10 ตุลาคม 2554

แบกกางเขนของเราทุกวัน...

พระเยซูคริสต์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “หากผู้ใดปรารถนาจะตามเรามา เขาต้องปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา” (ลูกา 9:23 อมตธรรม) คำตรัสนี้เราสามารถพบในพระกิตติคุณมัทธิว 16:24-26 และ มาระโก 8:34 แต่ทั้งสองเล่มหลังนี้ไม่มีคำว่า “แบกทุกวัน” อย่างลูกาได้เน้น ลูกาต้องการเน้นให้ผู้อ่านเห็นถึงความสำคัญยิ่งของเรื่องนี้ในชีวิตคริสตชน การติดตามพระคริสต์พระองค์ทรงเรียกร้องให้ปฏิเสธตนเอง อุทิศชีวิตทั้งสิ้นทั้งหมดแด่พระองค์ที่จะดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อฟัง มิใช่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่ต่อเนื่องและตลอดไปทุกวัน

คนปัจจุบันประดับกายด้วยกางเขนกันเกร่อ ทั้งที่เป็นคริสตชน และ ที่ไม่ได้เป็นคริสตชน บางคนเป็นดารา นักร้อง และบางคนห้อยกางเขนตามแบบดาราที่ตนโปรด คนพวกนี้ห้อยกางเขนเป็นแฟชั่น คริสเตียนส่วนมากที่ห้อยกางเขนไว้ที่คอก็ด้วยความเชื่อ เป็นเครื่องเตือนใจว่าพระคริสต์ได้ตายเพื่อตนเองบนกางเขน เพื่อตนจะได้ชีวิตรอด และก็มีหลายคนเช่นกันห้อยกางเขนก็เพื่อกันผี กันวิญญาณชั่วร้าย กลายเป็นเครื่องรางของขลังชิ้นหนึ่งในชีวิตคริสตชน

เรามักเกิดคำถามในใจของเราว่า จริงๆ แล้ว “กางเขน” ที่พระเยซูพูดถึงนี่หมายความถึงอะไรกันแน่ เราคงต้องตระหนักชัดว่า เมื่อพระเยซูพูดถึงกางเขนในตอนนี้ พระองค์ยังไม่ได้ถูกตรึง ดังนั้นจึงมิได้มีความหมายว่า พระเยซูคริสต์ทรงตายบนกางเขนแทนเรา เราคงต้องสืบค้นลงลึกว่า ในสมัยของพระเยซูนั้น กางเขนในแผ่นดินอิสราเอลและในจักรวรรดิ์โรมันคนเขาเข้าใจ และ มีความหมายกันว่าอย่างไร

เมื่อคนสมัยพระเยซูคริสต์มองเห็นกางเขน เขามองเห็นความตาย เขามองเห็นเครื่องมือชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งที่ทางการใช้ในการประหารนักโทษอุกฉกรรจ์ เป็นเครื่องหมายถึงการทรมาน การที่นักโทษคนใดที่ถูกตรึงกางเขนนอกจากจะเป็นการต้องโทษประหารที่รุนแรงแล้ว ยังเป็นการประหารชีวิตที่สุดแสนจะทรมานในสมัยนั้น อีกทั้งเป็นการประจานให้ได้รับความอับอายทั้งผู้ถูกตรึงและตระกูลในครอบครัวของเขาด้วย

ส่วนตัวเกิดคำถามในจิตใจต่อไปว่า แล้วทำไมพระเยซูคริสต์ถึงเอาเรื่องการแบกกางเขนเพื่อเป็นเครื่องเปรียบเทียบและให้ความหมายกับการติดตามพระองค์?

พระเยซูคริสต์ใช้กางเขนเป็นเครื่องหมายด้วยความตั้งใจ ที่จะอธิบายถึงการติดตาม หรือ การเป็นสาวกของพระองค์ว่า การติดตามพระองค์ “มิใช่เป็นเหมือนเด็กเล่นขายของ” ไม่ใช่ “การเปลี่ยนศาสนา” มิใช่เปลี่ยนวิธีประกอบศาสนพิธี มิใช่เรื่องง่ายๆ แต่ค่าราคาของผู้ที่ตัดสินใจติดตามเป็นสาวกของพระองค์จะต้องจ่ายค่าราคาสูงยิ่ง กล่าวคือเขาต้องมอบชีวิตทั้งหมดให้เป็นของพระคริสต์ เขายอม “ตาย” จากชีวิตเดิมที่เขาเองเป็นเจ้าของ แล้วยอมมอบให้พระคริสต์เป็นเจ้าของชีวิตของเขา แล้วทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาตามพระประสงค์ และที่สำคัญคือบนเส้นทางชีวิตแห่งกางเขนนี้จุดหมายปลายทางชีวิตของเขาคือพระประสงค์ของพระคริสต์

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

1 ความคิดเห็น:

  1. พระองค์ต้องการให้เราแบกจิตที่เที่ยงตรง ให้รู้จิตเดิมแท้ของเราที่ลงมาจากเบื้องบน ดำเนินตามครรลองตลอดลมหายใจที่มีกายสังขาร ช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อให้รู้ตื่น การปฏิเสธตนก็คือการปฏิเสธสิ่งยึดหมายต่างๆรอบตัว ทั้งรัก(แบบยึดหมาย) โลภ โกรธ หลง เดินตามเรามา ก็คือการเดินสู่ประตูกลับเบื้องบน เป็นปริศนาที่แยบยลค่ะ (ไม่รู้จะถูกรึเปล่า ร่วมศึกษาค่ะ)

    ตอบลบ