31 ตุลาคม 2554

ผู้นำแบบนี้เขาไม่ใช้กันในแผ่นดินของพระเจ้า (1)

อ่านลูกา 22:24-30

มีการโต้เถียงกันในพวกสาวกว่าใครในพวกเขาที่นับว่าเป็นใหญ่ พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “กษัตริย์ของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้านายเหนือเขาทั้งหลาย และผู้ที่มีอำนาจเหนือเขานั้นเรียกตัวเองว่าเจ้าบุญนายคุณ แต่พวกท่านจะไม่เป็นอย่างนั้น ในพวกท่านคนที่เป็นใหญ่ต้องเป็นเหมือนเด็ก และคนที่เป็นนายต้องเป็นเหมือนผู้ปรนนิบัติ (ลูกา 22:24-26)


หลายปีมาแล้ว ผมบังเอิญไปเห็นผู้ใหญ่ในคริสตจักรแห่งหนึ่งถกกันในที่ประชุมอย่างเผ็ดร้อน(โดยไม่จำเป็น) มารู้ภายหลังว่า “ผู้ใหญ่” ที่ถกและเถียงกันนั้นมิใช่ธรรมดาครับ แต่เป็นกรรมการสรรหารายชื่อของผู้ที่จะรับเลือกตั้งเป็นผู้ปกครองของคริสตจักรแห่งนั้น เท่าที่พอจะจำเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้มีดังนี้ครับ “ผู้ใหญ่” ที่ยิ่งใหญ่ในคริสตจักรแห่งนั้นท่านหนึ่งได้ลุกขึ้นเสนอชื่อคนๆ หนึ่ง ผมขอใช้นามสมมติว่า “เกียรติศักดิ์” ให้เป็นคนหนึ่งในรายชื่อรับการเลือกตั้งเป็นผู้ปกครองของคริสตจักร

“ผู้ใหญ่” อีกท่านหนึ่งที่มีคนนับหน้าถือตาจากคนในคริสตจักรได้ถามขึ้นว่า “ทำไมท่านถึงคิดว่าคุณเกียรติศักดิ์ถึงเหมาะสมที่จะเป็นผู้ปกครองในคริสตจักรของเรา “ผู้ใหญ่”ท่านแรกที่เสนอชื่อร่ายยาวถึงผลงานความสำเร็จในชีวิตการงานของคุณเกียรติศักดิ์ จริงๆ แล้วเมื่อผมได้ยินยังประทับใจเลยว่าคุณเกียรติศักดิ์มีความสำเร็จในอาชีพการงาน และ เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการนับหน้าถือตาในสังคม สำหรับผมแล้ว เมื่อได้ยินคุณสมบัติมากมายเช่นนี้คุณเกียรติศักดิ์เป็น “ผู้นำ” อย่างไม่ต้องสงสัย

“ผู้ใหญ่” ท่านที่สองลุกขึ้นถามอย่างสุภาพว่า คุณเกียรติศักดิ์เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จในสังคมธุรกิจอย่างไม่มีข้อสงสัย แต่ความจริงก็คือว่า คุณลักษณะของการเป็นผู้นำทางธุรกิจมิได้เป็นคุณลักษณะที่เป็นหัวใจของการเป็นผู้ปกครองในคริสตจักร ดังนั้น ผมใคร่ขอความกรุณาช่วยแสดงถึงลักษณะความเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณของคุณเกียรติศักดิ์ด้วย แค่นั้นเองครับ... ผมสังเกตเห็นหน้าของ “ผู้ใหญ่”ท่านแรกเลือดฉีดแรงเลยครับ แล้วตอบคำถามและให้ข้อมูลด้วยเสียงที่โกรธ ฉุนเฉียว (เพราะเขาอาจจะรู้สึกว่าผู้ใหญ่คนที่สองไม่เชื่อว่าคุณเกียรติศักดิ์ที่เขาเสนอนั้นเหมาะสมที่จะเป็นผู้ปกครองของคริสตจักร)

มีเสียงตอบแบบกระแนะกระแหนว่า “ก็แค่เขาเคยสอนในชั้นเรียนเด็กรวีฯ มาหลายปี, เคยนำกลุ่มเล็กศึกษาพระคัมภีร์ของผู้ใหญ่ก็แค่ห้าปี, แล้วคนทั้งหลายก็รู้ว่าเขาเอาจริงเอาจังในการอธิษฐาน เพราะเข้าร่วมในกลุ่มอธิษฐานคืนวันพุธเป็นประจำ ไม่ทราบว่าคุณลักษณะที่ว่านี้เข้ากรอบผู้ปกครองหรือไม่!”

“ผู้ใหญ่” คนที่สองลุกขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงสงบสุภาพ “ใช่เลย นั่นเป็นคุณลักษณะที่ผมอยากทราบครับ ผมพอใจคุณเกียรติศักดิ์ครับ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณเกียรติศักดิ์เป็นผู้นำในวงการธุรกิจ และในเวลาเดียวกันท่านได้อุทิศชีวิตติดตามพระเยซูคริสต์ และมีภาวะผู้นำด้วยการรับใช้ ยิ่งกว่าพอใจครับ ขอบคุณมากครับ”

เมื่อสาวกของพระเยซูคริสต์ถกเถียงแข่งขันกันว่าใครจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ ใครที่จะเป็นผู้นำในพวกเขา พระเยซูคริสต์ทรงเห็นว่าพวกเขาใช้ “เกณฑ์ความเป็นผู้นำแห่งโลกนี้” เป็นไม้บรรทัดในการตัดสิน พระองค์จะพูดกับสาวกว่า “แต่พวกท่านจะไม่เป็นอย่างนั้น” (ข้อ 26) พระองค์เตือนสติพวกเราด้วยว่า วิธีคิดของพระองค์ไม่เหมือนวิธีคิดของเราและของโลกนี้ หลักเกณฑ์ของพระองค์ในแผ่นดินของพระเจ้าในเรื่องนี้ก็แตกต่างจากหลักเกณฑ์ของเราในโลกนี้ พระองค์ชี้ชัดว่า “ในพวกท่านคนที่เป็นใหญ่ต้องเป็นเหมือนเด็ก(ผู้เล็กน้อย) และคนที่เป็นนายต้องเป็นเหมือนผู้ปรนนิบัติ(เป็นเหมือนคนใช้)” (ลูกา 22:26) และถ้าเราในฐานะสาวกของพระเยซูคริสต์ที่ต้องดำเนินชีวิตในโลกนี้ จำเป็นที่เราจะต้องดำเนินชีวิตด้วยวิธีคิด และ วิถีชีวิตที่มิใช่ของโลกนี้ แต่ตามวิถีชีวิตที่มีระบบคุณค่าและคุณธรรมแห่งแผนดินของพระเจ้า

ในแต่ละวันเราคงต้องถามเป็นประจำว่า จากประสบการณ์ชีวิตของเราอะไรคือความแตกต่างระหว่างการมีภาวะผู้นำแบบโลกนี้ กับการมีภาวะผู้นำแบบผู้รับใช้เฉกเช่นพระเยซูคริสต์? ความสำเร็จของภาวะผู้นำในสังคมแบบไหนที่จะเหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะผู้นำในแผ่นดินของพระเจ้า? และความสำเร็จในการเป็นผู้นำในสังคมโลกแบบไหนที่เขาไม่ใช้กันในแผ่นดินของพระเจ้า?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น