19 ธันวาคม 2561

“พิษสภาวะ” ในผู้นำคริสต์ชน

เมื่อพูดถึงเรื่อง “ผู้นำที่เป็นพิษ” ผู้คนมักมองว่าเป็น “ลักษณะ” ของคนอื่น  ไม่ใช่ตนเอง!

ความเป็นจริงอีกประการหนึ่งคือ  คนส่วนใหญ่ที่ทำงาน หรือ ผ่านการทำงานร่วมกับคนส่วนมากมาแล้วมักเคยพบกับ “ผู้นำที่เป็นพิษ” หรือ “พิษภาวะ” ของผู้นำ

แต่ถ้าจะเป็นประโยชน์สำหรับเราเองแล้ว คงต้องถามตนเองว่า ที่เป็นมาเรามีลักษณะผู้นำที่เป็นพิษประการใดบ้างที่มีในตัวเรา หรือ มีแนวโน้มที่เราจะมีลักษณะผู้นำใดบ้างที่เป็นพิษในการผู้นำ? เพื่อเราจะสามารถรู้เท่าทันตนเอง และหาทางแก้ไขและป้องกันก็จะเป็นประโยชน์แก่เราเองอย่างยิ่ง

การที่คริสตจักรใด องค์กรใดมีผู้นำที่เป็นพิษมิเพียงแต่สร้างผลเสียแก่เจ้าตัวเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมงาน และ ลูกน้อง อีกทั้งสร้างผลกระทบที่เลวร้ายต่อองค์กร หรือ คริสตจักรอีกด้วย จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ผู้นำที่เป็นพิษมี “พิษลักษณะ” หรือ “พิษสภาวะ”(?) ดังนี้

1. ผู้นำที่ไม่สำแดงคุณลักษณะผลของพระวิญญาณ ในพระธรรมกาลาเทีย บทที่ 5 กล่าวถึงผลของพระวิญญาณไว้ดังนี้  22ส่วนผลของพระวิญญาณนั้นคือ ความรัก ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ 23ความสุภาพอ่อนโยนและการควบคุมตนเอง...” (อมธ.) ในที่นี้ขอตั้งข้อสังเกตที่สำคัญคือ  ในพระคัมภีร์ตอนนี้กล่าวถึง “ผลของพระวิญญาณ” ที่เป็นเอกพจน์ มิใช่พหูพจน์  คือคุณลักษณะทั้ง 9 ประการรวมกันเป็นผลของพระวิญญาณ  มีความหมายถึงการที่ผู้นำคนนั้นจำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้การทรงนำ การชี้นำอย่างแท้จริงที่เปี่ยมล้นจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาจึงเป็นผู้นำที่สามารถนำให้เกิดผลของพระวิญญาณ เพราะองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้กระทำให้ชีวิตผู้นำของเขาเกิดผล

ผู้นำที่เป็นพิษ เป็นผู้นำที่ไม่สำแดงผลของพระวิญญาณออกมาในการเป็นผู้นำของเขา เพราะเขามิได้ยอมให้องค์พระวิญญาณทรงควบคุม และชี้นำการเป็นผู้นำของเขา เขาจึงไม่สำแดงผลของพระวิญญาณทั้ง 9 ประการ

2. ผู้นำที่นำด้วย “ความคิดและจิตใจ” ของตนเอง กล่าวคือเขาเป็นผู้นำที่ไม่สนใจว่าทีมงาน/ลูกน้องคิดอย่างไรในเรื่องนั้น ไม่ปรึกษา หรือขอความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ หรือ การสะท้อนคิดในเรื่องที่ต้องตัดสินใจทำด้วยกันจากเพื่อนร่วมงาน/ทีมงานของตน เป็นผู้นำที่ไม่สนใจความคิดเห็น ความรู้สึกของลูกน้องและทีมงาน ลึก ๆ ของผู้นำพวกนี้คือสำคัญตนเองว่า “ตนเองรู้แล้ว”  “ตนเองรู้ดีกว่า”  “ใครจะรู้ดีเท่าตนเองในเรื่องนี้” เป็นผู้นำที่ไม่เห็นคุณค่า ความสำคัญของลูกน้อง ไม่เห็นความสำคัญของการทำงานแบบมีส่วนร่วม เป็นผู้นำที่ “เอาแต่ใจตนเอง”

