15 มีนาคม 2554

ความล้มเหลวมิใช่จุดจบ

7“อย่างน้อยที่สุดยังมีความหวังสำหรับต้นไม้
ถึงมันถูกโค่นก็ยังแตกหน่อขึ้นมาอีก
และงอกกิ่งใหม่ขึ้นมาแทน”
(โยบ 14:7 อมตธรรม)

ผมไม่เคยพบแม้แต่คนเดียวที่มีเป้าหมายในชีวิตของเขาคือความล้ม แต่ความล้มเหลวเป็นสัจจะความจริงหนึ่งในชีวิต กุญแจสู่ความสำเร็จมิใช่การหลีกเลี่ยงความล้มเหลว แต่เป็นการที่จะเรียนรู้จักการรับมือกับความล้มเหลวต่างหาก

  • ครั้งหนึ่ง ครูสอนดนตรีของบีโธเฟ่นบอกกับเขาว่า เขาไม่มีทางที่จะเป็นนักประพันธ์เพลงได้
  • วอลท์ ดิสนีย์ ถูกบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพูดใส่หน้าว่า เขาเป็นคนที่ไร้ความสร้างสรรค์
  • เฮนรี่ ฟอร์ด เจ้าของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี (Ford Motor Company) เป็นธุรกิจที่สามของเขา ซึ่งสองธุรกิจก่อนหน้านี้ล้มเหลวไปเรียบร้อยแล้ว
  • ครูของโธมัส เอดิสัน (Thomas Edison) บอกเขาว่า เอดิสันโง่ทึมทึเกินกว่าที่จะเรียนรู้ได้

Mary Sotherland เคยเล่าไว้ว่า เธอสอบตกครั้งแรกเมื่อเรียนชั้นประถมปีที่หนึ่ง ในการทดสอบเกี่ยวกับชื่อของรัฐและชื่อเมืองหลวงของรัฐเหล่านั้น เธอต้องท่องจำชื่อเหล่านี้อย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกับว่ามันจะตั้งอยู่ชั่วนิรันดร์ เธอไม่ชอบเรียนวิชาภูมิศาสตร์ ถึงเวลาเรียนวิชานี้เมื่อใดเธอเป็นอันต้องใจลอยฝันกลางวันทุกครั้ง เธอถามดังๆ ในใจของเธอว่า ทำไมฉันจะต้องจำชื่อรัฐชื่อเมืองหลวงเหล่านี้ ในเมื่อชื่อพวกนี้เราก็สามารถค้นหาได้จากหนังสือเสมอ... น่าเบื่อสิ้นดี

เธอเล่าต่อไปว่า... ถึงแม้เธอจะไม่ชอบวิชาภูมิศาสตร์แค่ไหน แต่เธอก็จะต้องทำให้ได้ 100 คะแนนในการสอบ ทำไมหรือ? แม้ขณะนั้นเธอเพียงอายุ 6 ขวบ แต่เธอก็รู้กฎเกณฑ์ที่ไม่ได้พูดเป็นคำพูดคือ ถ้าสอบตกวิชาใดวิชาหนึ่งนั่นหมายถึงว่า เธอล้มเหลว

เมื่อคุณครูของเธอบอกให้นักเรียนทุกคนในชั้นเรียน ให้เอาทุกอย่างออกจากโต๊ะเรียนของตน ให้เหลือเพียงดินสอแท่งเดียว เธออกสั่นขวัญหาย เธอเหลียวไปดูที่กระดานก็ไม่เห็นมีอะไรบนกระดานนั้น เธอมองหน้าเพื่อนๆ ต่างมีสีหน้าที่สับสน ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

