03 ตุลาคม 2554

กล้าที่จะยืนหยัดอย่างมั่นคง

กษัตริย์ทรงประทานอาหารและเหล้าองุ่นจากโต๊ะเสวยแก่คนเหล่านี้(ดาเนียล และ เพื่อนจากยูดาห์)ทุกวัน และให้พวกเขารับการฝึกฝนตลอดสามปี หลังจากนั้นจึงเข้ารับราชการ...(ดาเนียล 1:5 อมตธรรม)

แต่ดาเนียลตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ยอมให้ตนเองเป็นมลทินเพราะเครื่องเสวยทั้งอาหารและเหล้าองุ่น จึงขออนุญาตจากหัวหน้ากรมวังที่จะไม่ทำให้ตนเองเป็นมลทินอย่างนั้น พระเจ้าทรงบันดาลให้หัวหน้ากรมวังชอบพอและเห็นใจดาเนียล แต่เขาบอกดาเนียลว่า “เรากลัวเจ้าเหนือหัวซึ่งเป็นผู้ประทานอาหารและเครื่องดื่มให้พวกเจ้า หากเราปล่อยให้พวกเจ้าซูบซีดกว่าชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน พระองค์คงตัดหัวเราเพราะพวกเจ้า” (ดาเนียล 1:8-10 อมตธรรม)

ดาเนียลและเพื่อนอีกสามคนถูกคัดเลือกไปจากยูดาห์ (ประมาณปี 605 กคศ.) เกณฑ์การคัดเลือกคือ เป็นคนหนุ่มที่มีเชื้อสายสูง รูปร่างหน้าตาดี ฉลาดพร้อมที่จะเรียนรู้ มีไหวพริบ ปฏิภาณ เชี่ยวชาญในสรรพปัญญา มีความรู้ความเข้าใจและความสามารถเพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่ในพระราชวังของกษัตริย์ แล้วให้สอนภาษาและวรรณคดีของชาวบาบิโลน และนี่คือกระบวนการหล่อหลอมกรอบคิดและการดำเนินชีวิตแบบบาบิโลนท่ามกลางกระแสวัฒนธรรมที่แข็งและแรงในสังคมใหม่ของดาเนียลและเพื่อนทั้งสามในบาบิโลน

จากนั้น ใช้กระบวนการเปลี่ยนชื่อให้เป็นภาษาของบาบิโลน นี่มีความหมายว่า บัดนี้ทั้งสี่อยู่ใต้สิทธิอำนาจของเนบูคัดเนสซาร์ ยิ่งกว่านั้น ชื่อใหม่เหล่านี้ยังมีชื่อของพระเจ้าที่ชาวบาบลิโลนนับถือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น ดาเนียล ในภาษาฮีบรูแปลว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา(ของข้าพเจ้า)” ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาบาบิโลนว่า เบลเทชัสซาร์ ซึ่งมีความหมายว่า “พระเบล(มาร์ดุค)ปกป้องชีวิต(ข้าพเจ้า)” เป็นต้น นี่เป็นกระบวนการครอบงำความคิด ความเป็นตัวตนหรืออัตลักษณ์ของทั้งสี่ และเขย่าลงลึกถึงรากฐานชีวิตของพวกเขาอย่างท้าทายด้วยอำนาจที่แข็งแกร่งยากจะปฏิเสธได้(ดูข้อ 6-7)

ยิ่งกว่านั้น กระแสวัฒนธรรมใหม่ที่มาถึงทั้งสี่คนนั้น เป็นทั้งเกียรติ ศักดิ์ศรี โอกาส อำนาจ ชนชั้นอภิสิทธิชน ที่คาดหวังที่จะให้พวกเขายอมให้ชีวิตของตนไต่เต้าไปตามกระแสดังกล่าว เพื่อประโยชน์และโอกาสแห่งตน

แต่ทำไม ดาเนียลถึงตั้งปณิธานว่า “จะไม่ยอมตนเองเป็นมลทิน เพราะเครื่องเสวยทั้งอาหารและเหล้าองุ่น” ผมเคยคุยกับคริสเตียนไทย บางท่านได้ให้ความเห็นว่า เพราะดาเนียลและเพื่อนไม่ยอมดื่มเหล้า นี่คงเอามาตรฐานคริสเตียนไทยเป็นเครื่องวัด เพราะในวัฒนธรรมยิวเขาดื่มเหล้าองุ่น เขายังปลูกองุ่น มีบ่อย่ำและมีการหมักเหล้าองุ่น และในงานเลี้ยงสมรสที่คานา เขาก็มีความสุขกับการดื่มเหล้าองุ่นที่พระเยซูคริสต์ได้ทำการอัศจรรย์

