07 ตุลาคม 2554

ผู้นำในพระคริสต์ หรือ ผู้(ที่พระเจ้า)นำ?

พระองค์เองประทานให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมธรรมิกชนสำหรับการปรนนิบัติ(งานรับใช้) และการเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และ ในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือโตถึงขนาดความบริบูรณ์(ความไพบูลย์)ของพระคริสต์ (เอเฟซัส 4:4:11-13 ฉบับมาตรฐาน, ในวงเล็บ สำนวนแปลอมตธรรม)

ในฐานะที่เราเป็นคริสตชนคนหนึ่ง
เป็นฆราวาส หรือ บรรพชิต เป็นสมาชิกคนหนึ่งในคริสตจักร
ท่านมองผู้คนแต่ละคนที่เข้ามาร่วมชีวิตในชุมชนคริสตจักรอย่างไร?

บ่อยครั้งเรามักมองว่าเขาเป็นผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์คนหนึ่ง
เป็นสมาชิกคนหนึ่งของคริสตจักร
เป็นลูกหลานคนหนึ่งของคริสตจักร
เป็นแขกที่มาเยี่ยมคริสตจักรของเรา
เป็นคนที่กำลังสนใจเรื่องพระเยซูคริสต์
เป็นคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก
เป็นสมาชิกจรที่เข้ามาร่วมนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์กับพวกเราในคริสตจักร
แล้วตัวท่านเองล่ะ มองผู้คนที่มาร่วมในชุมชนคริสตจักรอย่างไร?

สำหรับเปาโลแล้ว...
ท่านมองผู้คนแต่ละคน ทั้งสมาชิกคริสตจักร ทั้งแขกที่มาเยี่ยมว่า
แต่ละคนเป็นคนที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่คริสตจักร
แต่ละคนมี “ของประทานเฉพาะจากพระเจ้า”

บางคนเป็นผู้ใหญ่ที่ช่วยดูแลชีวิตจิตวิญญาณของผู้คน
บางคนที่มีความสามารถในการอธิบายพระวจนะของพระเจ้าที่ตอบสนองต่อการดำเนินชีวิต
บางคนมีความสามารถในการสื่อสารข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสต์แก่คนที่ยังไม่รู้ไม่เชื่อ
บางคนมีจิตใจเมตตาและความสามารถในการอภิบาลเอาใจใส่ชีวิตเพื่อนสมาชิกในคริสตจักร
บางคนเป็นคนที่มีความรู้และใช้ความรอบรู้นั้นเพื่อเสริมหนุนชีวิตของเพื่อนสมาชิก และ ชุมชนคริสตจักร

น่าสังเกตว่า...
สำหรับเปาโลแล้ว...
ท่านมองว่า อัครทูต ผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ ศิษยาภิบาลหรืออาจารย์ หรือ อื่นๆ
มิใช่ตำแหน่ง หรือ สถานภาพทางสังคมในคริสตจักร
มิใช่เป็นพวกที่ถูกจัดแบ่งออกเป็นบุคคลกลุ่มพิเศษ
มิใช่เป็นกลุ่มคนที่อยู่เหนือคนอื่นๆ ในคริสตจักร

แต่ท่านบอกกับคริสตจักร และ บอกกับเราว่า...
ทุกคนที่เข้ามาร่วมในชีวิตชุมชนคริสตจักร
มิได้เข้ามาหรืออยู่ในคริสตจักรโดยบังเอิญ
แต่เป็นผู้ที่พระคริสต์ทรงเรียก และ ประทานให้แก่คริสตจักร
และพระคริสต์มีพระประสงค์ในชีวิตแต่ละคน
ยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังทรงประทานสิ่งพิเศษที่หลากหลายแตกต่างในแต่ละคนที่มาร่วมในชุมชนคริสตจักร
พระองค์มีพระประสงค์ให้แต่ละคนได้มีโอกาสใช้ “ของประทานพิเศษ” ที่อยู่ในแต่ละคนในการสร้างชุมชน

เปาโลอธิบายต่อไปว่า...
สมาชิกคริสตจักร รวมถึงฆราวาสทุกคน ต่างได้รับของประทานพิเศษจากพระเจ้า
พระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้แต่ละคนเหล่านี้ใช้ของพิเศษตามพระประสงค์ของพระองค์
พระประสงค์ของพระองค์ในที่นี้คือ
ให้ใช้ของประทานพิเศษของบางคนในการ “เตรียม” ชีวิตของกันและกัน (เหมือนเตรียมดินก่อนการเพาะปลูก)
ให้ใช้ของประทานพิเศษของบางคนในการ “อภิบาล” เอาใจใส่ ทุ่มเท ร่วมทุกข์ร่วมสุข และ เสริมหนุนกันและกัน
ให้ใช้ของประทานพิเศษของบางคนในการกระตุ้นหนุนเสริมให้เกิด “การเรียนรู้” และ “เกิดความเชื่อศรัทธา”
ให้ใช้ของประทานพิเศษของบางคนในการช่วยคนอื่นให้ได้พบสัจจะความจริงข่าวดีในชีวิตจากพระเยซูคริสต์ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งความคิด ทัศนคติ ความเชื่อศรัทธาและการดำเนินชีวิต
ให้ใช้ของประทานพิเศษของบางคนในการเสริมหนุนให้ชีวิตของสมาชิกแต่ละคนดำเนินไปด้วยอิทธิพลของคำสอนและการดำเนินชีวิตแบบพระเยซูคริสต์

