08 กรกฎาคม 2554

สร้างสาวก... เขาสร้างอะไรกัน?

พระเยซูคริสต์ไม่เคยสอนให้เรา “สร้างสาวก” โดยการนำคนเหล่านั้นไปคริสตจักร หรือ ชักชวนพาเขาไปร่วมในกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์เท่านั้น ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า การพาผู้เชื่อไปที่คริสตจักร หรือ การร่วมในกลุ่มเรียนพระคัมภีร์มิได้เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเสริมสร้างความเข้มแข็งเติบโตในชีวิตของการเป็นสาวกพระคริสต์ แต่หมายความว่า ต้องทำมากกว่าการสร้างความรู้และความเข้าใจในพระคัมภีร์เท่านั้น และต้องดำเนินการทั้งกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ในที่สุดแล้ว พระคริสต์จะเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในความนึกคิด และ ทั้งชีวิตของคนๆ นั้น

เปาโลบอกทิโมธีในจดหมายฉบับที่สองว่า จงมอบ คำสอนเหล่านั้นซึ่งท่านได้ยินจากข้าพเจ้าต่อหน้าพยานหลายๆ คน ไว้กับ บรรดาคนซื่อสัตย์ที่สามารถสอนคนอื่นได้ด้วย (“มอบ...ไว้กับ คนที่สัตย์ซื่อ” “มอบ...ไว้กับ คนที่เชื่อถือได้” “มอบ...ไว้กับ คนที่ไว้วางใจได้”) (2ทิโมธี 2:2) ในที่นี้ให้ทิโมธี มอบ สิ่งที่เปาโลสอนและเป็นตัวอย่างชีวิตแก่ทิโมธี “ไว้กับ คนที่สัตย์ซื่อ” คำนี้รากศัพท์ภาษาเดิมในพระคัมภีร์ยุคคริสต์ศตวรรษแรก ใช้ภาพของการเงินการธนาคารมาให้ความหมาย คือ “การฝากเงิน” ในธนาคาร (นำเอาสัจจะความจริงและรูปแบบการดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเยซูคริสต์ ใส่, ฝากลงในชีวิตของผู้เชื่อคนอื่นๆ) เพื่อที่จะให้เงินนั้นเกิดดอกออกผล คือให้ใส่สัจจะความจริงและรูปแบบการดำเนินชีวิตตามพระวจนะลงในชีวิตของผู้เชื่อคนอื่นๆ เพื่อชีวิตการเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ของคนเหล่านั้นจะเติบโต เกิดผลงอกงาม

เราที่อยู่ในประเทศไทยที่มีประสบการณ์และคุ้นชินกับการเกษตรกรรม ถ้าจะอธิบายด้วยภาษาภาพพจน์แล้ว คงกล่าวได้ว่า ให้ “หว่าน” เมล็ดแห่งสัจจะความจริงและรูปแบบการดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระคริสต์ลงในชีวิตของผู้เชื่อคนอื่นๆ เพื่อว่าเมล็ดนั้นจะงอก เจริญเติบโต และเกิดผลในชีวิตของผู้เชื่อคนนั้นๆ พระธรรม 2 ทิโมธี 2:2 จึงอาจแปลความสำหรับเราได้ว่า “ทิโมธี ท่านได้เรียนรู้มากมายหลายสิ่งหลายเรื่องจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านได้เอาเมล็ดแห่งสัจจะความจริงที่ท่านได้รับทั้งสิ้น หว่านลงในชีวิตของผู้เชื่อคนอื่นๆ ที่ท่านสัมพันธ์พบเห็น”

เมื่อท่านสอนเยาวชนคนหนึ่งในเรื่องเกี่ยวกับพระคริสต์ ท่านกำลังหว่านเมล็ดแห่งสัจจะชีวิตลงในชีวิตจิตใจของเยาวชนคนนั้น เมื่อท่านได้แบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าและอธิษฐานร่วมกับผู้เชื่อคนอื่นๆ ท่านกำลังหว่านเมล็ดแห่งการเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ลงในชีวิตของกันและกัน เพื่อเราจะเป็นสาวกที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ที่เห็นได้ชัดเจน

แท้จริงแล้ว สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนและแบ่งปันในขณะนี้เป็นรูปแบบชีวิต สัจจะความจริงที่บางท่านได้หว่านลงในชีวิตจิตใจของผมมาก่อน และนี่คือการสร้างสาวก คือการที่นำเอาสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงสั่งสอนและเป็นแบบอย่างแก่เรา หว่านลงในชีวิตจิตใจของผู้เชื่อคนอื่นๆ

มีองค์ประกอบหลัก 3 ประการที่บ่งชี้ถึงการสร้างสาวกที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ ประการแรก สัมผัส เราไม่สามารถที่จะสร้างสาวกจากที่ห่างไกล การที่เหล็กจะฝนเหล็กได้ ก็โดยผ่านสัมพันธภาพขัดสีส่วนตัวที่มีต่อกัน เราหว่านการสัมผัสสัมพันธ์เมื่อเขาถูกคนอื่นละทิ้ง หรือ ไม่สนใจแยแส เรายืนหยัดอยู่เคียงข้างเขา ในขณะที่ผู้อื่นตีจากหายหน้าไป

ประการที่สอง เราต้องอุทิศหรือ ให้เวลา เราไม่สามารถเกิดผลในชีวิตกระทำตามพระประสงค์ของพระคริสต์ให้สำเร็จเสร็จครบในวันเดียวครั้งเดียว เราจะไม่สามารถมีชีวิตคริสเตียนที่เติบโตขึ้นในเพียงชั่วข้ามคืน พวกเราเป็นเหมือนต้นผลไม้ เช่น ลำไย มะม่วง และ ฯลฯ ที่ต้องใช้เวลาในการเติบโตกว่าที่จะเกิดผล

องค์ประกอบประการที่สามคือ สัจจะความจริง เป็นสัจจะความจริงของพระวจนะของพระเจ้า สิ่งนี้จะช่วยให้การสร้างสาวกอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง มากกว่าการสร้างสาวกตามความคิดความเห็นความรู้สึกของผู้อื่น หรือ สถานการณ์รอบข้างพาไป กระบวนการ เครื่องมือ หรือ วิธีการสร้างสาวกใดๆ จะไม่สามารถคงทนยืนหยัดได้ถ้าสิ่งเหล่านี้มิได้กระทำบนรากฐานแห่งสัจจะความจริงของพระวจนะ หัวใจหรือแกนกลางของจิตวิญญาณแห่งการสร้างสาวกคือ สัจจะแห่งพระวจนะของพระเจ้า

เป้าหมายของการสร้างสาวกนั้นมีมากกว่า การที่เราจะใส่ข้อมูลความรู้เรื่องพระคัมภีร์และความเชื่อลงในความรู้และความเข้าใจของผู้เชื่อเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่ชีวิตของผู้เชื่อคนนั้นๆ ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามสัจจะความจริงของพระวจนะต่างหาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น