30 พฤศจิกายน 2561

ผู้นำที่...แตะใจ...ก่อนแตะมือ!

ตลอด 1พงศ์กษัตริย์ บทที่ 11  ได้บันทึกถึงความบาปผิดอันร้ายแรงของโซโลมอน อันเป็นสาเหตุให้แผ่นดินที่พระเจ้าประทานให้ต้องฉีกแยกออกจากกันเป็นสองแผ่นดินคือ อาณาจักรภาคเหนือ (ประกอบด้วย 10 เผ่า ดูข้อ 35) และอาณาจักรภาคใต้ (2 เผ่า)

ความบาปผิดที่รุนแรงของกษัตริย์โซโลมอน ที่ผู้คนชื่นชมถึงสติปัญญาอันเฉียบแหลมและมีชื่อเสียงเลื่องลือไกล  ได้ดำเนินชีวิตฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระเจ้า   แต่งงานกับหญิงของชนชาติที่พระบัญญัติห้ามไว้ (ดูข้อ 3)  เพราะหญิงเหล่านี้เองที่เอาพระของตนเข้ามามีอิทธิพลครอบงำเหนือชีวิต ความคิด ปัญญา และการตัดสินใจของโซโลมอน “พระ​องค์​ทรง​มี​มเห​สี 700 คน และ​นาง​ห้าม 300 คน และ​บรร​ดา​มเห​สี​ของ​พระ​องค์​ก็​หัน​พระ​ทัย​ของ​พระ​องค์​ไป​เสีย...บรร​ดา​มเห​สี​ของ​พระ​องค์​ได้​หัน​พระ​ทัย​ของ​พระ​องค์​ไป​ตาม​พระ​อื่น ๆ และ​พระ​ทัย​ของ​พระ​องค์​ไม่​ภักดี​ต่อ​พระ​ยาห์​เวห์ พระ​เจ้า​ของ​พระ​องค์”(ดูข้อ 3, 4 มตฐ.)  เขาสร้างปูชนียสถานสูงบนภูเขาตรงกันข้ามกับกรุงเยรูซาเล็ม(ดูข้อ 7)

ภายหลังการตายของกษัตริย์โซโลมอน  เรโหโบอัมลูกชายของกษัตริย์ก็ขึ้นครองอำนาจต่อจากพ่อ   ฝ่ายเผ่าต่าง ๆ ที่อยู่ทางภาคเหนือยกพวกพร้อมกับเยโรโบอัมบุตรเนบัท ที่กบฏต่อโซโลมอนแล้วหนีไปอยู่ในอียิปต์ (ดูข้อ 26-40)  ก็กลับมาและรวมอยู่กับพวกจากภาคเหนือมาพบกับเรโหโบอัมด้วย

กลุ่มอิสราเอลที่อยู่ภาคเหนือมาร้องขอให้กษัตริย์ใหม่ลดหย่อนการเกณฑ์แรงงานจากพวกเขาให้เบาลงกว่าในสมัยของโซโลมอน   และบอกว่าพวกตนยังจะสวามิภักดิ์รับใช้กษัตริย์องค์ใหม่ต่อไป  เมื่อเรโหโบอัมมาปรึกษากับคณะที่ปรึกษาอาวุโส  ซึ่งเคยให้คำปรึกษาแก่โซโลมอนมาก่อน ได้แนะนำเรโหโบอัม กษัตริย์องค์ใหม่ว่า   หากวันนี้ฝ่าพระบาทจะทรงเป็นผู้รับใช้ประชาชน ปรนนิบัติเขา และตอบตามที่เขาต้องการ พวกเขาก็จะเป็นผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเสมอไป” (ข้อ 7 อมธ.)

