11 กรกฎาคม 2554

อาโวดาห์ Avodah: ความเชื่อกับการทำงาน

เดวิด มิลเลอร์1 ได้เจาะลึกรากศัพท์ของคำว่า “การทำงาน” ตรงกับภาษาฮีบรูคำว่า avodah (อาโวดาห์) คำๆ นี้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมได้ให้ความหมายไว้ 3 ความหมายหลักคือ ความหมายแรกหมายถึง การงาน หรือ อาชีพที่ทำ ความหมายที่สองหมายถึง “การนมัสการพระเจ้า” และความหมายประการที่สามคือ “การบริการรับใช้” ผู้อื่น และนี่คือการทรงเรียกของพระเจ้าที่มีต่อเราแต่ละคน กล่าวคือทรงเรียกให้เราทำงานเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระองค์และเป็นการบริการรับใช้เพื่อนมนุษย์ตามพระประสงค์ของพระองค์ด้วย

มิลเลอร์อธิบายอีกว่า ไม่ว่าคนๆ นั้นจะทำการงานอาชีพใด ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่ง ซีอีโอ หรือ เลขานุการ หรือ พนักงานก็ตาม ทุกคนสามารถทำการงานอาชีพเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า อันเป็นการนมัสการพระเจ้าและเป็นการรับใช้ผู้คนรอบข้างด้วย ดังนั้น การทำงานอาชีพ หรือ การงานที่เรารับผิดชอบในแต่ละวันมิใช่การรับผิดชอบตามหน้าที่เท่านั้น แต่เป็นการกระทำด้วยความเต็มใจ ด้วยจิตใจที่สรรเสริญ ขอบพระคุณพระเจ้า และด้วยความรักเมตตาของพระคริสต์ในการรับใช้คนที่เราพบเห็นแต่ละคนเพื่อสำแดงพระองค์ผ่านกระทำงานของเราในแต่ละวัน

ในทุกวันนี้ ไม่ว่าใครคนนั้นจะมีตำแหน่งหน้าที่ในการงานที่รับผิดชอบอยู่ในระดับไหน หรือได้รับเงินเดือนมากน้อยขั้นใด เขามิเพียงแต่ทำงานเพื่อที่จะมีอาหารเลี้ยงคนในครอบครัว ตนเอง และ ใช้จ่ายชำระหนี้สินเท่านั้น แต่ในส่วนลึกชีวิตจิตวิญญาณของคนเราที่ทำงาน ผู้คนไขว่คว้าหาจุดมุ่งหมายและความหมายของการงานที่ตนเองกระทำอยู่ และเขาก็ไม่ต้องการที่จะแยกจิตวิญญาณของเขาออกจากกิจการงานที่เขาต้องทำและรับผิดชอบในแต่ละวัน

ถ้าเราหวนทบทวนศึกษาวิเคราะห์ถึงหลักคิดหลักเชื่อของคริสเตียนเกี่ยวกับการงานของมนุษย์ ทั้งในความหมายตามพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ ตลอดจนถึงหลักคิดหลักเชื่อเกี่ยวกับเรื่องการงานในยุคกลาง ในสมัยการปฏิรูปศาสนาคริสต์ ไปจนถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ยุคความคิดสังคมนิยมเฟื่องฟู ไปจนถึงสมัยพระกิตติคุณเพื่อสังคม ต่างมีหลักคิดหลักเชื่อในเรื่องกิจการงานที่มนุษย์ทำทั้งสิ้น

หลักคิดหลักเชื่อเกี่ยวกับ “ความเชื่อศรัทธาในงานที่ทำ” นี้มีความแตกต่างหลากหลายกันอย่างมาก และในทุกศาสนาหลักต่างก็มีหลักคิดหลักเชื่อในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นศาสนายิว คริสเตียน อิสลาม ฮินดู พุทธ หรือแม้แต่ศาสนาที่ไม่เน้นความเป็นสถาบัน ถึงแม้ในแต่ละศาสนาจะมีหลักคิดหลักเชื่อเกี่ยวกับงานที่ทำมากมายหลากหลายก็ตาม แต่ในที่สุดผู้คนแต่ละศาสนาก็มักจะมีความเข้าใจถึงการงานที่ทำว่า “เป็นงานอาชีพ” ทำเพื่อให้ได้รับรายได้และมีงานทำ (เพื่อไม่เป็นคนตกงาน)

