19 กรกฎาคม 2554

เมื่อผู้นำต้องการพักผ่อน

28บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา และ
เราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข
มัทธิว 11:28

ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้นำประเภทใด หรือ ผู้นำของคนกลุ่มใดก็ตามต่างก็เป็นภาระความรับผิดชอบที่ยากลำบากแทบทั้งสิ้น และเป็นงานที่จะต้องลงทุนลงแรงอย่างจริงจัง ผมเองได้พบว่า การเป็นผู้นำช่างมีภาระความรับผิดชอบที่เหมือนกับการทำพันธกิจต่างๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ผมเองมีโอกาสทำงานกับนักศึกษาในคริสตจักรแห่งหนึ่ง ได้รับพระพรในการนำกลุ่มนักศึกษาน้องใหม่และนักศึกษาปีที่สอง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการทำงานกับนักศึกษากลุ่มนี้ทำให้ผมได้รับทั้งกำลัง และบางครั้งทำให้รู้สึกอ่อนแรงในชีวิต เมื่อนักศึกษากลุ่มนี้ทำอะไรสำเร็จทำให้เกิดกำลังในตัวผม ผมมีกำลังใจเมื่อเห็นความสัมพันธ์อันดีที่พวกเขามีต่อกัน แต่ก็น่าแปลกใจในบางครั้งที่ผมพยายามตั้งใจทำให้พวกเขาเกิดสิ่งที่ดีสร้างสรรค์...แต่นั่นกลับสร้างความอ่อนแรง อ่อนใจ ทั้งอารมณ์ ความรู้สึก หรือความคิดก็ได้ ผมเองต้องการที่จะเอาใจใส่ให้กลุ่มนักศึกษาหญิงกลุ่มนี้เติบโตขึ้นในความเชื่อศรัทธา

ในภาวะเช่นนั้น พระเยซูตรัสกับเราว่า ให้เราเข้ามาหาและผ่อนพักในพระองค์ การผ่อนพักที่พระเยซูกล่าวถึงนี้มิใช่การพักผ่อนฝ่ายกายเท่านั้น แต่เป็นการผ่อนพักทั้งด้านอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดและจิตวิญญาณด้วย เป็นการผ่อนพักสำหรับจิตวิญญาณของเรา ผมโหยหาการผ่อนพักเช่นนี้

แทนที่เราจะแสวงหาการผ่อนพัก เราจำเป็นที่จะรู้เท่าทันว่าอะไรที่เป็น “ภาระ” ที่เราต้องแบกรับอยู่ (อาจจะเป็นการแบกรับทั้งทางกาย จิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ) ให้เรานำ “ภาระ” เหล่านั้นมาวางไว้ที่พระเยซูคริสต์ งานนี้พูดง่าย ฟังดูดี แต่ทำยาก เราต้องการที่จะมีชีวิตที่ผ่อนพักแต่ในเวลาเดียวกันเราก็ “แบกภาระหนักอึ้ง” นั้นไว้ ไม่ยอมที่จะนำมาวางไว้ที่พระเยซูคริสต์ เพราะเราเองรู้ว่า “ภาระ” นั้นสำคัญมาก เราต้องเอาใจใส่ เราต้องรับผิดชอบ พูดรวมสรุปคือภาระนั้นสำคัญมากในความรู้สึกนึกคิดของเรา เราต้องการที่จะควบคุมความเป็นไปของงานนั้นให้ได้ตามผลที่เราต้องการให้เกิดขึ้น เพราะเรามักจะเข้าใจว่ายิ่งเราทุ่มเทควบคุมงานได้มากแค่ไหน ผลสำเร็จก็จะเกิดขึ้นได้อย่างที่เราคาดหมายได้มากแค่นั้น

แต่ความจริงอีกด้านหนึ่งที่เราเองต้องตระหนักชัดในทุกเวลาเช่นกันว่า เราจะไม่สามารถเป็นผู้นำตามพระประสงค์ของพระองค์ได้เลยจนกว่าเราจะตระหนักรู้ว่าภาระในส่วนใดที่พระองค์จะเป็นผู้รับผิดชอบ นี่หมายความว่าในการที่เราจะเป็นผู้นำตามพระประสงค์ของพระองค์ ภาระรับผิดชอบนั้นๆที่ทรงเรียกให้เราเข้ามารับใช้เป็นภาระความรับผิดชอบร่วมกันของพระเยซูคริสต์ และ ภาระความรับผิดชอบในส่วนที่พระองค์มอบหมายให้เราทำ ดังนั้น ความสำคัญเริ่มแรกในที่นี้เราต้องแยกแยะได้ชัดเจนว่า งานส่วนไหนที่เราได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้รับผิดชอบ และงานส่วนไหนที่เป็นภาระความรับผิดชอบของพระองค์ เราจึงเป็นผู้ที่พระคริสต์ทรงเรียกให้เราเข้าร่วมในพระราชกิจของพระองค์ และทำตามภาระที่พระองค์ทรงมอบหมายให้เราทำ และต้องไว้วางใจพระคริสต์ว่า พระองค์จะทรงกระทำและรับผิดชอบในส่วนของพระองค์ในเวลาของพระองค์ อย่าดันทุรังเข้าไปควบคุมงานความรับผิดชอบทั้งหมด ทั้งในส่วนของพระองค์ด้วย แต่ผมได้เรียนรู้ว่า การเปลี่ยนแปลง การพัฒนา และผลสำเร็จที่เกิดขึ้นในชีวิตของกลุ่มนักศึกษากลุ่มนี้เป็นส่วนพระราชกิจของพระเจ้า พระเจ้าทรงเรียกและให้โอกาสผมในการเข้ามาอภิบาลชีวิตของกลุ่มเป้าหมายนี้ภายใต้แผนการของพระองค์

ท่านกำลังรับผิดชอบภาระพันธกิจที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้ท่านทำ/รับผิดชอบใช่หรือไม่?

ท่านมีความรู้สึกว่าท่านต้องทำงานทุ่มเทให้หนักกว่านี้เพื่องานจะสำเร็จหรือไม่?

ท่านตระหนักชัดและรู้เท่าทันหรือไม่ว่า ภาระความรับผิดชอบส่วนไหนในงานนี้ที่เป็นส่วนงานที่พระองค์ทรงมอบหมายให้ท่านทำ?

ท่านได้นำส่วนที่เป็นพระราชกิจที่พระองค์รับผิดชอบมาวางไว้ที่พระบาทของพระองค์หรือไม่? หรือ ท่านพยายามเข้ามาดูแล รับผิดชอบในส่วนนั้นด้วย?

ท่านได้มอบชีวิตและเปิดชีวิตของท่านให้พระองค์ทรงทำงานในชีวิตและผ่านชีวิตของท่าน เพื่อให้พระราชกิจที่ท่านได้มีส่วนร่วมกับพระองค์เกิดสัมฤทธิ์ผลหรือไม่?

ความจริงนั้นบอกได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าเราตระหนักและรู้เท่าทันตามข้างต้น พระเจ้าสามารถช่วยให้ชีวิตของเราเติบโตขึ้น เราควรใช้เวลาส่วนตัวกับพระเจ้า มอบความสำเร็จและไว้วางใจในพระองค์ แล้วพระองค์จะมอบการผ่อนพักและศานติสุขให้เกิดขึ้นในชีวิตของท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น