25 มกราคม 2555

ขอบพระคุณในความยากลำบาก

อ่านสดุดี 119:67-72

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า...

ขอทรงสอนข้าพระองค์ให้มีความรู้และมีดุลยพินิจที่ดี
เพราะข้าพระองค์เชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์

ก่อนตกทุกข์ได้ยากข้าพระองค์หลงเตลิดไป
แต่บัดนี้ข้าพระองค์เชื่อฟังพระวจนะของพระองค์

พระองค์ทรงแสนดี และสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้นดีเลิศ
ขอทรงสอนกฎหมายของพระองค์แก่ข้าพระองค์

แม้คนเย่อหยิ่งใส่ร้ายป้ายสีข้าพระองค์
ข้าพระองค์ก็รักษาข้อบังคับของพระองค์ด้วยสุดใจ
...
ดีแล้วที่ข้าพระองค์ทุกข์ยาก
ข้าพระองค์จะได้เรียนรู้กฎหมายของพระองค์
(สดุดี 119:66-69, 71 อมตธรรม)


โดยปกติแล้วคนเรามักจะขอบพระคุณพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงช่วยและอวยพระพร ในชีวิตของท่านเคยที่จะขอบพระคุณพระเจ้าในบางเรื่องที่ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นพระพรเลยไหม? ตัวอย่างเช่นขอบพระคุณพระองค์ในสถานการณ์ที่สุดแสนจะทรมาน หรือ สุดแสนจะลำบาก ผมว่าเรามักเรียกร้องให้พระองค์ให้เอาสถานการณ์ทุกข์ทรมานเหล่านั้นออกจากชีวิตของเรา หรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เหล่านั้นมากกว่าใช่ไหม?

จิตใจที่สำนึกในพระคุณของพระเจ้าเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสำหรับพระเจ้า แต่พูดตามความเป็นมนุษย์ หลายสถานการณ์ที่ทำให้เราขอบพระคุณพระองค์ไม่ออก แล้วเราจะขอบพระคุณพระเจ้าในสถานการณ์ที่เลวร้ายยากลำบากได้อย่างไร? การที่ใครก็ตามที่จะขอบพระคุณพระเจ้าได้ในยามที่ทุกข์ยากและเลวร้ายนั้นจะต้องมีรากฐานที่มั่นคง 4 ประการ จะทำให้เราสามารถมองเห็นถึงคุณค่าของความทุกข์ยากลำบากที่เราประสบ และตอบสนองสถานการณ์ที่เลวร้ายที่ไม่น่าพึงประสงค์เหล่านั้นด้วยจิตใจที่ชื่นชม

รากฐานประการแรก เชื่อและไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า

การที่เรามองชีวิตนี้จากมุมมองของพระคัมภีร์เท่านั้นที่จะเสริมหนุนให้เราสามารถเข้าใจถึงพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าในภาวะทุกข์ยากลำบากที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา และไว้วางใจในพระองค์ที่ทรงอนุญาตให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นกับเรา

รากฐานประการที่สอง ยอมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้นเฉกเช่นสถานการณ์นั้นมาจากพระเจ้า

อาจจะเป็นสถานการณ์ที่มาจากพระเจ้าโดยตรง หรือเป็นสถานการณ์ที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดขึ้นกับเรา ถ้าเราเชื่ออย่างจริงใจว่า พระเจ้าทรงกระทำทุกอย่างเพื่อสิ่งดีสำหรับเรา (โรม 8:28-29) เราย่อมสามารถที่จะเลือกรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้นด้วยมุมมองว่า สถานการณ์เลวร้ายนั้นมาจากพระหัตถ์แห่งพระเมตตาของพระองค์ ถ้าช่นนั้นแล้วเราย่อมขอบพระคุณพระองค์ได้อย่างจริงใจและเต็มใจ

รากฐานประการที่สาม ยอมจำนนต่อพระเจ้าในสถานการณ์นั้น

ถึงแม้ว่าเราไม่ชอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ให้เราตระหนักรู้เสมอว่าพระเจ้านั้นแสนดี และสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้นดีเลิศ(ข้อ 68) เพื่อเราจะมีจิตใจที่มั่นคง ที่เราจะวางชีวิตของเราในพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์

รากฐานประการที่สี่ รับความเข้มแข็งจากองค์พระผู้เป็นเจ้าที่จะทำให้เรามีความอดทนและยืนมั่นอยู่ได้

ไม่มีใครที่มีความสามารถในตนเองที่จะอดทนรับมือกับความทุกข์ยากด้วยความรู้สึกถึงพระคุณของพระเจ้าได้ นอกจากคนๆ นั้นพึ่งวางใจในพระเจ้าเท่านั้น ที่ผู้เชื่อคนนั้นจะสามารถเผชิญหน้าและผ่านทะลุความทรมานทุกข์ยากเหล่านั้นด้วยจิตใจที่ชื่มชม

วันนี้ ขอท่านคิดถึงสถานการณ์ที่ท่านต้องการขอให้พระเจ้าช่วยเปลี่ยนแปลง ด้วยการปรับทัศนะใหม่ เปลี่ยนมุมมองใหม่ แล้วให้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ขอน้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ว่าจะเป็นมาจากพระองค์หรือไม่ก็ตาม ข้าพระองค์เชื่อ ศรัทธา และไว้วางใจพระองค์ ว่าพระองค์ทรงเอาใจใส่และกระทำพระราชกิจของพระองค์ในสถานการณ์นี้เพื่อสิ่งที่ดีสำหรับข้าพระองค์ ขอมอบชีวิตของข้าพระองค์ไว้ภายใต้ฤทธานุภาพแห่งความรักเมตตาของพระองค์ และขอรับความเข้มแข็งและกำลังจากพระองค์ เพื่อที่ข้าพระองค์จะสามารถทนรับสถานการณ์นั้นด้วยใจที่ขอบพระคุณ”

ผู้เขียนพระธรรมสดุดี 119:92 (อมตธรรม) ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตของท่านแก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจนว่า

“หากบทบัญญัติของพระองค์ไม่ได้เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์
ข้าพระองค์คงมอดม้วยในความทุกข์ยากไป(นาน)แล้ว” (ในวงเล็บผู้เขียนเติมเองครับ)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก็ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
081-289-4499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น