03 ธันวาคม 2561

มุ่งมองที่ “พระคริสต์”... มิใช่ที่ “ความมืดมิด”!

เราต้องฝึกฝนความคิดจิตใจของเราให้มุ่งมองไปยังองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราต้องต่อกรรับมือกับปัญหาที่เผชิญหน้าอยู่   เพราะถ้าเรามุ่งเน้นไปที่ตัวปัญหา ความคิดความรู้สึกในชีวิตของเราจะจมดิ่งลงในทะเลแห่งความทุกข์ระทม  ยากลำบาก สิ้นหวัง  ดั่งเช่นเปโตร เมื่อเขามุ่งมองไปที่พระคริสต์เขาสามารถเดินเหินบนคลื่นทะเลได้อย่างมั่นคง

องค์พระผู้เป็นเจ้าประสงค์ที่จะกอบกู้เราให้หลุดรอดออกจากทะเลแห่งความนึกคิดที่มุ่งไว้วางใจในตนเอง   ภูเขาแห่งความสำคัญของตัวตนจะต้องถูกเคลื่อนย้ายขจัดออกจากเส้นทางการดำเนินชีวิตของเรา   ไม่เช่นนั้นแล้วเรามักที่จะหลงเลือกเดินทางลัดจากการขับเคลื่อนไปบนเส้นทางชีวิตประจำวันที่พระองค์เรียกให้เราดำเนิน  ไปเป็นเส้นทางที่เราเลือกเอง  และด้วยพลังของตนเอง  แทนพลังขับเคลื่อนชีวิตประจำวันจากองค์พระผู้เป็นเจ้า   

ทางที่จะช่วยเราให้หลุดรอดออกจากการพึ่งพิงและไว้วางใจในกำลังของตนเองสู่การพึ่งพิงในพระเจ้า   คือการที่จะรับเอาพระวจนะของพระเจ้าเข้ามาเป็นพลังในการปรับเปลี่ยนความนึกคิดจิตใจของเรา   ให้เราคิด ใคร่ครวญ สัจจะความจริงในพระวจนะของพระเจ้า  อย่างเช่น  พระธรรมมีคาห์ 7:8 เป็นหลักคิดหลักเชื่อหนึ่งที่เมื่อชีวิตเราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาลักษณะต่าง ๆ  เราจะมีหลักคิดหลักเชื่อว่า
...ถึงแม้ข้าล้มลง ข้าจะลุกขึ้นมาอีก
ถึงแม้ข้านั่งอยู่ในความมืด
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเป็นความสว่างของข้า (อมธ.)

จากการดูดซับเอาสัจจะและพลังชีวิตจากพระวจนะข้อนี้   ทำให้เรามั่นใจในความชัดเจนการขับเคลื่อนไปของชีวิตประจำวันของเรา   ที่รู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นที่พึ่งและกำลังชีวิตของเราในเวลาที่ยากลำบาก   นอกจากที่เราจะรับมือและจัดการ “ปัญหา” ที่เราเผชิญด้วยพลังแห่งพระวจนะข้อนี้แล้ว   สัจจะความจริงในพระวจนะนี้ยังเสริมสร้างรากฐานความเชื่อศรัทธาให้แข็งแกร่ง เจริญเติบโต และเข้มแข็งยิ่งขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ให้เรามีชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้นทุกวัน

ในเวลาที่เราเผชิญกับวิกฤติชีวิต   ชีวิตพลาดพลั้งล้มลง   สิ่งแรกคือมุ่งมองใส่ใจไปยังองค์พระผู้เป็นเจ้า   และเชื่อมั่นในพระเมตตาและพระกำลังของพระองค์ว่า  เราจะลุกขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง  หรือ แม้ชีวิตประจำวันของเรา อาชีพการงานของเราจะอยู่ในภาวะที่มืดครึ้ม โดดเดี่ยว  มีแต่ความเย็นชา คลอนแคลน  เราเชื่ออย่างมั่นคงว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับเรา  องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้เรามีประสบการณ์ถึงพระราชกิจแห่งพระเมตตาของพระองค์   พระองค์จะเป็นแสงสว่างแห่งชีวิต และ ความอบอุ่นแห่งชีวิตแก่เรา   ยิ่งกว่านั้นเมื่อเราได้ประสบการณ์ครั้งนี้   จะทำให้เรามีความเชื่อศรัทธาที่มั่นคงขึ้น   ทรงเปลี่ยนและเสริมสร้างหลักคิดของเราขึ้นใหม่   ชีวิตมีความมั่นคงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา/วิกฤติชีวิตที่ร้ายแรงกว่านี้ได้

ตลอดวันนี้ในทุกสถานการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้นให้เราระลึกถึง ท่อง ทบทวน ไตร่ตรอง และดูดซับเอาพลังแห่งพระวจนะข้อนี้เข้าในความคิด จิตใจ และทุกอณูของชีวิตเรา   เพื่อเป็นพลังที่จะรับมือและจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกขณะของวันนี้ด้วยพระเมตตาและพลังแห่งพระวจนะนี้   แล้วเมื่อค่ำคืนก่อนพักผ่อนหลับนอน   ขอท่านไตร่ตรอง ใคร่ครวญ และสะท้อนคิดถึง  พระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำงานผ่านชีวิตในวันนี้ของท่านอย่างไรบ้าง ทั้งในความคิด ความเชื่อ ความสัมพันธ์  ความอดทน  จิตใจที่สงบนิ่ง เยือกเย็นลง และ ฯลฯ  แล้วให้บันทึกไว้   ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับแสงสว่างแห่งชีวิตที่ท่านเริ่มได้รับจากพระองค์ในวันนี้

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น