10 ธันวาคม 2561

จาริกไปบนวิถีศรัทธา...อย่างโยเซฟ

อ่าน อิสยาห์ 7:10-16  และ  มัทธิว 1:18-25

“ไม่ช้าก็เร็ว เมื่อเราตัดสินใจติดตามพระคริสต์ชีวิตเราต้องเสี่ยงต่อทุกอย่างเพื่อจะได้ทุกอย่าง ชีวิตของเราเดิมพันด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น  และเสี่ยงต่อทุกสิ่งที่เราเห็น รู้รส และรู้สึก   แต่เราก็รู้ว่า แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะมีความเสี่ยง แต่ก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง เพราะไม่มีอะไรที่ไม่มั่นคง และ ไม่ปลอดภัยเท่ากับโลกที่ชั่วคราวใบนี้”  
(โธมัส เมอตัน Thoughts in Solitude)

เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่สุดที่เคยเล่าขานกันมา เริ่มต้นด้วยเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางศีลธรรม มารีย์ได้หมั้นกับโยเซฟ และทั้งสองได้รักษาความบริสุทธิ์และความดีงามไว้อย่างดี แต่ต่อมาพบว่ามารีย์ตั้งครรภ์ ฝ่ายชายจะคิดอย่างไรในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้?

เมื่อคนเราถูกสภาพแวดล้อมกดดันอย่างหนัก ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของคน ๆ นั้นก็แสดงออกมา และนี่ก็เกิดขึ้นกับโยเซฟด้วย ท่ามกลางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกมองว่า ได้เกิดการ “เล่นไม่ซื่อ” “การสวมเขา” “การทรยศหักหลัง” และคนที่จะต้องรับผลร้ายในเรื่องนี้คือมารีย์  มิใช่โยเซฟเอง

ตัวโยเซฟเองตั้งใจที่จะใช้จิตใจที่ดีงามในสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ เขาคิดว่าเขาจะหายตัวไปอย่างเงียบ ๆ    แทนที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากพฤติกรรมของฝ่ายหญิงตามสิ่งที่ปฏิบัติกันในสังคมเวลานั้น แต่เพราะพระคุณของพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ท่ามกล่างสถานการณ์นี้และในชีวิตจิตใจของโยเซฟ พระเจ้าได้ทรงใช้ทูตสวรรค์มา เพื่อทำให้ความวุ่นวายใจของโยเซฟสงบลง และประทานสมาธิและปัญญาแก่เขาเพื่อรู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายซับซ้อนนี้เช่นไร

แผนการของโยเซฟที่จะทิ้งมารีย์ไปอย่างเงียบ ๆ ในสายตาของคนทั่วไปต้องบอกว่าเป็นแผนการของคนมีธรรมะธัมโม แต่นั่นเป็นแผนการที่วางตามมุมมองของมนุษย์  

วิถีตามความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า โยเซฟต้องตื่นขึ้นจากการมองการคิดอย่างมนุษย์ปุถุชน เขาต้องมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า พระเจ้าทรงกำลังทำอะไรอยู่ในสถานการณ์นั้น แล้วปรับเปลี่ยนวิธีมองและแผนการของตนตามพระราชกิจที่พระเจ้ากำลังกระทำอยู่ในขณะนั้น เช่นกัน... 

เมื่อเราต้องพบกับสถานการณ์ที่ดี หรือเลวร้ายในชีวิต เราจะไม่ไปติดยึดกับสถานการณ์แวดล้อมนั้น แต่เราจะต้องมองให้เห็นว่า พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจอะไรในเหตุการณ์นั้น แล้วเปลี่ยนแผนการของเราให้เป็นแผนการที่สอดคล้องกับแผนการของพระเจ้า

โยเซฟต้อง “ยกเลิก” แผนการของเขาเอง และตอบสนองต่อแผนการของพระเจ้าที่ได้ทรงเปิดเผยให้เขา   รับและร่วมในแผนการของพระเจ้าที่กระทำท่ามกลางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น

เมื่อเราสามารถมองเห็นวิถีแห่งความเชื่อศรัทธาของเราชัดเจนขึ้นเราก็จะรู้ว่า เราจำเป็นต้องเดินบนเส้นทางความเชื่อนี้อย่างไร เราต้องพบกับสิ่งที่เราจะต้องคัดสินใจ เราต้องเลือกที่จะตอบสนองตามที่พระเจ้าทรงชี้นำหรือไม่?  

การที่เราเพียงรู้ว่าอะไรคือน้ำพระทัยของพระเจ้านั้นไม่เพียงพอ  
แต่เมื่อรู้แล้วจะต้องทำตามต่างหากเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า

บางครั้งเราเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า เราสามารถจาริกไปบนเส้นทางแห่งความเชื่อ โดยไม่มีความเชื่อที่แท้จริงและความเชื่ออย่างสุดจิต สุดใจ สุดชีวิต ที่เชื่อด้วยการกระทำ เรื่องราวของโยเซฟในตอนนี้ชี้ชัดแก่เราว่า  

...การดำเนินไปบนวิถีแห่งความเชื่อศรัทธาต้องการบางสิ่งบางอย่างจากชีวิตของเราที่มากกว่า “ความสามารถ” และยังบอกเราอีกว่า การตอบรับการจาริกไปบนเส้นทางชีวิตแห่งความศรัทธายังเป็นการตอบรับว่าเราจะจาริกไปตามการทรงชี้นำตามพระประสงค์ของพระเจ้า และเราจะพบว่าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า  

แผนการของพระเจ้าที่ทรงทำงานในชีวิตและผ่านชีวิตประจำวันของเรา เราจะได้รับประสบการณ์สัมผัสกับการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เข้ามาในชีวิตในจิตใจของเรา ทางองค์ อิมมานูเอล 

พระเจ้าผู้บังเกิด อยู่ และ เติบโตในชีวิตของเรา  
ให้เราเรียกนามท่านว่า “เยซู”

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น