดทน   พระวิญญาณที่สถิตในชีวิตจิตใจของเรา  และ ในความปรารถนามุ่งมั่นในแผนงานที่เราทำ  จะเป็นพลังที่เข้มแข็งหนักแน่นที่ช่วยเราทำธุระกิจการงานที่สำแดงพระคริสต์ผ่านชีวิตและการงานที่เราทำ   และผู้คนจะสามารถมองเห็นแสงสว่างของพระคริสต์ผ่านชีวิตการงานและธุระกิจที่เราทำ

ขุมพลังความเข้มแข็งที่คริสตชนได้จากการดำเนินธุระกิจการงานไปบนเส้นทางความเชื่อศรัทธา 4 ประการมีดังนี้

ขุมพลังจากความเชื่อศรัทธาประการแรก:  เป็นผู้ที่สัตย์ซื่อ

แค่เป็นคนที่พูดสัจจะความจริงก็มิใช่เรื่องง่ายที่จะทำกันในวงการธุระกิจการงานต่าง ๆ ในสังคมปัจจุบัน   แต่ตามความเชื่อศรัทธาของคริสตชนเรารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด   พระธรรมสุภาษิต 12:22  บอกแก่เราว่า  “พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​เกลียด​ชัง​ปาก​ที่​พูด​มุสา  แต่​ทรง​ปีติ​ยินดี​ใน​คน​ที่​ประ​พฤติ​อย่าง​ซื่อ​สัตย์”

การเป็นคนที่เปิดเผย จริงใจ และทำทุกอย่างบนสัจจะความจริงนั้น  เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจของเรากับลูกค้า และ คนร่วมงานของเรา   และเมื่อผู้คนไว้วางใจในตัวเรา   เขาก็จะติดต่อกับเรามากยิ่งขึ้น... เมื่อเราเปิดเผย และ จริงใจ ทุกคนที่เราติดต่อทำงานด้วยเขาก็จะมั่นใจว่า เขาจะคาดหวังอะไรจากเราได้

ขุมพลังจากความเชื่อศรัทธาประการที่สอง:  มีชีวิตที่สำแดงความถ่อม

ในพระธรรมอิสยาห์ 57:15  พระเจ้าตรัสว่า...  “เรา​ดำรง​อยู่​ใน​ที่​สูง​และ​บริ​สุทธิ์   และ​อยู่​กับ​ผู้​สำ​นึก​ผิด​และ​มี​วิญญาณ​จิต​ที่​ถ่อม   เพื่อ​ฟื้น​ฟู​วิญญาณ​จิต​ของ​ผู้​ที่​ถ่อม   และ​ฟื้นฟู​ใจ​ของ​ผู้​สำ​นึก​ผิด”   และในพระธรรมยากอบ 4:6  บอกกับเราอีกว่า  “...“พระ​เจ้า​ทรง​ต่อ​สู้​คน​ที่​หยิ่ง​จอง​หอง   แต่​ประ​ทาน​พระ​คุณ​แก่​คน​ที่​ถ่อม​ใจ” 

คุณธรรมประการนี้พระเจ้าทรงให้ความสำคัญมาก   เพราะคุณธรรมประการนี้มักถูกละเลยหรือหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตาม   โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการธุรกิจ และ การทำงานปัจจุบัน   การที่เรามีจิตใจที่ถ่อมลงนั้น  ทำให้เราเป็นคนที่รับการสั่งสอนได้   และทำให้เป็นคนที่จะใส่ใจฟังคนอื่นรอบข้าง   และเปิดรับการเรียนรู้ในมุมมองที่แตกต่างจากตน   อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนคำวิพากษ์วิจารณ์ให้กลายเป็นโอกาสที่จะเสริมสร้างให้เรามีชีวิตที่เติบโต

ขุมพลังจากความเชื่อศรัทธาประการที่สาม:  การทำงานและเป็นผู้นำที่สัตย์ซื่อและมีคุณธรรม

ลูกา 16:10  กล่าวไว้ว่า  “คน​ที่​ซื่อ​สัตย์​ใน​ของ​เล็ก​น้อย​จะ​ซื่อ​สัตย์​ใน​ของ​มาก​ด้วย และ​คน​ที่​ไม่​ซื่อ​สัตย์​ใน​ของ​เล็ก​น้อย จะ​ไม่​ซื่อ​สัตย์​ใน​ของ​มาก​เช่น​กัน...”