คุณครูอธิบายว่า “เราจะมีการทดสอบเล็กๆ เพื่อจะดูว่าพวกเราจะทำข้อสอบวิชาภูมิศาสตร์ได้แค่ไหน” เธอคิดในใจว่า เธอมีปัญหาสามประการจากคำพูดของคุณครูคนนี้คือ ไม่เคยพบเลยว่ามีการสอบเล็กๆ (เพราะที่พบทุกครั้งมันยากบรมเลย!) ประการที่สองไม่มีใครพูดถึงเรื่องการสอบนี้เลย ประการสำคัญที่สามคือ เธอไม่รู้ชื่อของรัฐและชื่อเมืองหลวงเหล่านั้นเลย เมื่อเธอบ่นออกมาให้คุณครูได้ยิน คุณครูก็บอกเธอว่า นี่เป็นการทดสอบเล็กๆ ก่อนเรียนเท่านั้น

เธอสัญญากับตนเองในใจว่า ถ้าเธอได้เป็นครูประถมศึกษาเธอจะไม่ทำเช่นนี้กับนักเรียนของตน

เธอเล่าต่อไปว่า ท้องของเธอปั่นป่วน เหงื่อแตกออกมาเป็นเม็ดๆ ในสมองของเธอแล่นค้นหาอย่างบ้าคลั่งถึงข้อมูลวิชาภูมิศาสตร์ที่อาจยังคั่งค้างอยู่ บางทีสมองเธออาจจะค้นพบชื่อรัฐและเมืองหลวงสัก 1-2 ชื่อในช่วงที่ครูกำลังแจกข้อสอบให้แต่ละคน “ไม่ให้เปิดหนังสือ” เสียงของคุณครูเตือน เธอบ่นกับตนเองว่า ทำไมฉันถึงซวยเช่นนี้!

เมื่อคุณครูวางกระดาษที่มีแผนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาลงบนโต๊ะเธอ เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เธอร้องไห้ เมื่อคุณครูเห็นเธอเช่นนั้น คุณครูคุกเข่าลงข้างๆ โต๊ะของเธอ ค่อยๆ โอบเธอไว้ แล้วขอให้ครูผู้ช่วยดำเนินการทดสอบในชั้นเรียนต่อไป แต่คุณครูพาเธอออกจากห้องเรียนมาที่ห้องพยาบาล

เมื่อเธอสงบ หยุดร้องไห้ คุณครูก็ถามเธอว่า “หนู...มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?” เธอไม่เชื่อหูของตนเองที่ได้ยินคำตอบที่เธอตอบคุณครูว่า “หนูจำชื่อรัฐและเมืองหลวงพวกนั้นไม่ได้เลย” เสียงที่เธอคร่ำครวญออกไปฟังดูน่าขบขันสำหรับเธอเอง คุณครูถามเธอว่า “เธอพอจะจำสักบางชื่อได้ไหม?” เธอคิดอยู่พักหนึ่ง จึงตอบคุณครูไปว่า “หนูจำได้บางชื่อแต่จำไม่ได้ทั้งหมด แต่นั่นก็หมายความหว่าหนูจะต้องสอบตก” คุณครูให้กำลังใจว่า “หนูลองทำดีที่สุดเท่าที่หนูจะทำได้ แล้วดูว่าผลมันจะเป็นอย่างไร” เธอทำดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้... แต่เธอยังสอบตก

ลองทายดูว่าอะไรเกิดขึ้นกับเธอ? ในเมื่อโลกหมุนไปไม่หยุด เธอเรียนผ่านชั้นประถมปีที่หนึ่ง ผ่านระดับประถมศึกษาไปอย่างฉลุย สำเร็จมัธยมตอนปลายระดับเกียรตินิยม เธอเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาด้านดนตรีโดยได้รับทุนการศึกษา ในที่สุดเธอได้เป็นครูประถมศึกษา

