15 เมษายน 2559

พระเจ้า...ขอต่อรองหน่อยได้ไหม?

อ่าน มัทธิว 26:36-46
36 แล้ว​พระ​เยซู​ทรง​พา​สา​วก​ทั้ง​หลาย​มา​ยัง​ที่​แห่ง​หนึ่ง​ที่​เรียก​ว่า​เกท​เสมนี แล้ว​ตรัส​กับ​สา​วก​ของ​พระองค์​ว่า จง​นั่ง​อยู่​ที่​นี่​ขณะ​เมื่อ​เรา​ไป​อธิษฐาน​ที่​โน่น”   37 พระ​องค์​ก็​ทรง​พา​เป​โตร​กับ​บุตร​ทั้ง​สอง​ของ​เศ​เบ​ดี​ไป​ด้วย พระ​องค์​ทรง​เริ่ม​โศก​เศร้า​และ​ทรง​ทุกข์​ใจ​อย่าง​ยิ่ง   38 จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า ใจ​ของ​เรา​เป็น​ทุกข์​แทบ​จะ​ตาย จง​อยู่​ที่​นี่​และ​เฝ้า​ระวัง​กับ​เรา”    39 แล้ว​ทรง​ดำ​เนิน​ไป​อีก​หน่อย​หนึ่ง ก็​ซบ​พระ​พักตร์​ลง​ถึง​ดิน​อธิษฐานว่า โอ​พระ​บิดา​ของ​ข้า​พระ​องค์ ถ้า​เป็น​ได้​ขอ​ให้​ถ้วย​นี้​เลื่อน​พ้น​ไป​จาก​ข้า​พระ​องค์​เถิด แต่​อย่างไร​ก็​ดี อย่า​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ใจ​ปรารถนาของ​ข้า​พระ​องค์ แต่​ให้​เป็น​ไป​ตาม​พระทัย​ของ​พระ​องค์”    40 แล้ว​พระ​องค์​เสด็จ​กลับ​มา​หา​พวก​สา​วก ทอด​พระ​เนตร​เห็น​เขา​ทั้งหลาย​นอน​หลับ​อยู่ พระ​องค์​ตรัส​กับ​เป​โตร​ว่า เป็น​อย่างไร​นะ พวก​ท่าน​จะ​เฝ้า​ระวัง​อยู่​กับ​เรา​สัก​ชั่วโมง​ไม่​ได้​หรือ?    41 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เฝ้า​ระวัง​และ​อธิษฐาน​เพื่อ​จะ​ไม่​ถูก​ทด​ลอง จิตวิญญาณ​พร้อม​แล้ว​ก็​จริง แต่​กาย​ยัง​อ่อน​กำ​ลัง”    42 พระ​องค์​จึง​เสด็จ​ไป​ทรง​อธิษฐาน​อีก​เป็น​ครั้ง​ที่สอง ข้า​แต่​พระ​บิดา​ของ​ข้า​พระ​องค์ ถ้า​ถ้วย​นี้​เลื่อน​พ้น​ไป​จาก​ข้า​พระ​องค์​ไม่​ได้ และ​ข้า​พระ​องค์​จำ​ต้อง​ดื่ม​แล้ว ก็​ให้​เป็น​ไป​ตาม​พระ​ทัย​ของ​พระ​องค์”    43 เมื่อ​เสด็จ​กลับ​มา​อีก​ก็​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​บรรดา   ​สา​วก​นอน​หลับ​อยู่ เพราะ​ตา​ของ​พวก​เขา​ลืม​ไม่​ขึ้น    44 จึง​เสด็จ​ไป​จาก​พวก​เขา เสด็จ​ไป​ทรง​อธิษฐานเป็น​ครั้ง​ที่​สาม ทูล​ขอ​เหมือน​คราว​ก่อน ๆ อีก    45 แล้ว​เสด็จ​มา​ยัง​พวก​สา​วก​ตรัส​ว่า พวก​ท่าน​ยัง​จะ​นอน​ต่อไป​ให้​หาย​เหนื่อย​อีก​หรือ? นี่​แน่ะ เวลา​มา​ใกล้​แล้ว บุตร​มนุษย์​จะ​ต้อง​ถูก​มอบ​ไว้​ใน​มือ​ของ​พวก​คน​บาป    46 ลุก​ขึ้น​ไป​กัน​เถิด คน​ที่​ทรยศ​เรา​มา​ใกล้​แล้ว(มตฐ.)

