15 ธันวาคม 2557

คริสตมาส: เวลาที่พระเจ้าบอกให้มนุษย์เปลี่ยนมุมมอง...ใหม่

นักคิดนักปรัชญา และ นักจิตวิทยาหลายคนลงความเห็นว่า   ที่มนุษย์เราต้องมีศาสนาเพราะความกลัวในชีวิตของมนุษย์   เพราะมนุษย์กลัว   มนุษย์จึงพยายามที่จะเรียนรู้ในการกระทำตนให้ “พระเจ้า” ที่มีพลังอำนาจเหนือเขาพึงพอใจ   ไม่ว่าด้วยการกระทำศาสนพิธีต่าง ๆ ที่สืบทอดกันมา   หรือพยายามทำตามบทบัญญัติและศีลธรรมที่มีในคัมภีร์   ทั้งสิ้นนี้สร้างกรอบคิด กรอบเชื่อ และมุมมองให้มนุษย์ “กลัว” พระองค์

มนุษย์จึงเชื่อในศาสนาที่ตนยึดถือด้วย “ความกลัว”  ทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่ศาสนา ตามที่ “พระเจ้า” ต้องการ

ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ศาสนพิธี และ คำสอนกฏบัญญัติ ไม่สำคัญ!
แต่ในเวลาเดียวกัน  เราก็ไม่ได้เชื่อวางใจพระเจ้า เพราะเรามีมุมมองต่อพระเจ้าด้วย “ความกลัว”?

เมื่อมนุษย์มี “มุมมองพระเจ้า” ด้วยความกลัว   พระเจ้าจึงเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์  แยกตัวออกเฉพาะ(เพื่อที่พระองค์จะไม่ได้เกลือกกลั้ว แปดเปื้อนด้วยความบาปผิดของมนุษย์) มนุษย์จึงทำศาสนพิธีเพื่อที่จะ “ชำระตนให้บริสุทธิ์”  ทำตนให้พระเจ้า “พึงพอใจ” พยายามสร้างตนเองให้เป็นที่ยอมรับของพระเจ้า?   ด้วยมุมมองเช่นนี้  คริสตชนจึงอยู่ห่างไกลจากพระเจ้า

จึงไม่แปลกที่ว่า คริสตชนส่วนมากยังมองว่าพระเจ้าอยู่ในสวรรค์อันไกลโพ้น   ที่ต้องแยกออกจากโลกนี้   แล้วพยายามทำตนด้วยมุมมองและความเชื่อว่า  “ตายแล้วตนจะได้ไปสวรรค์”   พระเจ้าของคริสตชนกลุ่มใหญ่นี้ช่างอยู่ห่างไกล   เขามีความหวังเมื่อชีวิตตายไปเท่านั้น?

แต่คริสต์มาสเป็นเรื่องราว เมื่อพระเจ้าทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระเจ้าลงมาจากสวรรค์สละบัลลังก์ของพระองค์ในสวรรค์ มาเป็นมนุษย์คนหนึ่งท่ามกลางคนยากไร้ ต่ำต้อย เล็กน้อย   ขอให้สังเกตว่า  ในเรื่องราวการมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์   เป็นการที่บอกมนุษย์โลกนี้ให้เปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อพระเจ้า

ทูตสวรรค์บอกมนุษย์เหล่านี้ว่า ให้เลิกมีมุมมองความเชื่อพระเจ้าแบบเดิม ๆ เสียใหม่ พระเจ้าที่สร้างแต่ความกลัว ห่างไกล  คอยมองเพื่อจะตัดสินจับผิดเรา   พระเจ้าที่อยู่ห่างไกลจากมนุษย์   มนุษย์จะเข้าใกล้พระเจ้าได้เพราะความพยายาม และ การทำตนให้บริสุทธิ์ สอดคล้องกับบทบัญญัติ และสภาพของพระเจ้า

ทูตสวรรค์บอกให้มนุษย์เปลี่ยนมุมมองใหม่   ให้มีมุมมองความเชื่อว่า   พระเจ้าทรงรักมนุษย์  พระองค์ต้องการอยู่ใกล้ชิดและมีชีวิตท่ามกลางมนุษย์   และพระองค์ไม่ได้รอมนุษย์ทำตนหรือพยายามที่จะดำเนินชีวิตเข้ากับพระองค์ได้  

แต่พระเจ้าคือผู้ที่ทำตนเองให้เข้ามาใกล้ชิด  ทนทุกข์ร่วมสุขกับมนุษย์  อยู่เคียงข้างมนุษย์อย่างไร้เงื่อนไข   แต่เปี่ยมด้วยพระประสงค์ที่ต้องการ หนุนเสริม เพิ่มพลัง และทรงช่วยกอบกู้ให้มนุษย์หลุดรอดออกจากอำนาจบาปชั่วที่ตะครุบ ครอบงำ และฉุดกระชากชีวิตมนุษย์ไว้   แล้วเคียงข้างมนุษย์เสริมสร้างชีวิตมนุษย์ขึ้นใหม่   เป็นมนุษย์ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์   เป็นมนุษย์ที่มีคุณค่า  และมีชีวิตที่มีความหมาย

