13 มกราคม 2555

หัวใจพระกิตติคุณ...ไถ่เราจากใต้กฎเกณฑ์แห่งโลกนี้

หลังเทศกาลคริสต์มาส และ การเข้าสู่ปีใหม่ ให้เราใคร่ครวญถึงหัวใจของพระกิตติคุณ

อ่าน กาลาเทีย 4:1-7

ฉบับมาตรฐาน

ข้อ 1 ข้าพเจ้าหมายความว่า ตราบใดที่ทายาทเป็นเด็กอยู่ เขาก็ไม่ต่างอะไรกับทาสเลย ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทั้งหมด
ข้อ 2 แต่เขาก็อยู่ใต้บังคับของผู้ปกครองและพ่อบ้าน จนถึงเวลาที่บิดาได้กำหนดไว้
ข้อ 3 เราก็เหมือนกัน เมื่อเป็นเด็กอยู่ เราก็เป็นทาสอยู่ใต้บังคับของภูตผีที่ครอบงำของจักรวาล
ข้อ 4 แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ
ข้อ 5 เพื่อจะไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อให้เราได้รับฐานะเป็นบุตร
ข้อ 6 และเพราะท่านทั้งหลายเป็นบุตรแล้วพระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์เข้ามาในใจของเราร้องว่า “อับบา”(พ่อ)
ข้อ 7 เพราะฉะนั้น โดยพระเจ้าท่านจึงไม่ใช่ทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรแล้ว ท่านก็เป็นทายาท

อมตธรรม

ข้อ 1 สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังกล่าวอยู่นี้คือ ตราบใดที่ทายาทยังเด็กอยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับทาส แม้เขาจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมด
ข้อ 2 เขาก็ยังอยู่ในบังคับของผู้ปกครองและผู้ดูแลทรัพย์สิน จนกว่าจะถึงเวลาที่บิดากำหนด
ข้อ 3 เช่นกันเมื่อเรายังเด็ก เราเป็นทาสอยู่ใต้บังคับของหลักการพื้นฐานทั้งหลายของโลก
ข้อ 4 แต่เมื่อถึงกำหนด พระเจ้าได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาประสูติจากครรภ์ของผู้หญิง ถือกำเนิดภายใต้บทบัญญัติ
ข้อ 5 เพื่อไถ่คนทั้งปวงซึ่งอยู่ใต้บทบัญญัติ เพื่อเราจะได้รับสิทธิของบุตรอย่างสมบูรณ์
ข้อ 6 ในเมื่อท่านเป็นบุตร พระเจ้าจึงทรงให้พระวิญญาณของพระบุตรเข้ามาในใจเรา พระวิญญาณผู้ทรงร้องเรียกว่า “อับบา”พ่อ
ข้อ 7 ฉะนั้น ท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และเพราะท่านเป็นบุตร พระเจ้าจึงทรงให้ท่านเป็นทายาทด้วย

เราจะรู้จักพระเจ้าอย่างใกล้ชิดและเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่? ถ้าได้ จะต้องทำอย่างไร? เราจะมีสัมพันธภาพเป็นการส่วนตัวกับพระเจ้าได้เช่นไร? คำถามเหล่านี้พบคำตอบได้ใน กาลาเทีย 4:1-7 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวใจของพระกิตติคุณ ที่พระเยซูคริสต์มาบังเกิดเป็นมนุษย์

กาลาเทียบทที่ 4 เริ่มต้นโดยชี้ให้เราเห็นชัดถึงสภาพชีวิตที่ “ตกเป็นทาส” หรือถูกครอบงำให้อยู่ใต้หลักการอำนาจพื้นฐานแห่งโลกนี้(อมตธรรม) และ เราตกอยู่ใต้อำนาจครอบงำของภูตผีที่ครอบงำจักรวาลนี้ (4:3 ฉบับมาตรฐาน) หรือถ้าใช้ในภาษาปัจจุบันก็คือชีวิตของเราตกอยู่ภายใต้กระแสวัฒนธรรมแห่งโลกนี้แห่งยุคนี้ กระแสคิดที่เห็นแก่ตัว การหลงใหลในตนเอง(คิดว่าตนเองเท่านั้นที่เก่ง เด่น ดี เยี่ยม กว่าคนอื่น) กระแสวัตถุนิยม อิทธิพลของบริโภคนิยม ตลอดจนทุนนิยม และภาวะชีวิตของผู้คนตกอยู่ในความกลัวต่างๆ อำนาจลึกลับที่เรามองไม่เห็น และ ฯลฯ มนุษย์จึงตกอยู่ในสภาพที่เป็นเหมือน “ทาส” ที่ถูกครอบงำ หรือ ถูกกดหัวด้วยอำนาจและกระแสนิยมเหล่านี้จน หลงใหล เสพติด จนโงหัวไม่ขึ้น