เธอเล่าว่า เธอพบกับความล้มเหลวตลอดเส้นทางชีวิตที่ผ่านมาหลายครั้งหลายครา เฉกเช่นเดียวกับคนในพระคัมภีร์ ไม่ว่าจะเป็นอาดัมกับเอวาที่โกหกพระเจ้าจึงล้มลงในความบาป ดาวิดที่มีชู้กับบัทเชบา ต่อมาวางแผนให้สามีของบัทเชบาไปตายในสนามรบ เปโตรที่เคยประกาศกร้าวว่าจะอยู่กับพระคริสต์ไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร แต่เขากลับปฏิเสธพระเยซู มิใช่เพียงครั้งเดียวแต่ปฏิเสธถึงสามครั้ง แท้จริงแล้วคงเป็นการยากที่จะค้นให้พบว่ามีใครสักคนไหมที่ไม่เคยล้มเหลวเลยแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต แต่เราพบมากมายหลายคนในพระคัมภีร์ที่เขาได้เรียนรู้จากความล้มเหลวของเขาในชีวิต แล้วใช้สิ่งที่เรียนรู้เป็นเครื่องเสริมสร้างให้ชีวิตของเขาเจริญเติบโตขึ้น และเราพบอีกว่าหลายคนในกลุ่มนี้ที่พระเจ้าทรงใช้เขาให้ประสบความสำเร็จในพระราชกิจแห่งพระประสงค์ของพระองค์

ผมเชื่อว่า ความล้มเหลวเป็นส่วนสำคัญจำเป็นส่วนหนึ่งในการเจริญเติบโตและพัฒนาวุฒิภาวะของเราในการเป็นสาวกติดตามพระเยซูคริสต์ ถ้าเรายอมให้พระเจ้าทำงานในชีวิตของเราตามพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์จะทรงนำประสบการณ์ความล้มเหลวในชีวิตของเราไปถึงซึ่งความเข้าใจในเรื่องความรักที่ไร้เงื่อนไข และ การทรงยกโทษบาปจากพระเจ้า ซึ่งสิ่งอื่นไม่สามารถนำไปถึงได้ ความสิ้นหวังหรือภาวะที่ล่อแหลมสามารถเป็นมิตรสหายใกล้ชิดของเราถ้าเรายอมที่จะรอคอยการกระทำพระราชกิจตามพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของเรา ถ้าเราปรารถนาที่จะเห็นพลานุภาพของพระเจ้าในชีวิตของเรา

จำไว้เสมอว่า ความล้มเหลวมิใช่จุดจบของชีวิต แต่พระคุณของพระเจ้าต่างหากที่นำเราไปถึงเป้าหมายปลายทางแห่งชีวิต

ประเด็นใคร่ครวญพระธรรมกับชีวิต

ให้เราอ่านจากพระธรรมโรม 8:28 “...เรารู้ว่า ในทุกสิ่ง พระเจ้าทรงทำให้เกิดผลดีแก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์ คือผู้ที่ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” (อมตธรรม)
o พระธรรมข้อนี้ช่วยให้เราเผชิญหน้ากับความล้มเหลวในชีวิตของเราอย่างไรบ้าง?
o ทุกวันนี้ท่านต้องประสบกับความล้มเหลวในเรื่องอะไรบ้าง?
o ถ้ามองความล้มเหลวดังกล่าวผ่านมุมมองของพระธรรมโรม 8:28 ท่านได้รับบทเรียนอะไรบ้าง?
o และท่านเห็นชัยชนะหรือความสำเร็จอะไรบ้างที่จะงอกงามตามมาในอนาคต?
o ให้อ่านพระธรรมโยบ 14:7 “อย่างน้อยที่สุดยังมีความหวังสำหรับต้นไม้ ถึงมันถูกโค่นก็ยังแตกหน่อขึ้นมาอีก และงอกกิ่งใหม่ขึ้นมาแทน” (อมตธรรม) เราจะประยุกต์พระธรรมข้อนี้กับความล้มเหลวในชีวิตอย่างไร?

พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงความหายนะเป็นชัยชนะ
พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงความล้มเหลวเป็นความสำเร็จ
เมื่อเราเลือกที่จะมองว่า...
ความผิดพลาดล้มเหลวของเรา เป็นโอกาสของพระเจ้า
ที่จะทรงทำงานในชีวิตของเรา
แล้วเราจะพบว่า ความสำเร็จนั้นมีความหมายใหม่ที่แตกต่างจากความสำเร็จแห่งโลกนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น