07 มีนาคม 2553

การงาน หรือ การทรงเรียก

เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า
“ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องทำประการใด จึงจะทำงานของพระเจ้าได้”
พระเยซูตรัสตอบเขาว่า
“งานของพระเจ้านั้น คือการที่ท่านวางใจในท่านที่พระองค์ทรงใช้มา”
ยอห์น 6:28-29


หลักคิดชีวิตและการทรงเรียก

การทำงานหนัก หรือ การเรียนหนัก และ ความสำเร็จ เปิดโอกาสให้เราเป็นพยานชีวิตถึงพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำในชีวิตของเรา แต่สิ่งนี้มิได้เป็นเป้าหมายปลายทางแห่งชีวิตของเรา

เมื่อเราได้พบกับเพื่อนฝูงที่เคยรู้จักสนิทสนม ที่ไม่ได้พบกันมานาน เมื่อพบกันมักจะถามไถ่กันว่า

ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง ยังอยู่ดีมีสุขอยู่หรือ?

จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เรามักจะบอกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เช่น “ฉันทำงานเป็นเลขานุการ” “ดิฉันเป็นอาจารย์สอนพระคริสตธรรม” “ผมเป็นช่างซ่อมรถยนต์” “ฉันเป็นผู้อำนวยการ...” “ฉัน...”

คำตอบที่ได้รับจากกันและกันมักจะเป็นไปในทำนองที่ว่า ตอนนี้ทำอะไร ที่ไหน กับใคร อย่างไร? เช่น ตอนนี้เรียนคริสต์ศาสนศาสตร์ หลักสูตร M.Div. ปีที่ 2 อนาคตคิดจะเป็นศิษ-ยาภิบาล หรือ อนาคตจะเป็นอาจารย์สอนในสถาบันคริสต์ศาสนศาสตร์ศึกษา จบแล้วจะออกไปเปิดหอพักนักเรียน จบแล้วจะไปเป็นผู้จัดการ... เป็นต้น

บ่อยครั้งที่เราสับสนระหว่าง “เราเป็นใคร” กับ “เราทำอะไร” กล่าวคือเราเอาสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มาเป็นตัวบ่งบอกว่าถึงความเป็นตัวตนของเรา หรือ ชีวิตที่เรากำลังเป็นอยู่ การพูดเช่นนี้อย่างไม่รู้ตัวย่อมบ่งชี้ให้เห็นว่า เรากำลังบอกเพื่อนของเราว่า งานที่เราทำคือตัวตนของเรา

เรามักสับสนด้วยเช่นกัน เมื่อเราบอกคนรอบข้างว่า เราเป็น “คริสเตียน” การที่เราบอกว่า “เราเป็นคริสเตียน” มักหมายถึงว่า เราไม่ได้เป็นสมาชิกในศาสนาอื่น ไม่ทำศาสนพิธีของศาสนาอื่น เราไปโบสถ์ เราห้อยไม้กางเขน รถยนต์ของเราติดรูปปลาแล้วมีคำว่า JESUS แต่ไม่ติดผ้ายันต์กันอันตราย

เรากำลังสับสนใน “ความเป็นคริสเตียน” กับ “สิ่งที่เราทำในฐานะคริสเตียน”

ถ้าพูดแบบฟันธง การงาน การเรียน คือสิ่งที่เรา “ทำ”

แต่การมีชีวิตที่ติดตามพระเยซูคริสต์คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของเรา

พระเจ้าทรงเรียกให้เรามีชีวิตที่เหมือนพระเยซูคริสต์ เราจึงทำทุกสิ่งในชีวิตอย่างที่พระองค์คิดและทำ และนั่นคือรากฐานแห่งการมีชีวิต “เป็นคริสเตียน”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น