03 สิงหาคม 2554

พระเจ้าทรงมีชัยเหนือศัตรู แต่คริสเตียนกลับตกอยู่ใต้อำนาจแห่งกระแสโลก

2ที่ประทับของพระองค์ตั้งอยู่ในซาเล็ม
ที่พำนักของพระองค์อยู่ในศิโยน
3ที่นั่น พระองค์ทรงหักลูกธนูเพลิงทั้งโล่ ดาบ และยุทธภัณฑ์
(สดุดี 76:2-3)

สดุดีบทที่ 76 เป็นบทเพลงที่เฉลิมฉลองถึงชัยชนะของพระเจ้าเหนือศัตรูของพระองค์ ถึงแม้ว่าเราไม่ทราบว่าอาสาฟประพันธ์บทเพลงเฉลิมฉลองบทนี้ในเหตุการณ์ใดโดยเฉพาะ แต่แน่นอนว่าเป็นบทเพลงที่สรรเสริญพระเจ้าที่ทรงมีชัยเหนือศัตรูที่ยกทัพมาบุกรุกกรุงเยรูซาเล็ม แต่พระเจ้า “...ทรงหักลูกธนูเพลิง ทั้งโล่ ดาบ และยุทธภัณฑ์” ของพวกศัตรู (76:3)

เมื่อเราได้อ่านบทเพลงสดุดีที่มีเนื้อหาในลักษณะนี้ เราคงคิดว่าเราจะใช้พระธรรมในทำนองนี้ในการนมัสการพระเจ้าของเราได้อย่างไร แน่นอนว่า เราอาจจะทำเหมือนอาสาฟที่ใช้บทเพลงสดุดีระลึกถึงพระราชกิจอันมีชัยของพระเจ้าที่ทรงกระทำในประวัติศาสตร์ แต่มีคำถามว่า เราจะใช้บทเพลงสดุดีลักษณะนี้มากกว่านี้ได้ไหม?

สำหรับส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่าบทเพลงที่มีเนื้อหาอย่างในสดุดีบทที่ 76 เป็นแรงดลบันดาลใจให้เราเฉลิมฉลองถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า แต่ในยุคปัจจุบัน ใครคือศัตรูของเราที่ยกทัพมาบุกรุกชีวิตของเราอันเป็นที่สถิตและประทับของพระเจ้า เรารู้อยู่แล้วว่าศัตรูตัวจริงนั้นมิใช่ตัวคน แต่เปาโลได้เคยเขียนไว้ว่า ในทุกวันนี้เรา 12...ไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” (เอเฟซัส 6:12) ในฉบับอมตธรรมได้แปลไว้ว่า “ด้วยว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเหล่าเทพผู้ครอง เทพผู้ทรงอำนาจ เทพผู้ทรงเดชานุภาพของโลกอันมืดมนนี้ และต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วในย่านฟ้าอากาศ”

ในฐานะคริสตชนในยุคปัจจุบันนี้ เราต้องชัดเจนว่าศัตรูตัวจริงที่คริสเตียนต้องต่อสู้ด้วยมิสามารถเห็นด้วยตา แต่ผลงานของศัตรูเหล่านี้เราสามารถเห็นถึงการครอบงำ ควบคุม มีอำนาจเหนือชีวิตของผู้คนในโลกนี้ ซึ่งสามารถเห็นชัดว่าอำนาจชั่วเหล่านี้ทำงานแผลงฤทธิ์ผ่าน นักการเมือง นักปกครอง ผู้บริหารที่ฉ้อฉลมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตน สภาที่ออกกฎหมาย กำหนดนโยบาย ผู้ควบคุมระบบเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์ พ่อค้าแม่ขาย อีกทั้งผ่านการใช้ระบบสื่ออันทันสมัยที่ทำให้ผู้คนต้องตกลงเป็นทาสของมัน และนี่คือผลงานของศัตรูตัวจริง และนี่แสดงชัดว่าผู้คนมากมายรวมถึงคริสเตียนด้วยที่ตกเป็น “ทาส” เป็น “เครื่องมือ” ของอำนาจอันชั่วร้ายที่เป็นศัตรูตัวจริงของเราและพระเจ้า และนี่คือเป้าหมายแห่งพระราชกิจของพระเจ้าในการเอาชนะและหยุดยั้งอำนาจชั่วของศัตรูตัวจริงนี้