แต่ที่เป็นพระกิตติคุณหรือข่าวดีก็คือ พระเจ้าไม่ได้ปล่อยให้มนุษย์ต้องเผชิญหน้ากับอำนาจบาปร้าย และ อิทธิพลกระแสนิยมแห่งยุคนี้ด้วยตนเอง อย่างสิ้นหวัง หมดแรง ไร้ทางเลือก แต่พระเจ้าทรงมีแผนการณ์และเวลาที่เหมาะสมของพระองค์ เปาโลกล่าวว่า “แต่เมื่อถึงกำหนด พระเจ้าได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาประสูติจากครรภ์ของผู้หญิง ถือกำเนิดภายใต้บทบัญญัติ เพื่อไถ่คนทั้งปวงซึ่งอยู่ใต้บทบัญญัติ เพื่อเราจะได้รับสิทธิของบุตร(ของพระเจ้า)อย่างสมบูรณ์” (4:4-5) และนี่คือข่าวดี นี่คือพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ และนี่คือหัวใจของคริสต์มาส เป็นจุดกำเนิดของบุตรของพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์ คือด้วยการสอนของพระองค์ การดำเนินชีวิตของพระองค์ และพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำ ที่เป็นวิถีแห่งการทรงไถ่ถอนและปลดปล่อยมนุษย์ให้หลุดรอดออกจากใต้อำนาจแห่งสากลจักรวาล อิทธิพลของกระแสแห่งยุคต่างๆ รวมถึงบทบัญญัตินิยมของพวกยิวด้วย มิเพียงแต่ที่เราได้รับการช่วยกู้จากพระบุตรของพระเจ้าเท่านั้น และเรายังได้รับสิทธิเป็นบุตรขอพระเจ้าด้วย

เพราะพระเจ้าทรงประทานพระเยซูคริสต์ให้มาเกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้ ได้ทรงกระทำให้เราได้เป็นบุตรของพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์นี้เองเราจึงถูกนับเข้าเป็นคนๆ หนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้นเรายังไว้วางใจในพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา แล้วทรงประทานให้พระวิญญาณแห่งการเป็นบุตรของพระเจ้าเข้ามาสถิตในชีวิตจิตใจของเรา แล้วทำให้เราเรียกพระเจ้าว่าพระบิดาได้(4:6) อย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงเรียกพระเจ้าว่าพระบิดา เราจึงเป็นคนหนึ่งที่มีความสำคัญในสายพระเนตรของพระเจ้า

นี่คือหัวใจของพระกิตติคุณ เมื่อมนุษย์ต้องตกอยู่ใต้อำนาจการครอบงำแห่งสากลจักรวาล อิทธิพลของกระแสวัฒนธรรมต่างๆ แห่งยุค อำนาจทางวัฒนธรรมสังคมทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง พระเจ้าไม่ยอมปล่อยให้มนุษย์ต้องตกอยู่ใต้อำนาจเหล่านี้ และ เผชิญหน้ากับความตาย แต่เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมของพระเจ้า พระองค์ทรงส่งพระบุตรของพระองค์คือพระเยซูคริสต์ มาบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อไถ่ถอนปลดปล่อยมนุษย์ออกจากอำนาจเหล่านี้ และนี่คือข่าวดีของคริสต์มาสด้วย

ที่เป็นข่าวดีเป็นพระกิตติคุณ เพราะนอกจากที่ทำให้เราเป็นไทจากอำนาจครอบงำแห่งโลกนี้แล้ว พระองค์ยังรับเราแต่ละคนให้มีฐานะเป็นบุตรของพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ และด้วยสัมพันธภาพดังกล่าวเราจึงรู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น เราสามารถที่จะตอบสนองต่อพระกิตติคุณ หรือ พระคุณของพระเยซูคริสต์ด้วยการมีชีวิตที่เป็นบุตรที่มีคุณภาพตามพระประสงค์ของพระเจ้า


ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญและการอภิปราย

1. การที่กล่าวว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้านั้นมีความหมายเช่นไรสำหรับท่าน?

2. ท่านเคยมีประสบการณ์ที่หลุดรอดออกจากอำนาจครอบงำแห่งจักรวาลนี้ แล่วมีความเป็นไทในฐานะที่เป็นบุตรของพระเจ้าหรือไม่? อย่างไร?

3. อะไรคือความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง ที่เรามีชีวิตเป็นบุตรของพระเจ้า กับ ที่ชีวิตของเราตกอยู่ใต้การครอบงำของอำนาจแห่งโลกนี้ และ กระแสนิยมแห่งยุค?

4. วันนี้ท่านต้องการรับการไถ่จากฤทธิ์เดชของพระคริสต์ ให้หลุดรอดออกจากการครอบงำในอำนาจอะไร?

ใคร่ครวญภาวนา

พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระทัยเมตตา
ขอบพระคุณพระองค์ที่ส่งพระบุตรของพระองค์มาเพื่อปลดปล่อยข้าพระองค์
จากการครอบงำของอำนาจบาปชั่วแห่งโลกนี้
โปรดหนุนช่วยข้าพระองค์ในการดำเนินชีวิตที่ได้รับความเป็นไทจากพระองค์
เพื่อข้าพระองค์จะได้ถวายชีวิตทั้งสิ้นในแต่ละวัน
เพื่อแต่ละกิจกรรมที่กระทำในวันนี้ จะเป็นที่นมัสการ สรรเสริญ และยกย่องพระองค์

ขอบพระคุณพระองค์ ที่พระเยซูคริสต์ เป็นหนทางนำข้าพระองค์สู่การเป็นบุตรของพระองค์
และเป็นสิทธิพิเศษที่สูงยิ่งที่ได้เรียกพระองค์ว่า “พระบิดา”

โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีชีวิตที่เจริญขึ้นด้วยการติดสนิทกับพระองค์
เพื่อข้าพระองค์จะเรียนรู้ว่าชีวิตที่สมบูรณ์ตามพระประสงค์นั้นเป็นเช่นไร

ขอสรรเสริญพระเจ้าพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
089-2628-310

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น