ทั้งสิ้นนี้...
ให้ทุกคนมีเป้าหมายที่ “การรับใช้” ตามพระประสงค์ของพระคริสต์
ของประทานพิเศษที่แต่ละคนได้รับจากพระเจ้า จะถูกใช้เพื่อการรับใช้
ทั้งในชุมชนคริสตจักร และ ในชุมชนสังคมโลก
ของประทานพิเศษจากพระเจ้ามีไว้เพื่อใช้ในการรับใช้ เสริมหนุนคนอื่น
มิใช่เพื่อ “กอบโกย” หรือ “สร้างเสริม” บารมีความเด่นดังสำคัญของตนเอง

ให้ทุกคนมีเป้าหมายที่ “การเสริมสร้าง” พระกายพระคริสต์คือชุมชนคริสตจักร
ของประทานพิเศษในแต่ละตัวคนมีเป้าประสงค์เพื่อใช้ในการเสริมสร้างชีวิตชุมชนคริสตจักร
ให้เป็นชุมชนที่ “รู้” และ “เชื่อศรัทธา” ในพระคริสต์
ให้เป็นชุมชนที่ “สำแดงพระคริสต์” ที่ชุมชนสังคมโลกรอบข้างสามารถเห็นได้ และมองเห็นชัดเจนยิ่งๆ ขึ้น
ให้เป็นชุมชนที่ “เติบโต” ขึ้น มิใช่เพียงขนาดโบสถ์ หรือ จำนวนสมาชิกเท่านั้น แต่ผู้คนได้ “เห็น” และ “สัมผัส” ความรักของพระคริสต์ผ่านชีวิตและการทำพันธกิจของคริสตจักร(พระกายนั้น)

สำหรับเปาโลแล้ว...
ท่านมองว่าทุกคนในชุมชนคริสตจักรเป็นผู้มีคุณค่า
มีคุณค่าในตนเองเพราะพระเจ้าประทานสิ่งพิเศษเฉพาะในแต่ละตัวคน
มีคุณค่าสำหรับชีวิตชุมชนคริสตจักร เพราะพระเจ้าประทานคนๆ นั้นให้แก่คริสตจักร เพื่อร่วมในการรับใช้และเสริมสร้างในชีวิตชุมชนคริสตจักร และ ในชุมชนสังคมโลก
มีคุณค่าเพราะพระเจ้าทรงใช้คนๆ นั้น
มีคุณค่าเพราะชุมชนคริสตจักรเปิดโอกาสและพื้นที่ให้เขาได้รับใช้และร่วมเสริมสร้าง
มีคุณค่าเพราะแต่ละคน และ ทุกคนมีเป้าหมายปลายทางในชีวิตคือ พระประสงค์ของพระเจ้า
มีคุณค่าเพราะเขารับใช้และสร้างเสริมตามพระประสงค์ของพระคริสต์ (มิใช่เพื่อประโยชน์สุขของตนเอง)

ในวันนี้ ใครคือผู้ที่พระเจ้าทรงนำเข้ามาในชีวิตของเรา
แล้วเราจะหนุนเสริมเพิ่มพลังแก่กันและกันด้วยของประทานพิเศษที่พระเจ้าทรงประทานให้ในแต่ละคนอย่างไร?

ในวันนี้ขอภาวนาอธิษฐานว่า...
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดดวงตาของเราได้มองเห็นของประทานที่พระเจ้านำเข้ามาในชีวิตของเรา
ให้เราเห็นและรู้เท่าทันถึงคนต่างๆ ที่พระเจ้าทรงนำให้มาสัมผัสพบเจอกับเราในวันนี้
เพื่อเราจะหนุนเสริมเพิ่มพัฒนากันและกันเพื่อการรับใช้และเสริมสร้างชุมชนตามพระประสงค์ของพระองค์

“เครื่องบ่งชี้ถึงความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงคือ
ศักยภาพในการเสริมเสริมความยิ่งใหญ่ในคนอื่นๆ” J. C. Macaulay (1889-1977) นักเขียนและนักศาสนศาสตร์


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น