การต่อสู้นี้ได้ถึงที่สุด และพระเจ้าเป็นฝ่ายที่มีชัยชนะ และเหตุการณ์ชัยชนะนี้เกิดขึ้นในเยรูซาเล็ม หรือห่างออกนอกกรุงเยรูซาเล็มไปเพียงเล็กน้อย ที่ภูเขากะโหลกศีรษะ พระคริสต์ 15...ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขา และชนะเขาโดยกางเขนนั้น” (โคโลสี 2:15) ประจักษ์พยานหลักฐานที่ยืนยันถึงชัยชนะของพระเจ้าคือการเป็นขึ้นจากความตายของพระคริสต์ เมื่อพระเจ้าทรงกระทำให้พระคริสต์ “เป็นขึ้นจากความตาย” และให้สถิตอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า ให้อยู่ “...21สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย” (เอเฟซัส 1:20-21)

พระธรรมสดุดีบทที่ 76 ได้กล่าวถึงชัยชนะของพระเจ้าเหนืออำนาจชั่วร้ายซึ่งสำเร็จเป็นจริงทางพระเยซูคริสต์ ในยุคของอาสาฟ ยูดาห์เชื่อว่า “ที่ประทับของพระองค์ตั้งอยู่ในซาเล็ม ที่พำนักของพระองค์อยู่ในศิโยน” และที่นั่น “...พระองค์ทรงหักลูกธนูเพลิงทั้งโล่ ดาบ และยุทธภัณฑ์” ของศัตรูผู้บุกรุก ในยุคปัจจุบันนี้ โดยทางพระเยซูคริสต์ พระองค์มีชัยเหนืออำนาจแห่งสากลจักรวาลทั้งหลาย ที่แผลงฤทธิ์ออกมาในรูปแบบต่างๆ ที่กระทบต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ปัจจุบัน รวมถึงคนทั้งหลายที่เรียกตัวเองว่าคริสเตียนด้วย

ในทุกวันนี้ การเฉลิมฉลองชัยชนะของพระเจ้าเหนืออำนาจแห่งความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ดั่งบทเพลงสดุดีของอาสาฟในบทที่ 76 คงไม่เป็นคำถามสำหรับเรา แต่ในฐานะคริสเตียนเราสามารถที่จะเฉลิมฉลองชัยชนะของพระเจ้าเหนืออำนาจและความชั่วร้ายที่มาในทุกรูปแบบ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราได้หรือไม่นั่นเป็นคำถามที่เราต้องตอบ

ประเด็นที่เราจะต้องพิจารณาคือ การดำเนินชีวิตประจำวันของเรายอมโอนอ่อนผ่อนตามกระแสแห่งโลกนี้ที่ตกอยู่ใต้การควบคุมและปกครองของเหล่าอำนาจชั่วร้าย หรือที่เราดำเนินชีวิตและเผชิญกับผลแห่งอำนาจชั่วทั้งหลายด้วยกำลังของเราเอง หรือด้วยกำลังที่พระเยซูคริสต์ทรงเสริมหนุนเรา และที่สำคัญชีวิตของเรารอดพ้นออกมาจากอำนาจแห่งความชั่วร้ายเหล่านั้นมาอยู่ภายใต้การปกครอง คุ้มครองในพระเมตตาของพระคริสต์หรือไม่? หรือเรากำลังมีความสุขสบายกับโอกาส อำนาจ ความมั่งคั่ง ที่เราได้จากผลที่เรายอมตกเป็นเครื่องมือของอำนาจแห่งความชั่วร้ายนั้น? เราคงต้องระมัดระวังที่ เราเฉลิมฉลองชัยชนะของพระเจ้าเหนือกองทัพของมารซาตาน แต่เรากำลังหลงระเริงกับความตื่นเต้น ชื่อเสียงเกียรติยศ ความสะดวกสบาย มั่งคั่ง ที่เป็นเพียง “เศษเนื้อ” ที่กระแสนิยมแห่งโลกนี้ที่หยิบยื่นแลกเปลี่ยนกับชีวิตจิตวิญญาณของเรา?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น