02 พฤศจิกายน 2554

ผู้นำแบบนี้เขาไม่ใช้กันในแผ่นดินของพระเจ้า (2)

อ่านลูกา 22:24-30

มีการโต้เถียงกันในพวกสาวกว่าใครในพวกเขาที่นับว่าเป็นใหญ่ พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “กษัตริย์ของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้านายเหนือเขาทั้งหลาย และผู้ที่มีอำนาจเหนือเขานั้นเรียกตัวเองว่าเจ้าบุญนายคุณ แต่พวกท่านจะไม่เป็นอย่างนั้น ในพวกท่านคนที่เป็นใหญ่ต้องเป็นเหมือนเด็ก และคนที่เป็นนายต้องเป็นเหมือนผู้ปรนนิบัติ (ลูกา 22:24-26)

จากการใคร่ครวญครั้งที่ผ่านมา เราพบว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการถกเถียงกันของเหล่าสาวกของพระเยซูคริสต์ว่าใครจะเป็นใหญ่เมื่อพระองค์ขึ้นเถลิงอำนาจปกครองในแผ่นดินของพระเจ้า(ตามกรอบคิดกรอบความเข้าใจที่แตกต่างจากของพระเยซูคริสต์) ถ้าพิจารณาตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การถกเถียงกันครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายร่วมกันของเหล่าสาวกและพระเยซูคริสต์ นี่เวลาเพิ่งผ่านไปไม่เท่าไหร่เลยที่พระเยซูคริสต์ใช้ขนมปังและเหล้าองุ่นที่บ่งบอกให้รู้ว่าพระองค์จะต้องสละชีวิตของพระองค์ ความตายกำลังคืบคลานเข้าใกล้ทุกทีแล้ว เมื่อเราทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เราพบว่า พระองค์เรียกสาวกเข้ามาแล้วบอกเขาว่า การที่จะเป็น “ผู้นำ” ในแผ่นดินของพระเจ้านั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกรอบคิด แนวทางความเข้าใจของการเป็นผู้นำแบบโลกใบนี้

นั่นหมายความว่า ใครก็ตามที่จะตัดสินใจติดตามเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์จะต้อง “ปฏิเสธ” การเป็นผู้นำผู้ใช้อำนาจแบบโลกนี้ เป็นการปฏิเสธการเป็นผู้นำที่ใช้อำนาจเหนือผู้อื่นเหมือนกับกษัตริย์ในโลกนี้ทำตัวเช่นนั้น พระเยซูคริสต์กล่าวกับสาวกว่า “กษัตริย์ของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้านายเหนือเขาทั้งหลาย และผู้ที่มีอำนาจเหนือเขานั้นเรียกตนเองว่าเจ้าบุญนายคุณ” แล้วพระเยซูกล่าวย้ำชัดเจนว่า “แต่พวกท่านจะไม่เป็นอย่างนั้น” (22:25) ที่ว่าพวกท่านไม่เป็นเช่นนั้น แล้วอะไรที่ผู้นำในแผ่นดินของพระเจ้าจะไม่ทำ จะไม่นำในแผ่นดินของพระองค์? ผู้นำแบบไหนที่พระเจ้าไม่ทรงใช้ในแผ่นดินของพระองค์?

ในปัจจุบันนี้ได้มีผู้นำที่ใช้ฐานะตำแหน่งและสิทธิและอำนาจในการเป็นผู้นำ “สร้างบุญสร้างคุณ” ให้คนอื่นต้องสวามิภักดิ์ หรือ จงรักภักดีต่อตนเอง ปัจจุบันคนที่มีเงินก็ใช้การบริจาคเงินเพื่อจะกลายเป็น “ผู้มีพระคุณ” ต่อสถาบันนั้นๆ ซึ่งก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการสร้าง “บารมีเหนือคนอื่น” ด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นก็ได้รับประโยชน์จากพระคุณที่สร้าง ถ้าทำพระคุณกับสถาบันการศึกษา ก็จะได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ หรือ สามารถฝากลูกฝากหลานของตนหรือของเพื่อนฝูงเข้าศึกษา เข้าทำงาน และนี่ก็สร้างพระคุณอีกระดับหนึ่ง

เมื่อพระเยซูกล่าวถึงกษัตริย์ต่างชาติที่ปกครองเป็นเจ้านายเหนือเขา สาวกที่ฟังเข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงจักพรรดิ์โรมันและพวกลิ่วล้อที่ได้รับอำนาจมาปกครองแทนทั้งที่เป็นทหารโรมันและพวกคนในท้องถิ่นที่ไปสวามิภักดิ์กับโรมัน เพื่อตนจะได้มีอำนาจมาปกครองคนท้องถิ่นของตนเอง เพื่อต้องการให้ประชาชนต้องเคารพนบนอบอยู่ใต้อำนาจของตน เพื่อจะสามารถบังคับ ข่มขู่ สั่งการ และควบคุมคนอื่นได้ หลายคนคิดในใจว่า แท้จริงแล้วเราก็พบผู้นำเช่นนี้ในที่ทำงานของเรา พบคนแบบนี้ในสถานที่ที่เราต้องไปติดต่อ บางคนก็พบคนแบบนี้ในครอบครัวของตนเอง และคริสเตียนหลายคนก็พบผู้นำเช่นเดียวกันนี้ในคริสตจักรด้วย

ในที่นี้เราคงต้องเข้าใจชัดเจนว่า พระเยซูคริสต์มิใช่คนที่ต่อต้านการมีผู้นำหรือต่อต้านการใช้สิทธิอำนาจ แต่พระองค์ได้แสดงให้ผู้คนได้เห็นชัดถึงการเป็นผู้นำและการใช้สิทธิอำนาจของพระองค์อย่างเปิดเผย แต่พระองค์มิได้ใช้อำนาจและสิทธิในการกดขี่ ขู่เข็ญ บังคับ ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นคนของผู้อื่น พระองค์มิได้แสดงความเป็นเจ้านายเหนือคนอื่นเพื่อสร้างความภูมิใจในตนเอง แต่พระคริสต์ทรงใช้ความเป็นผู้นำ และ สิทธิอำนาจของพระองค์เพื่อหนุนเสริมเพิ่มพลังแก่คนอื่น เสริมเพิ่มคุณค่าแก่คนรอบข้าง เพื่อสำแดงออกถึงการให้เกียรติ นับถือ และปกป้องสิทธิของผู้เล็กน้อย เอาใจใส่ต่อคนที่ต่ำต้อยถูกทำให้ด้อยค่าในสังคม

ท่านเคยมีประสบการณ์ถูกผู้นำที่ทำตัวมีอำนาจเหนือท่านหรือไม่? เมื่อใดและที่ไหน? ท่านรู้สึกเช่นใด? แล้วท่านตอบสนองเช่นไรต่อผู้นำคนนั้น? มีบางเวลาหรือไม่ที่ท่านอาจจะเห็นว่าต้องแสดงสิทธิอำนาจเหนือคนอื่น ในที่ทำงาน เหนือลูกเต้าหรือคู่ชีวิตในครอบครัว หรือสมาชิกบางคนในคริสตจักร? อะไรที่กระตุ้นให้ท่านต้องการกระทำเช่นนั้น?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง

บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น