30 พฤศจิกายน 2554

ชีวิตในภาวะที่กดดัน (2)

เตรียมรับเสด็จพระคริสต์ภายในชีวิต ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทย

อ่านกิตติคุณลูกา 22:39-46

แล้วพระองค์เสด็จไปจากพวกเขาไกลเท่าระยะหินขว้าง
แล้วทรงคุกเข่าลงอธิษฐาน
(ลูกา 22:41 ฉบับมาตรฐาน)

จากด้านบนยอดเขามะกอกเทศพระเยซูเดินลงมาที่สวนเกทเสมนี “พระองค์เสด็จไป...ไกลเท่าระยะหินขว้าง แล้วทรงคุกเข่าลงอธิษฐาน (22:41) สำหรับหมอลูกาแล้วท่านเห็นภาพพระเยซูคุกเข่าลงอธิษฐาน ตามภาษาเดิมในพระคัมภีร์ตอนนี้เขียนไว้ว่า พระเยซูได้คุกเข่าลงบนพื้นดิน แต่มิได้บอกรายละเอียดว่ามีท่าทางเช่นไรในการคุกเข่าลง แต่พระกิตติคุณมาระโกบันทึกไว้ว่า พระเยซู “ซบพระกายลงที่ดิน...” (14:35) ในขณะที่พระกิตติคุณมัทธิวเขียนรายละเอียดไว้ว่าพระเยซู “ซบพระพักตร์ลงถึงดิน...” (26:39) และถ้าเราดูจากภาพวาดตอนที่พระเยซูอธิษฐานในสวนเกทเสมนี เราจะเห็นว่าเป็นภาพที่พระเยซูคุกเข้าข้างหินก้อนใหญ่ด้วย

ส่วนมากแล้ว เมื่อเราอ่านถึงเรื่องราวการอธิษฐานของพระเยซูในสวนเกทเสมนีเรามักจะนึกภาพวาดในเหตุการณ์นี้ของเฮนริค ฮอฟมานน์ (Heinrich Hoffmann) เป็นภาพที่พระเยซูคริสต์กำลังอธิษฐานด้วยท่าทีที่สงบข้างๆ หินก้อนใหญ่ เงยหน้าเพ่งจ้องไปยังฟ้าสวรรค์ และมีลำแสงฉายส่องลงมาบนใบหน้าของพระองค์ ทำให้มีรัศมีแผ่ออกรอบศีรษะของพระองค์ ดูภาพนี้แล้วรู้สึกว่า พระองค์ทรงสงบ มั่นคง พร้อมที่จะตายเพื่อความบาปผิดแห่งโลกนี้

เป็นภาพวาดที่ผมเคยชื่นชอบเมื่อตอนเป็นเด็ก ผมยังจำได้ติดตาตรึงใจว่า เมื่อผมไปเรียนรวีวารศึกษาตอนเป็นเด็กเล็ก คุณครูที่คริสตจักรสะพานเหลืองแจกภาพนี้ขนาดเล็กให้ผมภาพหนึ่ง ผมเก็บภาพนั้นกลับบ้านและรักษาไว้อย่างดี

เมื่อได้อ่านพระกิตติคุณในเรื่องนี้เมื่อเติบโตขึ้น ผมกลับพบว่า ได้มีความรู้สึกและความจริงบางอย่างที่ไม่ปรากฎในภาพวาดที่ผมเคยชื่นชอบตอนเป็นเด็ก ซึ่งเป็นความรู้สึกบนรากฐานความเป็นจริงในความเป็นมนุษย์และความจริงบนรากฐานทางศาสนศาสตร์ ก่อนที่พระเยซูจะแยกตัวออกไปอธิษฐานนั้นได้ตรัสกับสาวกคนสนิทว่า “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย...” (มัทธิว 26:38) ทั้งในพระกิตติคุณมาระโกและมัทธิวกล่าวถึงพระเยซูคริสต์ได้ “ซบพระกายและซบพระพักตร์ลงถึงพื้นดิน...” แล้วหมอลูกาเน้นย้ำชัดเจนว่า พระองค์คุกเข่าลงอธิษฐานด้วยจิตใจที่เป็นทุกข์ และยิ่งพระองค์ทุกข์มากแค่ไหน พระองค์ก็ยิ่งอธิษฐานอย่างจริงจัง “เหงื่อของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตเม็ดใหญ่ไหลหยดลงถึงดิน” (22:44) นี่คือความรู้สึกในความเป็นมนุษย์ และนี่คือภาพความจริงของพระเยซูคริสต์ที่ได้บันทึกอยู่ในพระกิตติคุณ

เมื่อเราอ่านพระกิตติคุณอย่างละเอียด และเข้าร่วมในความรู้สึกของพระเยซูคริสต์ เราพบว่า พระองค์เป็นทุกข์อย่างยิ่ง มัทธิวใช้ประโยคที่พระเยซูตรัสว่า “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย...” เราสามารถสัมผัสรับรู้ได้ถึงความรู้สึกในความเป็นมนุษย์ของพระองค์ เราได้สัมผัสรับรู้ถึงความทุกข์ ภัยคุกคามถึงชีวิตอันน่าสะพึงกลัวที่กำลังคืบคลานใกล้เข้าพระองค์มาทุกที และจากสถานการณ์ชีวิตของพระองค์นี้เองเราจึงมั่นใจได้ว่า พระองค์มิใช่พระเจ้าที่อยู่เหนือความจริงจำกัดในชีวิตของมนุษย์ แต่ตรงกันข้ามพระองค์ทรงมาเกิดเป็นมนุษย์ รับสภาพความทุกข์ยากลำบากและความจำกัดอย่างที่มนุษย์เราท่านต้องประสบพบเจอ ดังนั้น เราจึงมั่นใจได้ว่า พระองค์ทรงเข้าใจถึงความอ่อนแอในชีวิตของเรา ความทุกข์โศกเศร้าที่เราต้องเผชิญ พระองค์ทรงคุ้นเคยกับความทรมานเจ็บปวด พระองค์ทรงประสบมาแล้วด้วยพระองค์เอง และต้องรับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสมากยิ่งกว่าที่เราได้รับในปัจจุบัน


ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญและอภิปราย

1) จากการที่มีโอกาสอ่านพระกิตติคุณในตอนนี้อย่างละเอียดและซึมซับความจริงต่างๆ ในเหตุการณ์นี้ ภาพของพระเยซูคริสต์อธิษฐานในสวนเกทเสมนีในความคิดความรู้สึกของท่านได้เปลี่ยนแปลงเช่นไรบ้าง?

2) พระกิตติคุณตอนนี้ได้ปรับเปลี่ยนการรับรู้เรื่องพระเยซูคริสต์ของท่านอย่างไรบ้าง?

3) ความทุกข์ยาก และ ความโศกเศร้าที่พระเยซูคริสต์ต้องรับ ได้ “ประทับ” หรือ “ฝังใจ” อะไรลงในชีวิตของท่านบ้าง?

4) เมื่อชีวิตของท่านต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก ลำบาก ทุกข์โศกแสนสาหัส สิ่งที่ท่านได้เรียนรู้ในวันนี้จะมีส่วนเช่นไรในการเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากเหล่านั้น? และมีความแตกต่างอย่างไรบ้างกับการเผชิญหน้าความทุกข์โศกเศร้าในอดีตที่ผ่านมา?


ใคร่ครวญภาวนา

องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ บ่อยครั้งที่อ่านเรื่องราวของพระองค์ในพระคัมภีร์ตอนนี้ ข้าพระองค์มักจะอ่านแบบผิวเผิน ข้ามผ่านสาระ ความรู้สึก และความจริงที่พระองค์ทรงเผชิญและต้องรับในสวนเกทเสมนีในค่ำคืนนั้น ท่ามกลางความกดดันภายในจิตใจ สาวกคนสนิทใกล้ชิดสิ้นสภาพหลับใหลไม่เป็นท่า ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น พวกเขาตกอยู่ในสภาพที่ “ลืมตาไม่ขึ้น” พวกเขามีจิตใจที่อยู่ฝ่ายพระองค์ ใจพร้อมที่จะสู้เพื่อพระองค์ แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่กดดัน พวกเขาไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร หมดแรงกายสิ้นพลังใจ หมดความสามารถที่จะควบคุมสภาพชีวิตของตนเอง

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ในวิกฤติชีวิตขณะที่ความตายกำลังคืบคลานเข้าใกล้ทุกที ข้าพระองค์ขอรีบฉวยโอกาสในเวลานี้คุกเข่าชีวิตลงต่ำสุดถึงพื้นดินเพื่ออธิษฐาน ขอใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์ ขอซบหน้าแห่งชีวิตลงบนพื้นดินนั้นเพื่อวางชีวิตที่จำกัดและอ่อนแรงลงบนพระบาทของพระองค์ เพื่อเทความทุกข์โศกแห่งชีวิตที่ได้รับลงต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์อย่างไม่ปิดบังและอับอายต่อพระองค์ ยิ่งจิตใจของข้าพระองค์ทุกข์โศกปวดร้าวแค่ไหนข้าพระองค์ขอ “ซบชีวิตลงอธิษฐาน” ต่อพระองค์มากขึ้นแค่นั้น เพื่อข้าพระองค์จะรอดพ้นจากอำนาจแห่งความชั่วร้ายที่จะเข้ามาครอบงำและกดดันภายในชีวิตของข้าพระองค์ให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของมัน

ในภาวะความเจ็บปวดและโศกเศร้าในชีวิตเช่นนี้ โปรดช่วยข้าพระองค์ได้เห็นและเรียนรู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของข้าพระองค์ แม้ว่าพระประสงค์นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว เกินกว่าชีวิตของข้าพระองค์จะรับได้ในเวลานั้น โปรดควบคุมและป้องกันชีวิตของข้าพระองค์ให้อยู่ในพระหัตถ์แห่งพระเมตตาคุณของพระองค์

ท่ามกลางความกดดัน บีบคั้น และชีวิตภายในที่ฉีกขาดปวดร้าว โปรดประทานจิตใจที่สงบ จิตวิญญาณที่มั่นคงเข้มแข็ง ที่ยืนหยัดชีวิตแห่งสัจจะความจริงได้ด้วยพระกำลังและการทรงชูช่วยจากพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะสามารถเดิน “แบกกางเขน” เคียงข้างพระองค์ไปจนถึงสุดที่หมายปลายทางที่โกละโกธา เพื่อพระองค์จะทรงใช้ชีวิตข้าพระองค์ในพระราชกิจของพระองค์ให้สำเร็จตามพระประสงค์แห่งการเสริมสร้าง “ชีวิตใหม่” ของสังคมโลกใบนี้ใน “เช้าวันใหม่” ที่ความตายไม่สามารถที่จะครอบงำชีวิตมนุษยชาติต่อไป

รังสีความยิ่งใหญ่เป็นของพระองค์แต่ผู้เดียว บัดนี้ และตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
089-2628-310

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น