ดังนั้น  เราจึงพบว่า คำที่กล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกในเหตุการณ์การมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์คือ  “อย่ากลัวเลย” (กล่าวแก่ เศคาริยาห์  มารีย์ โยเซฟ และคนเลี้ยงแกะ)  ให้มนุษย์เลิกมีสัมพันธภาพกับพระเจ้าด้วยความกลัว
  
เมื่อทูตสวรรค์มาปรากฏแก่มารีย์ที่เป็นสาวอยู่   คำทักทายแรกคือ เธอ​ผู้​ที่​พระ​เจ้า​โปรด​ปราน​มาก จง​ชื่น​ชม​ยินดี​เถิด องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​สถิต​อยู่​กับ​เธอ...” แต่คำทักทายนี้ทำให้มารีย์ “ตกใจ” ทำให้มารีย์เกิดความกลัว   เป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า  และยังสถิตอยู่กับเธอ  แล้วบอกให้เธอชื่นชมยินดี

มุมมองใหม่ที่ทูตสวรรค์นำมาทำให้มารีย์ตกใจ  และคิดในใจว่าเป็นไปได้อย่างไร!

ทูตสวรรค์จึงกล่าวแก่เธอต่อไปว่า  มา​รีย์​เอ๋ย อย่า​กลัว​เลย เพราะ​เธอ​เป็น​ผู้​ที่​พระ​เจ้า​โปรด​ปราน...”   ทูตสวรรค์บอกให้มารีย์เปลี่ยนมุมมองที่ตนมองพระเจ้าใหม่   พระเจ้ามิได้เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่น่ากลัว น่าเกรงขาม  อยู่ห่างไกล   แต่พระเจ้าทรงมาอยู่ใกล้ชิดและโปรดปรานเธอ   และมีแผนการและพระประสงค์ในชีวิตของเธอ (ลูกา 1:28-33  มตฐ.)   พระเจ้ากำลังทำพระราชกิจให้สำเร็จในชีวิตของมารีย์

มุมมองความเชื่อใหม่ที่ทูตสวรรค์นำมาในคริสต์มาสคือ  พระเจ้าทรงลงมาจากสวรรค์อยู่ในชีวิตของมนุษย์  เพื่อที่จะกระทำพระราชกิจให้สำเร็จในชีวิตของมนุษย์คน ๆ นั้น!

สำหรับคริสตชนแล้วมีมุมมองต่อพระเจ้าว่า  ทรงอยู่เคียงข้าง ทรงอยู่ในชีวิต  และทรงกระทำพระราชกิจในชีวิตของเราแต่ละคน  และในแต่ละสังคมชุมชน

สำหรับคริสตชนแล้วมีมุมมองความสำเร็จในชีวิตว่า   พระเจ้ามีแผนการและพระประสงค์ในชีวิตของเราแต่ละคน   พระองค์จะทรงเปิดเผย  ทรงเป็นกำลังหนุนเสริม  และทรงกระทำพระราชกิของพระองค์ในชีวิต และ ผ่านชีวิตของเรา

เลิกเถิดครับ...ที่จะพยายามช่วยตนเอง  กระทำตนเองเพื่อพยายามจะขึ้นไปสวรรค์อยู่กับพระเจ้า!

แต่ถ้ายัง “ดันทุรัง” ทำตนเองให้ได้ไปสวรรค์   โปรดระวังเราอาจจะต้องสวนทางกับพระองค์   สวนทางพระประสงค์ของพระองค์ไงครับ?

เพราะพระเจ้าเสด็จมาในโลกนี้   ทรงอยู่ท่ามกลางมนุษย์ทั้งปวง   และทรงกำลังกระทำงานของพระองค์ในแผ่นดินโลกนี้   เพื่อนำการครอบครองและแผ่นดินของพระองค์ให้สำเร็จเสร็จครบในสังคมมนุษย์โลก

เมื่อทูตสวรรค์ไปบอกข่าวการบังเกิดของพระเยซูคริสต์แก่คนเลี้ยงแกะ   สิ่งแรกที่ทูตสวรรค์บอกคนเลี้ยงแกะคือ “อย่ากลัวเลย  เพราะเรามีข่าวดีมายังท่าน”   และในที่สุดทูตสวรรค์ให้มุมมองเกี่ยวกับพระเจ้าว่า พระ​สิริ​จง​มี​แด่​พระ​เจ้า​ใน​ที่​สูง​สุด   ส่วน​บน​แผ่น​ดิน​โลก สันติ​สุข​จง​มี​ท่าม​กลาง​มนุษย์​ทั้ง​หลาย​ที่​พระ​องค์​โปรด​ปราน​นั้น (ลูกา 2:8-14 มตฐ.)

ข่าวดีของคริสต์มาสคือ  วันนี้พระเจ้าอยู่เคียงข้างท่าน   อยู่ในชีวิตท่าน   พระองค์ประสงค์จะกระทำความสำเร็จในชีวิตท่านตามพระประสงค์ของพระองค์ครับ!

วันนี้ท่านพร้อมจะเปลี่ยนมุมมองของท่านเกี่ยวกับพระเจ้าหรือไม่ครับ?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น