มุมมองพระคริสต์?
บนเส้นทางชีวิต
ฝูงชนกลุ่มใหญ่มุ่งเดินไปบ้านของนายธรรมศาลาท่านหนึ่งพร้อมกับพระเยซูคริสต์และเหล่าสาวก ทันใดนั้น
พระเยซูหยุดการเดินทางและถามหาคนที่มาสัมผัสพระองค์ด้วยความจงใจ
เพื่อพระองค์จะทรงอวยพระพรแก่ชีวิตหญิงคนนั้นที่ทนทุกข์ทรมานด้วยโรคโลหิตตกเป็นเวลานานถึง
12 ปีที่เธอทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักษาโรคนี้ให้หายจนหมดเนื้อสิ้นตัว หมดทุกอย่างในชีวิต
แต่การหยุดเพื่ออวยพระพรแก่หญิงคนนี้ ทำให้การเดินทางของพระองค์ล่าช้า
และที่สำคัญเด็กหญิงที่มีอายุบนโลกนี้ด้วยความรักและทะนุถนอมมา 12 ปีของพ่อแม่ได้เสียชีวิตก่อนพระคริสต์จะไปถึงที่บ้านนั้น
แผนงานที่กำหนดไว้ไม่ประสบความสำเร็จ?
เกิดคำถามว่า
พระเยซูคริสต์มองสองเหตุการณ์และความต้องการนี้อย่างไร?
บางท่านอาจจะเกิดคำถาม เกิดความคิดที่คัดค้านภายในใจว่า
นี่คือมุมมองของพระคริสต์หรือที่ยอมปล่อยให้เด็กหญิงอายุ 12 ปีที่พระองค์ตั้งใจจะไปรักษาต้องตายไป?
หญิงที่ทรมานมา 12 ปี
จนหมดตัวมีคุณค่าและสำคัญกว่าเด็กหญิงที่มีชีวิตในความรักแค่ 12 ปีหรือ?
พระเยซูคริสต์ทรงรู้ว่าทุกโอกาสย่อมมีพระพรสำหรับโอกาสนั้น
ๆ ทุก ๆ โอกาสในชีวิตเป็นของประทานจากพระเจ้าและในของประทานนั้นมีพระพร และในเหตุการณ์นี้พระคริสต์ทรงตระหนักชัดว่า
ชีวิตและความตายอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า
พระองค์ทรงรู้ว่าพระราชกิจที่พระองค์กระทำเป็นโอกาสหนึ่งที่พระเจ้าประทานให้
และทรงรู้ด้วยว่าเมื่อกระทำพระราชกิจในโอกาสนั้นจะส่งผลให้เกิดอะไรขึ้น
ลักษณะพิเศษของพระคริสต์ในที่นี้คือ
พระองค์พร้อมเสมอสำหรับ
“โอกาสที่พระเจ้าประทานให้ที่ไม่ได้อยู่ในแผนการในแต่ละวัน” ให้เกิดพระพรของพระเจ้าในโอกาสนั้น
และในเวลาเดียวกันแผนงานที่ทรงวางไว้ก็ยังได้รับการทรงกระทำและเกิดพระพรในชีวิตของเด็กหญิงคนนั้น ครอบครัว และชุมชนด้วย
เมื่อพระเยซูคริสต์มาถึงบ้านของเด็กหญิงคนนั้น พบว่าเต็มไปด้วยผู้คน “กำลังร้องไห้ทุกข์โศกเพราะเด็กคนนั้น”
(ลูกา 8:52 มตฐ.)