แต่เรโหโบอัมเลือกที่จะทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษาที่เป็นเพื่อนคนใกล้ชิดของเขาตั้งแต่วัยหนุ่มว่าให้ตอบกลับไปอย่างรุนแรง เรโหโบอัมจึงตรัสกับคนที่มาจากทางภาคเหนือว่า  “เสด็จพ่อของเราวางแอกหนักให้พวกเจ้า เราจะให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก เสด็จพ่อของเราเคยใช้แส้เฆี่ยนเจ้า ส่วนเราจะใช้แมงป่องเล่นงานเจ้า”  ” (ข้อ 14 อมธ.)  

ผลที่ตามมาคือความสัมพันธ์แตกหักแยกแผ่นดินกันปกครอง พวกที่มาจากภาคเหนือก็ตอบกษัตริย์เรโหโบอัมแบบตัดเยื่อใยเช่นกันว่า    “เราเกี่ยวข้องอะไรกับดาวิด?   เรามีส่วนอันใดกับบุตรเจสซี?   อิสราเอลเอ๋ย กลับบ้านกันเถิด! ให้ดาวิดดูแลปกครองพวกตัวเองไปก็แล้วกัน!” ดังนั้นชนอิสราเอลจึงพากันกลับบ้าน  (ข้อ 16 อมธ.)  

การเป็นผู้นำเริ่มต้นและมีรากฐานหยั่งลึกในความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำและผู้ตามก่อน   หรืออย่างที่คณะที่ปรึกษาอาวุโสแนะนำเรโหโบอัมว่า ให้กษัตริย์เริ่มต้นด้วยการ “รับใช้ประชาชนก่อน เพื่อที่จะแตะใจ หรือ ได้รับใช้ประชาชน  เพื่อประชาชนจะรู้สึกใกล้ชิดสัมพันธ์กับกษัตริย์ และ ได้ใจของประชาชน  เพื่อที่ประชาชนจะเต็มใจจะรับใช้กษัตริย์ตลอดไป”

ผู้นำจะต้อง “แตะใจ” (ได้ใจ)  ก่อนที่จะ “แตะมือ” (ได้มือ) ของประชาชนที่จะรับใช้พระองค์ตลอดไป

สัมพันธภาพที่ผู้นำจะมีกับผู้ตามมิใช่เรื่องลำบากซับซ้อนอะไร   แต่ผู้นำจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นด้วยความเต็มใจและจริงใจ   และสิ่งนี้คือสิ่งที่บุตรชายของโซโลมอนคือเรโหโบอัมได้มองข้ามความสำคัญ   เรโหโบอัมมองข้ามความสำคัญของการเป็นผู้นำในเรื่องอะไรบ้าง?

1.     คนที่ท่านนำย่อมเต็มใจยินดีที่จะทำตามถ้าผู้นำที่เข้าถึง “ใจ” และ “ความรู้สึก” ของเขาก่อน
2.     เมื่อผู้นำเป็นผู้ให้ก่อน คนที่ท่านนำก็จะให้ตอบ   เมื่อท่านรับใช้คนที่ท่านนำก่อน  ผู้คนที่ท่านนำก็จะรับใช้ผู้นำด้วยความเต็มใจ
3.     เมื่อผู้นำให้ใจ ใส่ใจของตนแก่แต่ละคนที่เขานำ   ผู้นำก็จะได้ใจของคนที่ตนนำทั้งหมด
4.     เมื่อผู้นำยื่นมือ ยื่นชีวิต เข้าถึงใจและชีวิตของผู้คนก่อน  ผู้ตามก็จะยื่นมือยื่นชีวิตกลับมายังผู้นำ
5.     ไม่ว่าผู้นำเพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งในฐานะผู้นำ  หรือเป็นผู้นำมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว   ถ้าผู้นำจะประสบความสำเร็จในการนำ  ผู้นำจะต้องมีความสัมพันธ์กับคนที่ตนนำอย่างลึกซึ้งและจริงใจเป็นทุนเดิมในการนำก่อน  มิใช่ใช้อำนาจและมีอำนาจ(จากตำแหน่ง)เป็นทุนเดิม

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น