ที่ดาเนียลและเพื่อนยืนยันไม่ยอมตนเองเป็นมลทินจากอาหารที่กษัตริย์พระราชทานมานั้นเพราะ อาหารที่มาจากโต๊ะเสวยของเนบูคัดเนสซาร์ เป็นอาหารที่ผ่านการถวายแก่รูปเคารพ เหล้าองุ่นส่วนหนึ่งก็ใช้เทถวายบนแท่นบูชาของพระต่างชาติ ส่วนเนื้อสัตว์เหล่านั้นมิได้รับการเชือดอย่างถูกต้องตามพระบัญญัติ นี่เป็นความกล้าหาญอย่างยิ่งในการยืนหยัดความเชื่อศรัทธาของทั้งสี่อย่างมั่นคง นอกจาก การที่ปฏิเสธอาหารที่ดีที่สุดที่กษัตริย์พระราชทานให้แล้ว ยังบอกและยืนยันชัดเจนว่า ตนจะไม่ยอมปล่อยตนให้ลื่นไหลไปตามกระแสวัฒนธรรมใหม่ของสังคม กระแสวัฒนธรรมที่มีพวกมากลากไป การยืนหยัดมั่นคงบนรากฐานความเชื่อศรัทธานอกจากกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของชีวิตแล้ว พวกเขาต้องยอมที่จะทนทุกข์และเสียสละด้วย พวกเขามิได้เรียกร้องให้มีการเชือดสัตว์อย่างถูกต้องตามพระบัญญัติเพื่อพวกเขาจะได้รับประทานเนื้อสัตว์ได้ แต่พวกเขากลับยอมที่จะรับประทานอาหารที่มีแต่ผักและดื่มแต่น้ำ(ดูข้อ 12)

ทุกวันนี้ การดำเนินชีวิตของเราในที่ทำงาน ในตลาดการค้า ในสังคมชุมชนของเรา เราได้สำแดงการยืนหยัดอย่างมั่นคงตามความเชื่อศรัทธาของเราและแสดงอัตลักษณ์ความเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์หรือไม่ หรือเรายอมตนให้ลื่นไหลไปตามกระแสวัฒนธรรมแบบทุนนิยม ประโยชน์นิยม อำนาจนิยม บริโภคนิยม(ดำน้ำกินตามกระแส, ทำไมคนอื่นยังทำได้) โอกาสใครโอกาสมัน(เราไม่ว่ากัน??)

เรากล้าที่จะยืนหยัดการดำเนินชีวิตบนรากฐานพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ด้วยความสัตย์ซื่อ หรือ กลัวว่าตนจะเสียโอกาสและเสียผลประโยชน์ มิได้เกรงกลัวว่าจะดำเนินชีวิตที่ผิดเพี้ยนไปจากพระประสงค์แต่กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าตนเอง “โง่” (เพราะน้ำขึ้นไม่รีบตัก) การที่เราต้องลุยตามกระแสวัฒนธรรมเช่นทุกวันนี้แสดงออกถึงความเสื่อมและผุกร่อนในความเชื่อศรัทธาของเรา ลึกๆ แล้ว เราไม่ไว้ใจพระเจ้าอีกต่อไป แต่เราไว้ใจ เงินทอง ทรัพย์สิน อำนาจ พวกพ้อง และโอกาสที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตข้างหน้า

Chaim Potok นักเขียนชาวยิวเคยกล่าวไว้ว่า ผู้นำที่แท้จริงจะไม่ยอมตนให้ถูกกลืนเข้าไปในกระแสสังคมที่ตนว่ายวนอยู่นั้น... ผู้นำที่สัตย์ซื่อและมั่นคงจะเลือกยืนมั่นบนจุดที่ถูกต้อง ต่อต้านและทวนกระแสความนึกคิดและการกระทำที่ผิดเพี้ยนแต่เป็นที่นิยมยอมรับของสังคม

อัตลักษณ์ความเป็นคริสตชนในที่ทำงาน ในตลาดการค้า ในสังคมชุมชนโลก จะไม่ถูกกระแสสังคมดูดดึงกลืนจนเป็นเหมือนกระแสวัฒนธรรมสังคมทันสมัยและบริโภคนิยม ประโยชน์นิยมและอำนาจนิยม คริสตชนต้องเลือกระหว่างตำแหน่งที่สูงขี้นกับคุณค่าและสัมพันธภาพในครอบครัว ต้องเลือกระหว่างความมั่นคงหน้าที่การงานกับความสัตย์ซื่อต่อครอบครัว ต้องเลือกระหว่างชื่อเสียงเกียรติยศกับการกระทำที่ให้เกียรติและสรรเสริญพระเจ้า ต้องเลือกระหว่างการทุ่มเทชีวิตเพื่อความสำเร็จและความพอใจในตนเองกับการตอบสนองต่อพระประสงค์ของพระเจ้า ต้องเลือกการกระทำทุกอย่างที่จะได้ กับการกระทำทุกอย่างที่จะให้

เมื่ออ่านเรื่องราวของดาเนียล ผมนั่งลงถามตนเองว่า ถ้าดาเนียลไม่ยืนหยัด สัตย์ซื่อ และมั่นคงในชีวิตเช่นนี้ เรื่องราวของดาเนียลจะจบลงอย่างไร เขาจะมุ่งทำตามสิ่งที่กษัตริย์ต้องการให้เขาทำ แต่ไม่แคร์พระประสงค์ของพระเจ้า แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับดาเนียลและเพื่อนของเขา จุดจบของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร?

มาร์ติน ลูเธอร์คิงส์ จูเนียร์ ได้กล่าวว่า “คนกล้าหาญจะยืนหยัดเผชิญหน้ากับความกลัว ดังนั้น เขาจึงสามารถควบคุมความกลัว ส่วนคนขี้ขลาดนั้นพยายามทุกหนทางที่จะหลีกลี้หนีสิ่งที่ตนกลัว ดังนั้น เขาจึงถูกครอบงำโดยความกลัว”

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น