พระเยซูคริสต์ทรงบอกฝูงชนหน้าบ้านที่กำลังแสดงความโศกเศร้าว่า เด็กหญิงยังไม่ตายแต่หลับไป
ทันที
พวกเขาเปลี่ยนจากร้องไห้กลายเป็นหัวเราะเยาะพระเยซูที่พูดอะไรโง่ ๆ
แต่พระคริสต์ไม่หยุดติดแหงกอยู่กับมุมมองที่แตกต่าง
การเยาะเย้ยดูถูก
แต่พระองค์เสด็จเข้าไปในบ้าน
เข้าไปในห้องนอนของเด็กหญิงคนนั้น
แล้วจับมือของเธอแล้วตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ลุกขึ้นเถิด” แล้ววิญญาณก็กลับเข้าไปในตัวเด็ก
เขาก็ลุกขึ้นทันที (8:55 มตฐ.) แน่นอนครับ
เหตุการณ์นี้เปลี่ยนมุมมองที่แตกต่างของฝูงชนหน้าบ้านให้ต้องฉงนสนเท่ห์ในพระพรของพระเจ้าผ่านพระราชกิจที่พระคริสต์ทรงกระทำ
นี่คือมุมมองของพระเยซูคริสต์ในการดำเนินชีวิตและในการกระทำพระราชกิจของพระองค์บนโลกใบนี้ ที่คริสตชนจะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ซึ่งจะต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงที่ความคิด
และ มุมมองก่อน
มุมมองแบบพระคริสต์นี้เปาโลเรียกว่า มุมมองจากเบื้องบน หรือ
การมุ่งมองไปที่เบื้องบน (โคโลสี 3:1-2 มตฐ.) เป็นมุมมองชีวิตและการทำพันธกิจด้วยความเชื่อศรัทธาที่ไม่ท้อแท้สิ้นแรง
แต่ตระหนักชัดว่าในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้าและรอบ ๆ ตัวเราอยู่ภายใต้การครอบครองของพระเจ้าด้วยพระคุณเมตตาและพระพรของพระองค์ ให้คริสตชนมีชีวิตที่พร้อมเสมอสำหรับทุกโอกาสที่พระเจ้าประทานให้เกิดขึ้นบนเส้นทางชีวิตที่เราดำเนินไปแต่ละวัน แม้เหตุการณ์นั้น โอกาสนั้นจะมิได้อยู่ในแผนงานชีวิตในวันนั้นของเราก็ตาม
ถ้าเราเป็นตัวแทน หรือ
เป็นทูตของพระเยซูคริสต์ในโลกนี้
เราจะต้องมีวิธีคิดและมุมมองชีวิตเช่นเดียวกับพระคริสต์ ที่เราจะต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและสถานการณ์รอบข้างตัวเราด้วยวิธีคิดและมุมมองของพระองค์
โคโลสี 3:1-2
บอกกับเราว่า...เมื่อเราได้รับการกอบกู้และสร้างใหม่จากพระคริสต์แล้ว เราจึงควรดำเนินชีวิตเยี่ยงพระองค์
ที่ไม่มัวมองแคบเฉพาะความสนใจต้องการของตนเอง แต่เงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้าแล้วตื่นตัวเสมอว่า
มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในขณะที่พระคริสต์ทรงเคียงข้างไปกับชีวิตของเราในแต่ละวัน แล้วให้เรามีมุมมองอย่างพระคริสต์ หรือให้เรามองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเราด้วย
“มุมมองของพระคริสต์”
มีคำถามว่า
แล้วเราจะได้รับการหล่อหลอม บ่มเพาะ ความคิด มุมมอง
ความเข้าใจ การตัดสินใจ การดำเนินชีวิต และทำพันธกิจอย่างพระคริสต์ได้อย่างไร? เราจะรักประชาชนเฉกเช่นที่พระเยซูคริสต์ทรงรักเมตตาได้อย่างไร?
และเมื่อมีงานความรับผิดชอบมากมายในชีวิตประจำวัน
แล้วยังให้ความสนใจใส่ใจกับผู้คนและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ตามรายทางชีวิต”
อย่างพระคริสต์ได้อย่างไร?
มุมมองคริสตชน?
เราจะมีความคิด มุมมอง และชีวิตที่นำผู้คนเข้ามาอยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า
อย่างที่พระเยซูคริสต์ทำได้อย่างไร?
รากฐานอันสำคัญแห่งแผ่นดินของพระเจ้าคือความสัมพันธ์!
แผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้เป็นเรื่องของโปรแกรม หลักสูตร
ระบบ
หรือทำงานเกิดผลแค่ไหนตามตัวชี้วัดที่กำหนด แต่แผ่นดินของพระเจ้าเริ่มต้นที่ความสัมพันธ์ ซึ่งอาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่สร้างความรู้สึกอึดอัดไม่สะดวกสบาย
เป็นความสัมพันธ์ที่ดูดใช้เวลาชีวิตของเรา
เป็นความสัมพันธ์ที่ทำให้เราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องรับผิดชอบมากกว่าที่คิด
แผ่นดินของพระเจ้าเกิดจากการที่คริสตชนยอมเข้าไปเกี่ยวข้อง
สัมพันธ์ ใส่ใจ รับผิดชอบในเหตุการณ์และบุคคลที่เกิดขึ้น “บนเส้นทางชีวิตประจำวัน”
ที่เราไม่คิดคาดฝัน หรือไม่อยู่ในแผนงานของเรา
เมื่อเราตัดสินใจเข้าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลด้วยการสานต่อจากพระราชกิจแห่งการกอบกู้ไถ่ถอนของพระคริสต์ เราต้องใช้เวลาและพลังชีวิตของเราอย่างมากสำหรับการสานต่อพระราชกิจที่ไม่ได้อยู่ในแผนงานของเรา ส่งผลกระทบต่อผลิตผลตามใจปรารถนาที่เคยวางไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นแล้วยังต้องให้พลัง เวลา เงินทอง
หรือสิ่งของในงานนั้นเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ถ้าจะพูดแบบหยาบ ๆ กล่าวได้ว่า “ความสัมพันธ์ที่นำไปถึงแผ่นดินของพระเจ้าเป็นตัวอุปสรรคขัดขวางประสิทธิภาพในการทำงานประจำของเรา เป็นตัวก่อกวนหรือทำลายงานประจำของเราหรือไม่?
เหมือนกับที่ไยรัสมองการทำพันธกิจของพระคริสต์ระหว่างทางนั้นเป็นอุปสรรคต่อการไปรักษาบุตรสาวของตน เป็นต้นเหตุให้ลูกสาวของตนต้องเสียชีวิตหรือไม่?
มุมมองเช่นนี้มีไหมในมุมมองของผู้บริหารองค์กร
หน่วยงาน และคริสตจักรในสภาคริสตจักร?
เมื่อคริสตชนมีมุมมองแบบพระคริสต์ที่ให้ความสนใจผู้คนและเหตุการณ์
“ข้างทางชีวิตประจำวัน”
“ข้างทางแผนงานที่องค์กรกำหนดไว้”
แน่นอน คริสตชนและองค์กรคริสเตียนต้องเริ่มต้นด้วยการสร้างสัมพันธภาพกับผู้คนรอบข้างเหล่านั้น นั่นหมายความ เราต้องใช้เวลา พลังชีวิต
ทรัพย์สินเงินทอง
ความมุ่งมั่นตั้งใจ จากที่เรามีอยู่สำหรับแผนงานที่กำหนดไว้แล้วแก่
“พันธกิจข้างทางชีวิตประจำวัน” ที่โผล่ขึ้นใหม่
แต่พระคริสต์ชี้ชัดแก่เราแต่ละคนว่า สิ่งแรกในวันนี้ มิใช่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำให้งานสำเร็จตามแผนที่วางไว้ สำหรับคริสตชนแล้วสิ่งแรกสำหรับแต่ละวันคือ
มุ่งมองและใช้ทุกอย่างที่พระเจ้าประทานแก่เรารวมถึงชีวิตของเราในการเสริมสร้างและนำผู้คนรอบข้างให้เข้าไปมีชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้า
คืออยู่ในการปกป้องคุ้มครองด้วยความรักเมตตาแห่งพระคุณของพระองค์
ที่สำคัญอย่างมากคือ ในทุกขณะชีวิตที่กำลังดำเนินไป
เราจะต้องใส่ใจว่าพระคริสต์กำลังทำพระราชกิจอะไรอยู่ และพระองค์ชวนให้เราเข้าไปร่วมในพระราชกิจใดของพระองค์บ้าง บ่อยครั้งเราต้องละเลยในพระราชกิจที่พระคริสต์ชวนให้เราเข้าไปร่วม เพราะเราเป็นห่วงกังวลว่า ถ้าไม่ได้ทำตามแผนที่กำหนดในวันนี้ แล้วพรุ่งนี้จะดำเนินงานที่ต้องรับผิดชอบต่อไปได้อย่างไร แต่พระคริสต์ชี้ชัดว่า
งานสำหรับพรุ่งนี้ของเราก็อยู่ในแผนการของพระองค์ด้วย (มัทธิว 6:33-34)
“แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า
และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้ เพราะฉะนั้น
อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้
เพราะว่าพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกระวนกระวายของมันเอง
แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว...”
