11 มกราคม 2553

การทำงานและการอธิษฐาน

การทำงานและการอธิษฐานอยู่ในกระบวนการเดียวกัน ที่เสริมหนุนกันและกันในชีวิตประจำวันของเรา
การทำงานจึงไม่สามารถแยกออกจากการอธิษฐาน และการอธิษฐานจึงแยกออกจากงานที่ทำไม่ได้
เมื่อเราทำงาน เราทำงานด้วยจิตแห่งการภาวนาอธิษฐาน
เมื่อเราอธิษฐาน เราใคร่ครวญในงานที่เราได้ทำ, งานที่เราจะทำ, และงานที่เรากำลังทำ

แท้จริงแล้วการอธิษฐานและการทำงานจึงเป็นพลังชีวิตสองพลังที่ผนึกรวมร่างเข้าเป็นพลังเดียวกัน
เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เกินกรอบคิดแบบวิทยาศาสตร์
อยู่เหนือวิธีคิดแบบคณิตศาสตร์
ทะลุกรอบแห่งตรรกะของมนุษย์

การทำงานและการอธิษฐาน จึงเป็นพลังการทำงานในชีวิตของเรา
ที่ผนวกรวมด้วยพระกำลัง, พระปัญญา, และ
พระราชกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงกระทำในชีวิตการงานของเราแต่ละคน
แต่ละครอบครัว แต่ละคริสตจักร และแต่ละชุมชนสังคม
และนี่คือพลังมหาศาลที่ขับเคลื่อนงานชีวิตของเราไปสู่เป้าหมายแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า

เมื่อเราภาวนาอธิษฐานด้วยความเชื่อศรัทธาอย่างมั่นคงในองค์พระผู้เป็นเจ้าในงานที่ทำ และ
ทำงานที่เราภาวนาอธิษฐาน
พระเจ้าทรงใส่พระกำลัง พระปัญญา และทรงกระทำพระราชกิจตามพระประสงค์ของพระองค์...
ในชีวิตจิตใจของเรา: ในนิมิต เป้าหมายในงานที่เรากระทำ
ทรงกระทำพระราชกิจในงานที่เราทำ: งานที่เราทำจึงมิใช่งานของเราเท่านั้น แต่เป็นพระราชกิจแห่งพระประสงค์ของพระองค์ด้วย
ทรงกระทำเพื่อการงานของเรา: งานในส่วนที่เกินกำลัง ความสามารถ ความรอบคอบ และความนึกคิดของเรา
พระองค์ทรงกระทำเพื่อเราตามวิธีการที่เหมาะสมของพระองค์

การอธิษฐานแล้วลงมือทำ และ การลงมือทำแล้วมีเวลาใคร่ครวญภาวนา
เป็นที่มาของกระบวนการ “คิดแล้วทำ และ ทำแล้วคิด”
การอธิษฐานและลงมือกระทำจึงเป็นวงจรแห่งพลังทวีคูณ
ด้วยพลังทวีคูณนี้ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์เรา เป็นสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับพระเจ้า
การอธิษฐานและทำงาน จึงทำให้สิ่งที่เป็นไม่ได้สำหรับเราเป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างน่าอัศจรรย์

ชีวิตคริสเตียนจึง....เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการอธิษฐานแล้วลงมือทำ (เริ่มต้นกับพระเจ้า)
ดำเนินไปตลอดวันด้วยกระบวนการ “ทำแล้วอธิษฐาน อธิษฐานและลงมือทำ...” (ทำไปกับพระเจ้า)
สิ้นสุดวันด้วยการ “ภาวนาอธิษฐานในสิ่งที่ได้ทำ...และไม่ได้ทำ...” (เรียนรู้จากพระเจ้า)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น