01 กุมภาพันธ์ 2553

ความสุขที่ชื่นชมยินดี

การยอมจำนนและมอบตนทำตามการทรงนำขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เป็นรากฐานของความสุขอันแท้จริงยั่งยืนในชีวิต
(มิใช่ความพึงพอใจเมื่อความปรารถนาของตนสำเร็จเท่านั้น)

ความสุขนี้เป็นความชื่นชมยินดี เหนือเงื่อนไข ปัจจัย และสถานการณ์แวดล้อม
แต่เป็นความชื่นชมยินดีจากการที่ได้ใกล้ชิดสนิทกับองค์พระผู้เป็นเจ้า ในทุกขณะจิต ทุกสถานการณ์ของชีวิต

ด้วยความสนิทดังกล่าว
เราจึงได้เห็น ได้เรียนรู้ทีละนิด ทีละขั้น ทีละก้าว จากการทรงนำขององค์พระผู้เป็นเจ้า
มิเพียงแต่การเรียนรู้ถึงพระประสงค์ และ การทรงนำของพระองค์เท่านั้น
เรายังเรียนรู้ที่จะไว้วางใจอย่างสิ้นสุดจิต สิ้นสุดชีวิตในพระองค์

การทรงนำขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการเปิดทางให้เราเดินไป
ถ้าเรา “ยอม” ก้าวไปตามทางนั้น
เราก็จะพบและเรียนรู้พระประสงค์ของพระองค์ชัดเจนยิ่งขึ้น

จากการเรียนรู้ดังกล่าว เราจึงใช้เป็นปัญญาในการดูและตัดสินใจสถานการณ์แวดล้อมที่เกิดขึ้นใหม่
เพื่อจะเห็นการทรงนำของพระองค์ได้ชัดเจนลึกซึ้งยิ่งขึ้น และ
ทำให้เราไว้วางใจอย่างสิ้นสุดชีวิตกว่าเดิม

นี่คือก้าวย่างที่จาริกไปบนเส้นทางแห่งความเชื่อศรัทธา
เป็นเส้นทางที่เสริมสร้างความเข้มแข็งแห่งความเชื่อและศรัทธา และ
การผูกพัน ติดสนิทกับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากและหนักแน่นยิ่งขึ้น

นี่คือเส้นทางจาริกแห่งการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการเป็นสาวกติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า
ที่เดินไปบนเส้นทางสถานการณ์ที่หลากหลายของชีวิต
ที่ทำให้เรามีประสบการณ์กับพระเจ้า
ประสบการณ์การทรงนำ
ประสบการณ์ในพระประสงค์ของพระเจ้า
ประสบการณ์ในทุกสถานการณ์ทั้ง...
ความสำเร็จ อุปสรรค
การล้มลง การลุกขึ้น และ การชูช่วย

ประสบการณ์นี้อยู่เหนือความคาดหวังของมนุษย์
แต่เป็นประสบการณ์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดเตรียมแก่เรา
แต่ละคน แต่ละวัน แต่ละสถานการณ์

เป็นประสบการณ์ที่ค่อยๆ หล่อหลอม ปั้นแต่งชีวิตภายในของเรา
ทีละเล็ก ทีละน้อย ทีละขั้น ทีละตอน
เพื่อเป็นตัวเราที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์
นี่ต่างหากที่ทำให้เราเกิดความชื่นชมยินดีในแต่ละวัน

ทำให้ระลึกถึงพระสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสกับผู้ที่เชื่อของพระองค์ว่า
พระองค์จะไปจัดเตรียมที่สำหรับเราแต่ละคน...
เพื่อว่า พระองค์อยู่ที่ไหน เราก็อยู่ที่นั่นกับพระองค์

เมื่อเราอ่านพระสัญญาตอนนี้ เรามักด่วนตีความและเข้าใจไปว่า
พระองค์ไปจัดเตรียมที่ที่สำหรับเราบนสรวงสวรรค์
เพื่อเมื่อเราจากโลกนี้ไปแล้ว เราจะไปอยู่กับพระองค์ที่สวรรค์
ตามที่พระองค์ทรงจัดเตรียม ตามที่พระองค์สัญญา

แต่ในอีกมิติหนึ่ง
องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้บ่งบอกและจำกัดว่าเป็นเหตุการณ์หลังความตายเท่านั้น

ดังนั้น ในอีกความหมายหนึ่งคือ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรง “จัดเตรียม” ทุกที่ ทุกสถานการณ์ในโลกนี้
แล้วพระองค์ทรงนำเราแต่ละคนเข้าไปสู่สถานการณ์นั้นๆ
ทรงอยู่กับเราในสถานการณ์นั้นๆ
พระองค์อยู่ที่ไหน เราอยู่ที่นั่นกับพระองค์
พระองค์อยู่ในสถานการณ์ใด เราอยู่กับพระองค์ในสถานการณ์นั้น

ที่นั่น ความรักของพระองค์ได้สำแดงออกอย่างเป็นรูปธรรม
พระองค์ทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดของผู้ทุกข์ยากลำบาก
อำนาจความตายที่เกิดขึ้นในหลากหลายรูปแบบจะถูกกำราบให้ยุติและหมดสิ้นไป
เราอยู่กับพระเจ้า และ ร่วมพระราชกิจกับพระองค์
พระองค์อยู่กับเรา เราอยู่กับพระองค์
พระองค์จะทรงสอนเรา นำเรา
ตั้งแต่บัดนี้และตลอดไปเป็นนิตย์

นี่คือความสุขที่แท้จริง
เพราะเป็นความชื่นชมยินดี ที่ได้พบกับคุณค่าและความหมายใหม่ ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
จากการที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ด้วยกับเรา และ เราอยู่ด้วยกับพระองค์
เราเรียนรู้จากพระองค์ ผ่านการยอมจำนนและเชื่อฟังพระประสงค์
ตามย่างก้าวที่พระองค์ทรงเตรียมไว้เพื่อเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น