29 ธันวาคม 2557

บอกเล่าข่าวดี...อย่างคนเลี้ยงแกะ

...บรรดา​คน​เลี้ยง​แกะ​ก็​พูด​กัน​ว่า ให้​เรา​ไป​ยัง​เมือง​เบธ​เล​เฮม​ดู​เหตุ​การณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​ตาม​ที่​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​แจ้ง​กับ​เรา   เขา​ก็​รีบ​ไป แล้ว​พบ​นาง​มา​รีย์​กับ​โย​เซฟ และ​พบ​พระ​กุมาร​นั้น​นอน​อยู่​ใน​ราง​หญ้า  

เมื่อ​พวก​เขา​เห็น​แล้ว​จึง​เล่า​เรื่อง​ที่​เขา​ได้​ยิน​ถึง​พระ​กุมาร​นั้น   คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ได้​ยิน​ก็​ประ​หลาด​ใจ​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ที่​คน​เลี้ยง​แกะ​บอก​กับ​เขา  (ลูกา 2:15-18 มตฐ.)

ผู้เลี้ยงแกะประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสต์จากประสบการณ์ตรงที่พวกเขาได้ประสบแก่ผู้คนที่พวกเขาพบเห็น   แต่ไม่ใช่ประกาศข่าวดีตามหลักการความเชื่อที่ขาดประสบการณ์ตรงของคนที่ประกาศฯ   ที่ขาดน้ำหนักหลักฐานความน่าเชื่อถือ   คนเลี้ยงแกะสามารถชี้ประจักษ์เหตุการณ์ที่พวกเขาพบเห็นในเวลานั้น   จึงเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจริงในเวลานั้น   และทุกคนที่ต้องการรู้จริงสามารถมีประสบการณ์ตรงกับเหตุการณ์เช่นนั้นได้   การประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์จึงเป็นการประกาศจากปากต่อปาก จากชีวิตถึงชีวิต

การประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์  มิใช่เป็นเพียงกิจกรรมหนึ่ง หรือ พันธกิจหนึ่งที่คริสตชนพึงกระทำเท่านั้น   แต่เป็นเหตุการณ์ในชีวิตจริงของเราที่ได้สัมผัสมีประสบการณ์กับพระเยซูคริสต์   แล้วพบสิ่งดี ๆ มีคุณค่าที่ต้องการจะแบ่งปันบอกต่อคนรอบข้างที่เราพบประสบ   เป็นการประกาศข่าวดีของพระคริสต์ที่มาจากประสบการณ์ตรงและแรงบันดาลใจจากก้นบึ้งจิตใจของเรา   จากความปรารถนาที่ต้องการให้คนอื่น ๆ ได้สิ่งดี ๆ ที่เราได้รับในชีวิต   การประกาศข่าวดีเช่นนี้จึงเกิดจากจิตใจรักเมตตา   การประกาศข่าวดีฯ เช่นนี้กระทำได้ในทุกสถานการณ์และทุกบริบทชีวิตจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตคริสตชนของเราแต่ละคน

คนเลี้ยงแกะมิได้ “ประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์เป็นอาชีพ”  เพราะอาชีพของเขาคือเลี้ยงดูแลรักษาฝูงแกะ   แต่เขาประกาศข่าวดีที่เป็นประสบการณ์ตรงในวิถีการดำเนินชีวิตของเขา   เมื่อเขามาพบเหตุการณ์ความจริงที่ยิ่งใหญ่ตามที่ทูตสวรรค์แจ้งแก่เขาแล้ว   เมื่อเดินทางกลับไปที่ฝูงแกะเขาบอกกล่าวเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เขาพบเห็นแก่ผู้คนรอบข้าง   คนเลี้ยงแกะประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์ในวิถีชีวิตประจำวันของเขา

สิ่งที่น่าสังเกตคือ   คนเลี้ยงแกะประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่อัศจรรย์ในชีวิตของพวกเขา   พวกเขาตื่นเต้น ชื่นชมยินดี  มีจิตใจที่ขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้าจนไม่สามารถเก็บงำเก็บเงียบไว้คนเดียวได้   พวกเขาจึงป่าวประกาศถึงข่าวดีที่กำลังเกิดขึ้น   คนเลี้ยงแกะประกาศข่าวดีเพราะเขาประสบพบเจอมีประสบการณ์ตรงกับเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น   เขาจึงประกาศบอกเล่าให้คนอื่นเพื่อจะได้มีประสบการณ์ชีวิตอย่างพวกเขา   แต่คริสตชนปัจจุบันบางพวกคนบางกลุ่มทุ่มเทการประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์  ด้วยการสร้างเหตุการณ์ หรือ “อิเวนต์ใหญ่ ๆ ” เพื่อเป็นเครื่องดึงดูดความสนใจของผู้คนให้มาร่วมใน “อิเวนต์” นั้น  

ดูเป็นกระบวนการที่สวนทางกัน   คนเลี้ยงแกะประกาศข่าวดีจากประสบการณ์ตรงที่พวกเขาได้รับจากพระราชกิจของพระเจ้า   แล้วบอกเล่าข่าวดีเหล่านั้นให้ผู้คนรับรู้และให้ไปพบเจอพระราชกิจที่น่าอัศจรรย์ของพระเจ้าด้วยชีวิตของแต่ละคนเอง   คนเลี้ยงแกะไม่ได้สร้างแรงดึงดูดให้ผู้คนสนใจที่ตัวพวกเขา   แต่เขาบอกเล่าให้ผู้คนสนใจพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำตามที่ทูตสวรรค์แจ้งแก่เขา    และทุกคนสามารถเข้าถึงเหตุการณ์แห่งพระราชกิจของพระเจ้าได้ตามสถานการณ์และสภาพชีวิตของตน

คนส่วนใหญ่จะสนใจหาแนวทางการแก้ปัญหาชีวิตต่อเมื่อเขาประสบกับ “วิกฤติชีวิต”   และถ้าเขาพบว่า ข่าวดีของพระเยซูคริสต์สามารถช่วยเขาให้เผชิญหน้าฝ่าฟันผ่านทะลุวิกฤตินั้นไปได้   ประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้าในครั้งนั้นจะกลับกลายเป็น “ข่าวดีแห่งพระราชกิจของพระเจ้าในชีวิตของเขา” และนี่คือข่าวดีที่เขาจะบอกเล่าแก่คนอื่น ๆ ต่อไป  (ดังตัวอย่างที่ผู้ประพันธ์ สดุดี บทที่ 103 กล่าวไว้)

ในคริสต์มาสและปีใหม่นี้   เรามีข่าวดีของพระคริสต์ในชีวิตของเราแล้วหรือยัง?   เรามีประสบการณ์ตรงกับพระราชกิจของพระคริสต์ในชีวิตของเราในเรื่องอะไร?   เป็นข่าวดีแห่งพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ที่เราจะบอกเล่าแก่ใครได้บ้าง?   คริสต์มาสและปีใหม่นี้ท่านปรารถนาให้ใครบ้างที่จะมีประสบการณ์ข่าวดีในชีวิตกับพระคริสต์?   ท่านรู้หรือยังว่า พระคริสต์ทรงเรียกท่านให้ทำอะไร? และ ทำอย่างไรในเรื่องนี้?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น