29 กรกฎาคม 2554

เราจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้

ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้
เพราะว่าจะชังนายข้างหนึ่ง และจะรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือ
จะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และจะดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง
ท่านจะปฏิบัติพระเจ้าและจะปฏิบัติเงินทองพร้อมกันไม่ได้”
(ลูกา 16:13)

ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้
เขาย่อมชังนายข้างหนึ่งและรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือ
ภักดี(ต่อ) คนหนึ่งและดูหมิ่นอีกคนหนึ่ง
ท่านไม่อาจรับใช้พระเจ้าและเงินทอง(พร้อมกันได้)
(อมตธรรม, ลูกา 16:13, ตัวเอนในวงเล็บเพิ่มโดยผู้เขียน)

พระคัมภีร์ข้อนี้ทำให้คริสเตียนไทยหลายต่อหลายคนรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจลึกๆ ตั้งแต่ศาสนาจารย์ยันสมาชิกสามัญธรรมดาในคริสตจักร บ่อยครั้งต้องนั่งลงแล้วพยายามหาเหตุผลข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่มิใช่เรื่องเล็กน้อย ไม่สำคัญ อย่างที่ปากเราพูด โดยเฉพาะบนธรรมาสน์ และ ในโบสถ์ หรือในวงนมัสการพระเจ้าและการเรียนพระคัมภีร์ ความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจในเรื่องนี้เกิดขึ้นเด่นชัดในความเชื่อและจิตใจของคริสเตียนแต่ละคน เพราะในใจของเราแล้วเราต้องการรับใช้พระเจ้า แต่ในเวลาเดียวกันเราก็ต้องการเงินทอง ที่เราต้องการเงินเพราะเงินสามารถบันดาลสิ่งต่างๆ มากมายในชีวิตแก่เรา ทำให้เรามีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น ทำให้ชีวิตของเราตื่นเต้นน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และจะด้วยรู้ตัวหรือไม่ก็ตามที่หลายคนติดแหงกกับเงินเพราะเงินนั้นให้อำนาจแก่คนใช้เงินที่สามารถควบคุม สั่งการ และอยู่เหนือคนอื่นได้!

การที่เราจะตกลงเป็นทาสรับใช้ของเงินทองนั้นมิได้หมายความว่าเราต้องมีเงินทองมากมาย(ไม่ขึ้นอยู่กับจำนวน) ความจริงแล้ว คนที่มีเงินทองน้อยนิดกลับตกเป็นทาสของเงินทองเมื่อเราต้องการมุ่งหาเงินทองจำนวนมากขึ้น การตกเป็นทาสของเงินทองจึงไม่ขึ้นอยู่กับว่า เรายากดีมีจน แต่เป็นการง่ายยิ่งที่ชีวิตของเราจะลื่นไถลลงสู่การเป็นทาสรับใช้เงินทอง

คริสเตียนส่วนมากแสวงหาคำตอบในจิตใจที่จะเป็นทางออกสายกลางในเรื่องนี้ กล่าวคือเราจะไม่ต้องตัดสินใจเลือกข้างใดข้างหนึ่งได้ไหม? และเลือกทางกลางๆ ที่สร้างความสมดุลระหว่างทั้งสองขั้วไม่ได้หรือ? ให้เราหาทางที่แสดงออกถึงความรักที่สมดุลระหว่างพระเจ้าและเงินทองจะได้ไหม? ผมแน่ใจได้ว่านี่มิใช่ผมเอง และ ท่านเท่านั้นที่ต้องเผชิญหน้า ขบคิด พิจารณาหาทางออก จนแล้วจนรอดโอกาสที่จะหาทางสมดุลดูมันไม่เป็นจริงขึ้นได้เลย?

