19 ตุลาคม 2554

เสียงท้าทายผู้นำคริสเตียนยุคนี้

พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า
“จงระวังพวกธรรมาจารย์
พวกเขาชอบใส่เสื้อชุดยาวเดินไปมา
ชอบให้ผู้คนมาคำนับทักทายในย่านตลาด
ชอบนั่งในที่สำคัญที่สุดในธรรมศาลา และ
ที่นั่งอันทรงเกียรติในงานเลี้ยง

เขาริบบ้านของหญิงม่าย
และแสร้งอธิษฐานยืดยาวให้คนเห็น
คนเช่นนี้จะถูกลงโทษอย่างหนักที่สุด
(ลูกา 20:45-47 อมตธรรม)

คำวิพากษ์ของพระเยซูต่อพวกธรรมาจารย์ผู้นำศาสนายิวในตอนนี้เกิดขึ้นหลังจากที่พระองค์ตอบคำถามของพวกสะดูสีที่ไม่เชื่อเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย พวกเขาถามเพื่อคาดหวังจะต้อนให้พระองค์จนมุม หรือไม่ถ้ามีช่องโหว่ในการตอบก็จะใช้ในการโจมตีพระองค์ จากการตอบคำถามของพระเยซูคริสต์เรื่องการเป็นขึ้นจากความตายทำให้พวกธรรมาจารย์ที่เชื่อเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายสะใจเป็นอย่างยิ่ง โดยทำทีกล่าวชมเชยพระเยซูว่า “ท่านอาจารย์ ท่านพูดดีแล้ว” เพื่อเป็นการสมน้ำหน้าพวกสะดูสี และทำทีเป็นฝ่ายพระเยซู เพราะไม่มีใครกล้าทูลถามพระองค์อีก(ข้อ 39)

พระเยซูตอบคำถามเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายของพวกสะดูสี แล้วทำไมต้องวกกลับมาวิพากษ์พวกธรรมาจารย์และฟาริสีด้วยล่ะ?

แท้จริงแล้ว พวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ต่างก็จ้องคอยจับผิดในสิ่งที่พระเยซูตอบพระเยซูสอน เพื่อใช้เป็นเหตุโจมตีและฟ้องเอาผิดพระองค์ แต่เมื่อพระองค์ตอบคำถามสะดูสีได้ชัดเจนจนไม่สามารถโต้แย้งได้ พวกธรรมาจารย์จึงรีบฉวยโอกาสยืนเคียงข้าง “ผู้ชนะ” เพื่อตนจะเป็นฝ่ายชนะบ้าง และทำทีญาติดีกับพระเยซูเพื่อต้องการให้ประชาชนชื่นชอบยอมรับพวกตนด้วย และต้องการประกาศว่าตนก็มีความเชื่อที่ถูกต้องตามที่พระเยซูคริสต์ตอบด้วย พวกเขาทำตัวไม่ผิดจากคำบริภาษของพระเยซูที่เรียกพวกเขาว่า “คนหน้าซื่อใจคด”

พระเยซูคริสต์ไม่ปล่อยให้พวกฟาริสีและธรรมาจารย์ฉกฉวยโอกาสสร้างความน่านับถือแก่ตนเอง อีกทั้งไม่ต้องการให้พวกสาวกคล้อยเชื่อตามพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างหน้าซื่อใจคนของพวกเขา และนี่คือที่มาของการที่พระเยซูคริสต์วิพากษ์ผู้นำศาสนาเพื่อเตือนให้สาวกต้องระมัดระวังผู้นำกลุ่มนี้

สิ่งที่พระเยซูเตือนให้สาวกระวังเกี่ยวกับการทำตัวของพวกฟาริสีและธรรมาจารย์คือ การทำตัวให้ผู้คนยอมรับ นับถือ พยายามทำทุกหนทางที่จะให้ผู้คนให้เกียรติ และสร้างความสำคัญให้แก่ตนเอง ด้วยการแต่งตัวที่มีชุดเฉพาะเพื่อสร้างความแตกต่าง และเสริมคุณค่าน่าเชื่อถือ เพื่อตนจะเป็นคนพิเศษ หรือสร้างความมั่นใจและภูมิใจแก่ตนเองด้วยชุดพิเศษที่ตนสวมใส่

