เนหะมีย์ต้องเผชิญหน้าและต่อสู้กับ
“โรคร้ายที่แพร่ระบาด” เฉกเช่นผู้นำในปัจจุบันกำลังประสบ
โรคร้ายที่ว่านี้คือ “ความหลอกลวง” “สร้างความเจ็บปวดแก่ฝ่ายตรงกันข้าม” และ ทุกวิธีการที่จะทำให้คู่ปรปักษ์ “อ่อนแรง
สับสน หมดกำลัง” ที่จะดำเนินงานต่อไป
สันบาลลัท
พยายามที่จะทำให้การซ่อมกำแพงกรุงเยรูซาเล็มต้องชะงักและล้มเหลว ด้วยการเยาะเย้ย ยั่วเย้า และ เย้ยหยัน พวกยิว เมื่อแผนการร้ายนี้ไม่ได้ผล เขาก็เปลี่ยนไปใช้ยุทธวิธีสร้างความคร้ามกลัว การวางกับดัก
และ การต้อนให้จนมุมด้วยความชาญฉลาดแกมโกงของตน
เพื่อจุดประสงค์ไม่ให้พวกยิวมีกำลังปกครองตนเองได้ เพื่อพวกตนจะสามารถครอบงำพวกยิวต่อไป
แต่เมื่อกลับมาพิจารณาภาวะผู้นำของเนหะมีย์กลับเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เนหะมีย์สามารถตอบโต้ทุกแผนการชั่วของสันบาลลัท และ หนุนเสริมประชาชนคนยิวให้ยืนหยัดมั่นคงในภาวะสุ่มเสี่ยง
หมิ่นเหม่ และ อันตราย
จนนิมิตหมายแห่งพระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ
ผู้นำคริสตจักร หน่วยงาน และสถาบันคริสตชนสามารถเรียนรู้จากบทเรียนภาวะผู้นำของเนหะมีย์ในสถานการณ์ที่ถูกข่มขู่
คุกคาม ทำร้าย และอุบายล่อลวงต่าง ๆ ที่ฝ่ายตรงกันข้ามสร้างขึ้น ผู้นำท่ามกลางวิกฤติขัดแย้งต้องมีคุณลักษณะดังนี้
©
ผู้นำต้องรู้เท่าทันว่าอะไรคือกลลวง
และ กับดักของฝ่ายตรงกันข้าม
©
อย่าเสียเวลากับกลลวงเหล่านั้น
©
จงวางใจในการทรงปกป้องของพระเจ้า
และ มอบชื่อเสียงของท่านไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
©
จงจับคันไถไว้ให้มั่น แล้วไถไปข้างหน้า โดยไม่หยุดการไถ หรือ หันหลังกลับ
“แต่เมื่อสันบาลลัท และ
โทบีอาห์กับชาวอาหรับ และ คนอัมโมนและชาวอัศโดด
ได้ยินว่าการซ่อมแซมกำแพงเยรูซาเล็มนั้นกำลังคืบหน้าต่อไป
และกำลังปิดช่องโหว่ต่าง ๆ เขาทั้งหลายก็โกรธมาก และเขาก็ปองร้ายกันจะมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม
และก่อการโกลาหลขึ้นในนั้น แต่เราทั้งหลายได้อ้อนวอนต่อพระเจ้าของเรา
และวางยามป้องกันเขาทั้งหลายทั้งกลางวันและกลางคืน” (เนหะมีย์ 4:7-9 มตฐ.)
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น