การที่คริสตชนกระทำในสิ่งที่ถูกต้องมีคุณธรรม   แม้จะเป็นการกระทำที่อาจจะดูว่ามากกว่าปกติก็เป็นสิ่งที่คริสตชนควรกระทำอย่างยิ่ง   คริสตชนจะตอบสนองต่อสิ่งที่กระทำไม่ถูกต้อง  ด้วยการกระทำสิ่งที่ถูกต้องมีคุณธรรม   การกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่สังคมปัจจุบันกำลังโหยหา   เป็นเหมือนอากาศบริสุทธิ์ที่ผู้คนต้องการอย่างมากในสังคมธุรกิจ และ การทำงานของเราในปัจจุบัน

ความสัตย์ซื่อมีคุณธรรมเสริมสร้างความมั่นใจแก่ทั้งผู้ทำธุรกิจและลูกค้า  แก่ทั้งเราและเพื่อนร่วมงานที่เราทำงานด้วย   ในฐานะคริสตชนผู้คนรอบข้างที่เราทำงานด้วยจะสังเกตดูพฤติกรรมและการกระทำของเราในชีวิตประจำวัน   การที่เราสำแดงชีวิตที่สัตย์ซื่อมีคุณธรรมเป็นการมีชีวิตที่เป็นแบบอย่างที่สำคัญแก่ผู้คนที่พบเห็นและสัมพันธ์ด้วย   แม้คนอื่นจะมีคุณธรรมความสัตย์ซื่อหรือไม่   แต่เขาเหล่านั้นต่างตั้งตาสังเกตว่าเราในฐานะคริสตชนเป็นคนแบบไหน

ขุมพลังจากความเชื่อศรัทธาประการที่สี่
:  บากบั่นพากเพียร

พระธรรมฮีบรู 12:1 เขียนไว้ว่า  “เพราะ​ฉะนั้น เมื่อ​เรา​มี​พยาน​มาก​มาย​อยู่​รอบ​ข้าง​อย่าง​นี้​แล้วก็​ขอ​ให้​เรา​ละ​ทิ้ง​ทุก​อย่าง​ที่​ถ่วง​อยู่ และ​บาป​ที่​เกาะ​แน่น ขอ​ให้​เรา​ยังคง​วิ่ง​แข่ง​ด้วย​ความ​ทร​หด​อด​ทน​ใน​การ​แข่ง​ขัน​ที่​อยู่​ข้าง​หน้า​เรา...”

เมื่อเราต้องดำเนินไปบนเส้นทางที่ทุกข์ยากลำบากและสับสน   ในฐานะคริสตชนเราได้รับการฝึกฝนให้เป็นคนที่บากบั่นพากเพียร ด้วยความทรหดอดทน   เมื่ออุปสรรคหรือสิ่งท้าทายลุกขึ้นขวางหน้าทั้งในธุรกิจ การงานที่เราทำ หรือแม้แต่ชีวิตในครอบครัว   เราได้รับการสอนว่าให้เรามุ่งมั่นเดินต่อไป  ด้วยความสัตย์ซื่อมั่นคง   มุ่งสู่เป้าหมายด้วยความเชื่อมั่น   เราต่างรู้ว่า การเดินบนวิถีแห่งความเชื่อศรัทธานั้นยากเย็นแสนเข็ญเช่นไร   และนี่เป็นสิ่งล้ำค่าที่เราจะได้รับจากชีวิตธุรกิจ การทำงานในชีวิตประจำวันของเรา

การที่เราต้องพบกับความยากลำบากทั้งชีวิต และ ธุระกิจการงาน เป็นการที่เราบริหารมัดกล้ามเนื้อแห่งความเชื่อศรัทธาของเราให้เข้มแข็งมีกำลังมากขึ้น   ถ้าเราใช้พลังชีวิตของเราในวิถีทางของพระเจ้า   เราก็จะพบว่าเราสามารถทำให้เกิดผลเพิ่มพูนมากมายในชีวิตเพื่อแผ่นดินของพระเจ้า

เมื่อเรากระทำธุรกิจ การงานอาชีพของเรา พระเจ้าทรงอวยพระพร   เราต้องตระหนักชัดเสมอว่า พระเจ้าทรงเอาใจใส่ธุระกิจการงานอาชีพที่เราแต่ละคนต้องกระทำและรับผิดชอบ   และเมื่อเราไว้วางใจในพระองค์   เราจะพบสัจจะความจริงว่า   พระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างและอยู่ฝ่ายเรา   และไม่มีใครที่จะต่อต้านเราได้

แม้ความยากลำบากที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา  ไม่ว่าในธุรกิจ การงาน และอาชีพที่เราทำ   ในชีวิตครอบครัว หรือ ในความสัมพันธ์กับคนรอบข้างในชุมชน   แต่พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างเรา   และนี่คือพระพรอันยิ่งใหญ่  และพระกำลังที่ไม่มีกำลังจากที่ใดจะเทียบเท่าได้   และนี่คือจุดแข็งที่สำคัญในการมีชีวิตคริสตชนไม่ว่าในมิติใด หรือ บริบทใดก็ตาม

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น