3. ผู้นำที่คาดหวังให้คนอื่นมีพฤติกรรมที่ตนต้องการ แต่กลับมิได้คาดหวังพฤติกรรมดังกล่าวจากตนเอง เรามักได้ยินผู้นำประเภทนี้สั่งทีมงานว่า “อย่าทำอย่างนี้” หรือ “ให้ทำแบบนี้” แต่ปรากฏว่าผู้นำคนนี้ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองสั่งลูกน้องของตน เขาไม่ทำในสิ่งที่ตนเองพูดตนเองสั่ง

4. มองผู้ร่วมงานว่าไม่รู้ ไม่สามารถ หรือ เป็นคนที่อ่อนด้อย/อ่อนหัดในด้านต่าง ๆ ตรงกันข้ามมักมองว่าตนเองทำได้ดีกว่าทุกเรื่อง เป็นคนที่เหนือกว่าลูกน้องและทีมงาน ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องนำต้องตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว (เชื่อมโยงกับประการที่ 2)

5. เป็นผู้นำเลือกที่รักมักที่ชัง  เป็นผู้นำที่มีอคติต่อบางคน น่าสังเกตว่า ผู้นำพวกนี้จะชื่นชมลูกน้องที่ไม่โต้เถียง ไม่แสดงความคิดเห็น แต่กลับไม่ค่อยชอบและถูกใจลูกน้องที่มักแสดงความคิดเห็น หรือ มีข้อเสนอแนะ (ที่ตนไม่ต้องการ) เขาชอบลูกน้องพวกที่ “ค่ะ/ครับ เจ้านาย” หรือถ้านำไปเชื่อมกับข้อ 4  คือ ผู้นำพวกนี้จะชอบคนที่ไม่พูด  คนที่ไม่ทำงานจริงจัง แต่จะไม่ชอบพวกที่ทำงานเอาใจใส่และทำงานอย่างใช้สติปัญญา เขาไม่ชอบลูกน้องที่ไม่เห็นด้วยกับเขา แต่โปรดปรานลูกน้องที่ว่าไปตามที่เจ้านายคิด หัวหน้าต้องการ (เพื่อรักษา/ต้องการผลประโยชน์แห่งตน) 

6. เป็นผู้นำที่ไม่ชอบการตอบสนองในเชิงลบ หรือ ที่ไม่เหมือนกับตน หรือ ที่ไม่ยอมเออออห่อหมกกับตน ดังนั้น เขาจะมีคนห้อมล้อมที่เป็นลูกน้องจำพวก “เอาใจเจ้านาย”  “ว่าอย่างเจ้านาย”  “เอาอย่างที่หัวหน้าว่า” และมักจะถูกห้อมล้อมด้วยลูกน้องที่เป็นพิษ ที่ยกยอปอปั้นเจ้านาย  เอาใจเจ้านาย ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า  เจ้านายคิดผิด หรือ หัวหน้าจะทำเลวร้าย ฉ้อฉลอย่างไรก็ยังเอาใจหัวหน้า (เพื่อผลประโยชน์แห่งตนเอง)

7. ผู้นำที่คิดถึงแต่ตนเอง  ฉัน  ตัวฉัน  ฉันเอง...  เป็นผู้นำที่มีตนเองเป็นศูนย์กลาง  ผู้นำพวกนี้มุ่งมองสนใจแต่ว่า ฉันจำเป็นอะไร ฉันต้องการอะไร ผู้นำแบบนี้ไม่สามารถที่จะมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ไม่รู้เท่าทันตนเอง และก็จะไม่รู้ด้วยว่าคนอื่นมองตนเองอย่างไรบ้าง เวลาพูดคุยกับคนอื่นก็จะพูดแต่เรื่องของตนเอง ความโดดเด่น สำคัญของตนเอง โอ้อวดตนเอง

ทั้ง 7 ลักษณะที่เป็นพิษของผู้นำดังกล่าวนี้ จะเป็นผู้นำที่สร้างผลกระทบที่ “หายนะ” แก่องค์กร คริสตจักร สร้างความเดือดร้อนแก่ทีมงานที่ตั้งใจทำงาน ทำลายความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของทีมงาน และทั้ง 7 ลักษณะที่เป็นพิษนี้เองที่จะกลับมาทำร้ายเจ้าตัวในที่สุด

น่าจะเป็นของขวัญล้ำค่าในคริสต์มาส 2018 นี้แก่องค์กร คริสตจักร ตัวผู้นำเอง และเพื่อนร่วมงานอย่างมาก   ถ้าผู้นำคริสต์ชนจะ “ล้างพิษ” (detoxify) หรือ ที่เรารู้ในภาษาว่า “ดีทอกซ์”  หรือ การ “ล้างพิษสภาวะ” ของผู้นำเสีย   ท่านผู้อ่านคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น