เราคงต้องมาสะท้อนคิดกันบ้างว่า...
เราใช้เวลามากน้อยแค่ไหนกับการวิตกกังวลในเรื่องเงิน?
บ่อยครั้งแค่ไหนเรายอมซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็นจริงๆ ในชีวิต ซื้อเพียงเพื่อรู้สึกดี สบายใจ?
ท่านเคยรู้สึกว่าท่านควรจะให้เงินเพื่องานสำคัญนั้นๆ แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ให้หรือเปล่า?
ท่านสัตย์ซื่อในการถวายเงินเพื่อหนุนเสริมชีวิตและพันธกิจคริสตจักรท้องถิ่นหรือไม่?
ท่านได้ให้เงินแก่งานและคนอื่นด้วยจิตใจชื่นชมยินดีหรือไม่?
ท่านเคย “หาเงิน” และ “ใช้เงิน” ที่ทำให้ท่านรู้สึกออกห่างจากพระเจ้าหรือไม่?

พระคริสต์มาในโลกนี้เพื่อปลดปล่อยทาสให้เป็นไท รวมทั้งคนที่ตกเป็นทาสของเงินทอง และการฉ้อฉลทุจริตในการใช้อำนาจ ถ้าเราตระหนักและสำนึกได้ว่าเรากำลังรับใช้ทั้งเงินทองอำนาจและพระเจ้า (แม้จะไม่ใช่ทุกวันเป็นบางครั้งหรือบ่อยครั้งก็ตาม) พระคริสต์ยืนยันว่า เราสามารถเริ่มต้นรับประสบการณ์การทรงปลดปล่อยให้ออกจากอำนาจครอบงำของเงินทอง ให้เราเริ่มต้นที่จะสารภาพความจริงนี้ต่อพระองค์ และทูลขอการทรงช่วยจากพระองค์ ยิ่งเราได้รับพระคุณจากพระองค์มากแค่ไหน เราก็จะมีความเป็นไทจากอำนาจเงิน และ มีโอกาสรับใช้พระองค์มากขึ้นแค่นั้น และในเป้าหมายปลายทาง ชีวิตทั้งสิ้นของเราก็จะเป็นชีวิตที่รับใช้พระองค์อย่างเต็มที่

ท่านเคยตกอยู่ในสภาวะของการรับใช้พระเจ้าและรับใช้เงินทองในเวลาเดียวกันหรือไม่?
ถ้าเคย ในเหตุการณ์ไหน?
ท่านเห็นถึงแรงที่ดึงกันระหว่างการอุทิศชีวิตให้กับพระเจ้า กับ ความรักความต้องการในทรัพย์สินเงินทองหรือไม่? ผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้าง?
ท่านเคยมีประสบการณ์ที่พระคริสต์ทรงปลดปล่อยท่านให้หลุดรอดออกจากอำนาจของเงินทองหรือไม่? อย่างไร?

คงยากที่เราจะปฏิเสธว่าเราต้องปล้ำสู้ระหว่างเรื่องการรับใช้พระเจ้ากับการรับใช้เงินทอง
และในเวลานั้นเองเรากลับพบตัวตนของเราว่าเรายังต้องการเงินทองทรัพย์สิน
ยิ่งกว่านั้น เราลำดับให้เงินทองเป็นลำดับสำคัญสูงสุดในชีวิต
เราใช้เวลากับการวิตกกังวลเรื่องเงินทองในชีวิตอย่างมาก
เมื่อเรายืนยันว่าจะไว้วางใจพระเจ้าในเรื่องนี้
แต่เราก็พบความจริงอีกว่าเรื่องเงินทองกลับรบกวนจิตใจของเราอย่างมาก
สิ่งนี้ทำให้เรายังต้องอยู่ห่างออกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้ากอบกู้เราให้ออกจากบ่วงอำนาจร้ายแห่งเงินทอง
หลุดรอดสู่ความเป็นไทในพระคริสต์ที่สมบูรณ์
อย่าให้มีสิ่งอื่นใดที่เป็นลำดับแรกในชีวิตของเรานอกจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
อย่าให้มีใครเป็นเจ้านายบงการชีวิตของเรานอกจากพระองค์
เพื่อการดำเนินชีวิตในทุกมิติของเราจะนำมาซึ่งการยกย่องและสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น