คริสตชนจะต้องดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความไว้วางใจในน้ำพระทัยของพระเจ้า
พระองค์ทรงจัดเตรียมและประทานสิ่งจำเป็นประจำวันแก่ทุกคนที่เชื่อและวางใจในพระองค์ เราเชื่อและไว้วางใจในการทรงปกป้อง ครอบครอง
และการอวยพระพรของพระองค์ในชีวิตประจำวันของเรามิใช่หรือ?
สิ่งสำคัญประการแรกในวันนี้คือสัมพันธภาพของเรากับพระองค์ และต่อมาประการที่สองคือ สัมพันธภาพกับโอกาสที่พระองค์ให้แก่เราที่จะมีกับคนรอบข้างที่เข้ามา
“ในเส้นทางชีวิตของเรา” ในวันนี้
แต่ก็ต้องตระหนักด้วยว่างานนี้ไม่ใช่เรื่องกล้วย
ๆ
การที่คริสตชนตัดสินใจที่จะมีชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้า และมีชีวิตเพื่อแผ่นดินของพระเจ้า
สิ่งสำคัญคือเราต้องมีความคิดและมมุมมองมุ่งไปที่พระประสงค์ของพระคริสต์ในชีวิตของเรา
เราต้องมุ่งมองไปที่แบบอย่างชีวิตของพระองค์ เราต้องใส่ใจทุ่มเทชีวิตกับพระวจนะของพระเจ้า มีชีวิตที่ติดสนิทกับพระองค์ และมีพระองค์เป็นเอกเป็นต้นในชีวิตประจำวันของเรา
และที่สำคัญเราต้องใส่ใจและไวต่อการทรงเปิดเผยของพระคริสต์ท่ามกลางสังคมชุมชนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา
เตรียมตัวให้พร้อมเสมอที่จะเข้าร่วมใน
“พระราชกิจพระคริสต์ข้างทางชีวิตประจำวัน” ของเรา
และเข้าร่วมในพระราชกิจนั้นอย่างทุ่มเทและใส่ใจ
ประสบการณ์ในการร่วมพระราชกิจเช่นนี้ในแต่ละวัน
เราจะเห็นพระคริสต์ชัดเจนขึ้นในเส้นทางชีวิตประจำวันของเรา และ ความคิด มุมมองในชีวิตของเราจะได้รับการทรงปรับเปลี่ยนและเสริมเพิ่มให้เป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้นทุกวัน และการที่เรามีความคิด
มุมมองชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นเท่าใด
ย่อมส่งผลและมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของเราให้มีชีวิตเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นเท่านั้น
ปีใหม่นี้ท่านจะรับเอาพระราชกิจของพระคริสต์ข้างถนนชีวิตประจำวันของเรา
เป็นพระชกิจอันดับต้น ๆ ที่พระองค์เชิญชวนเราให้เข้าไปร่วมและสานต่อพระราชกิจนั้นในวันนี้ และในแต่ละวัน! ได้ไหม?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น