ผู้นำกลุ่มนี้ต้องการผู้คนคอยให้การเคารพกราบไหว้ในที่สาธารณะ ในตลาดร้านค้า ปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้นในเดอะมอล์ ในห้างสรรพสินค้า ในร้านอาหารหรูหรา ในงานเลี้ยงที่มีแขกสำคัญมากมาย นอกจากที่ต้องการรับการยกย่องให้เกียรติและแสดงความเคารพนับถือจากคนต่างๆ เหล่านั้นแล้ว ยังเป็นการประกาศหรือแสดงให้คนที่พบเห็นรับรู้ว่าตนเองนั้นสำคัญ

เก้าอี้ที่นั่งเป็นเรื่องสำคัญของผู้นำกลุ่มนี้ เพราะพวกนี้ติดยึดกับฐานะตำแหน่ง ยศศักดิ์ ชื่อเสียง ดังนั้นการนั่งที่ไหนก็เป็นการบ่งบอกถึงความสำคัญของผู้นั่งด้วย

พระเยซูคริสต์ชี้ชัดว่า ผู้นำเหล่านี้ต้องการสร้างคุณค่าความสำคัญให้แก่ตนเอง เขาคาดหวังผู้คนจะให้เกียรติและความสำคัญแก่เขาในที่สาธารณะ อีกประการหนึ่ง ผู้นำศาสนากลุ่มนี้ใช้สิทธิอำนาจในการประกอบ ศาสนพิธีเพื่อเสริมสร้างอำนาจและบารมีแก่ตนเอง สร้างความชอบธรรม บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์แก่ตนเอง

การที่ผู้นำกลุ่มนี้พยายามทำทุกหนทางเพื่อให้ได้รับการยอมรับนับถือ เพื่อได้รับเกียรติ และคุณค่าก็เพราะตนรู้อยู่กับใจว่า ชีวิตของตนเองไม่สมควรเหมาะสมที่จะมีเกียรติ การยอมรับนับถือ และคุณค่าบารมีเลย เพราะเบื้องหลังชีวิตของตนในแต่ละวันนั้นฉ้อฉล หลอกลวง โลภอยากได้ใคร่มี ทำทุกอย่างเพื่อได้สิ่งที่ตนต้องการ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรควรอะไรไม่ควร อะไรผิดอะไรถูก แต่ก็เลือกและตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร เพียงเพราะมันมีโอกาส เพียงเพราะใจมันปรารถนา มิใยที่คนใกล้ชิด ลิ่วล้อก็ร่วมหนุนเสริม หรือลุยไปตามน้ำตามกระแส

พระเยซูบอกว่าผู้นำกลุ่มนี้จะถูกลงโทษอย่างหนักที่สุด

พระเยซูคริสต์ไม่ต้องการให้เชื้อของผู้นำแบบนี้แปดเปื้อนและติดต่อมายังสาวก

แต่ไม่ทราบว่าในวงการคริสตจักรของเรามีผู้นำแบบนี้หรือไม่หนอ? ถ้ามี จะทำอย่างไรที่จะไม่ทำให้ผู้เชื่อในคริสตจักรต้องรับการแปดเปื้อนรับเชื้อโรคนี้จากผู้นำประเภทนี้?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ18 เมษายน 2556 เวลา 22:10

    มีครับ เต็มไปหมดเลยเยอะมากๆ ดูกันไม่ออกเพราะว่าสมาชิกก็ไม่แพ้กัน
    ยกย่องกันมั่วไปหมด คริสเตียนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยกล้าหาญแล้ว กลัวตั้งแต่ในมุ้ง อยากให้คนอื่นชื่นชม ตามกระแสทั้งโลกและสังคมคริสตจักร มันถึงไม่เติบโตไงครับ เดี๋ยวนี้การเป็นศบ.หรือผู้รับใช้มันง่ายเกินไป ใครๆก็เป็นได้ บางคนเป็นเพราะไม่มีที่จะไป บางคนเพราะอยากได้ตำแหน่ง ฯลฯ ผมว่าเดี๋ยวนี้มีมากและแนบเนียนกว่าเมื่อก่อนอีกเยอะครับ แล้วคริสเตียนเองไม่พร้อมจะยอมรับด้วยว่าคนที่เค้านับถือนั้นไม่ใช่อย่างที่เห็นครับ

    ตอบลบ