ในประวัติศาสตร์ของคริสต์ศาสนาได้มีหลักคิดหลักเชื่อเกี่ยวกับกิจการงานที่ทำที่น่าสนใจ เช่น การที่มองว่าการทำงานเป็นเรื่องของทั้งด้านจิตวิญญาณและด้านวัตถุ ดังมีคำกล่าวว่า การทำงานคือการภาวนาธิษฐานและการมีชีวิตที่มีคุณธรรม แต่ก็มีอีกหลายต่อหลายคนในยุคนี้ที่มองว่ากิจการงานที่ต้องทำเป็นภาระหนักที่ผู้คนหาทางหลีกเลี่ยง ในอีกส่วนหนึ่งกลับมองเห็นว่าการทำงานเป็นการทรงเรียกของพระเจ้า แต่บ่อยครั้งที่ผู้คนมองว่ากิจการงานที่ทำในแต่ละวันเป็นเพียงการใช้หรือขายแรงงานในสังคมปัจจุบันนี้ อีกหลายต่อหลายครั้งอีกเช่นกันที่ผู้คนเข้าใจว่าความเชื่อศรัทธาควรจะเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในทุกมิติของชีวิตซึ่งรวมทั้งมิติการทำงานด้วย แต่เราก็พบบ่อยและมากอีกเช่นกันว่า ความเชื่อศรัทธาถูกสำแดงออกเฉพาะในการนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์เท่านั้น

ทำอย่างไรที่จะช่วยให้ผู้คนที่ทำการงานในแต่ละวัน และ ผู้บริหารในงานด้านต่างๆ ได้ตระหนักเห็นถึงความสำคัญของการที่มีความเชื่อศรัทธาในงานที่ทำอยู่เป็นประจำ ที่รวมเอาความหมายทั้งสามมิติของคำว่า “การงาน” เข้าด้วยกัน เพื่อกิจการงานที่ทำในแต่ละวันสามารถแสดงคุณค่าและความหมายของการทำงานในทั้งสามมิติ

ปฐมกาล 2:15
พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและรักษาสวน

ยอห์น 4:34
พระเยซูตรัสกับเขาว่า “อาหารของเราคือการกระทำตามพระทัยของพระองค์ ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ

มัทธิว 15:32
ฝ่ายพระเยซูทรงเรียกพวกสาวกของพระองค์มา ตรัสว่า “เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่อยากให้เขาไปเมื่อยังอดอาหารอยู่ กลัวว่าเขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง”

-------------
1 เดวิด มิลเลอร์ ได้ทำปริญญาเอก PhD. ด้านจริยธรรมสังคม ในขณะที่ทำการศึกษาในระดับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยเยล (Yale University) ในปี 2000 ได้ก่อตั้งสถาบันอาโวดาห์ The Avodah Institue มีเป้าหมายในการทำงานกับ ซีอีโอ และ ผู้นำในองค์กรธุรกิจ ที่มักรู้สึกว่าตนไม่มีสิทธิมีส่วนอะไรมากนักในคริสตจักร ทั้งๆ ที่ไปนมัสการพระเจ้าเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ ในปี 2008 มิเลอร์ร่วมกับคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยปรินสตัน ตั้งสถาบันความเชื่อและการงาน Faith & Work Institute เพื่อทำการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง มิเพียงแต่สอนเรื่อง และ สอนความคิดของ “อาโวดาห์” (Avodah) ที่แทรกเข้าในกิจการงานด้านธุรกิจ งานอาชีพเท่านั้น แต่แนะนำและท้าชวนให้ผู้นำทางธุรกิจได้สำแดง “อาโวดาห์” ออกในธุรกิจการงานทำและรับผิดชอบอยู่ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น