ภาพพระเยซูคริสต์และสาวกของพระองค์ในพระธรรมตอนนี้   เป็นภาพที่พระเยซูคริสต์เผชิญกับความทุกข์ครั้งใหญ่   พระองค์บอกกับสาวกว่า “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย...” (ข้อ 38)  และพระองค์ต้องการคนที่จะเคียงข้างพระองค์ในเวลาวิกฤติเช่นนั้น   แต่พระองค์กลับพบว่า  สาวกที่พระองค์คาดหวังว่าจะยืนหยัดเคียงข้างพระองค์กลับหลับใหลไม่ได้สติ   จนพระเยซูคริสต์ออกปากถามว่า “เป็นอย่างไรนะ   พวกท่านจะเฝ้าระวังอยู่กับเราสักชั่วโมงไม่ได้หรือ?” (ข้อ 40)

ชีวิตประจำวันของท่านเคยพบกับเหตุการณ์วิกฤติคับขันเช่นนี้ไหม?   ท่านเคยคิดเคยคาดว่าเพื่อนสนิทบางคนที่ท่านไว้ใจจะอยู่เคียงข้างท่าน   แต่กลับพบว่า เขาไม่ได้ยืนเคียงข้างท่านเลย   ผิดคาด  ผิดหวัง   ท่านทำอย่างไรในเหตุการณ์ทุกข์ยากลำบากใจเช่นนั้น?   แล้วเกิดผลเช่นไร?

ภาพเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ในฉากนี้เป็นวิกฤติชีวิตที่เป็นเรื่องของ “ความเป็นความตาย”   แต่หัวใจสำคัญของวิกฤติครั้งนี้คือ   เราต้องตัดสินใจเลือกว่าในวิกฤติชีวิตเช่นนี้   เราจะเลือกทูลขอพระเจ้าให้เหตุการณ์นี้คลี่คลายไปตาม “ใจปรารถนาของเรา” หรือ ให้เป็นไปตาม  “น้ำพระทัยของพระเจ้า” 

เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิต   เมื่อชีวิตมาถึงจุดที่จะต้องตัดสินใจเลือก   ใจจริง ๆ ของเราแล้ว  เราต้องการให้เหตุการณ์คลี่คลายไปตามความต้องการหรือไปตามที่เราคิดว่าน่าจะเป็นไปได้   แล้วเรามักจะทูลขอพระเจ้าให้เป็นไปอย่างที่เราคาด  เราคิด เราต้องการใช่ไหม?   ใช่ครับ ในเวลาเช่นนี้เราควรเปิดอกเปิดใจทั้งหมดของเราต่อพระเจ้า   อธิษฐานจากก้นบึ้งทั้งความคิดและความรู้สึกของเรา   ไม่ผิดที่เราบอกพระเจ้าถึงสิ่งที่เราคาด  เราคิด เราต้องการ   พระเยซูคริสต์ก็ทำเช่นนั้นครับ   พระองค์อธิษฐานต่อพระบิดาว่า  “โอพระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าเป็นได้ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด...” (ข้อ 39)   แต่ที่สำคัญคือ  พระเยซูคริสต์ทูลขอว่า  “...แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์”   สิ่งนี้ต่างหากที่ “ยาก” สำหรับเราท่าน   เราทำใจลำบากใช่ไหม?   เพราะเมื่อเราอธิษฐานมักเป็นการทูลขอพระเจ้าช่วยทำให้เหตุการณ์นั้นให้เป็นไปตามใจปรารถนาของเราใช่ไหม?   แม้เราจะบอกกับพระองค์ว่า ให้ทุกอย่างเป็นไปตามน้ำพระทัย   แต่ใจลึก ๆ น่าจะเป็นอย่างที่เราคาดหวังหรือเปล่า?

เรื่องราวในพระคัมภีร์ตอนนี้   เมื่อพระเยซูทูลอธิษฐาน   ไม่ปรากฏว่ามีเสียงตอบจากพระบิดา   ไม่ใช่เราเท่านั้นเมื่ออธิษฐานแล้วไม่ได้ยินเสียงตอบจากพระเจ้า   แต่ในเหตุการณ์นี้แม้จะไม่มีบันทึกว่ามีเสียงตอบจากพระเจ้าต่อการอธิษฐานของพระเยซูคริสต์   แต่เราพบว่า พระเยซูคริสต์ได้รับคำตอบในจิตใจจิตวิญญาณของพระองค์   เรารู้เรื่องนี้ได้จากการที่พระองค์กลับไปอธิษฐานกับพระบิดาในครั้งที่สอง และ สามว่า  ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์ไม่ได้ และข้าพระองค์จำต้องดื่มแล้ว ก็ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ (ข้อ 42)   

สิ่งที่ “ยาก” ประการที่สองสำหรับเราท่านคือ  การได้ยินหรือรับรู้ถึงคำตอบอธิษฐานจากพระเจ้า   บ่อยครั้งเรามักบอกว่าพระเจ้าไม่ได้ตอบ หรือ ไม่มีเสียงตอบจากพระเจ้า   ที่เราบอกว่าไม่ได้ยินเสียงตอบจากพระเจ้า  มักเป็นการที่เราไม่ได้รับคำตอบยืนยันจากพระเจ้าที่ให้เหตุการณ์นั้นเป็นไปตามสิ่งเราคิด เราคาด เราต้องการลึก ๆ ในจิตใจต่างหาก   และที่เราไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้าเมื่อเราอธิษฐานมักเป็นเพราะ เราคาดหวัง  เราต้องการให้พระองค์ทำอย่างที่เราต้องการ?

สิ่งที่พระคริสต์แตกต่างจากเราในการอธิษฐานในยามวิกฤติคือ   พระองค์รู้ว่า ใจปรารถนาของพระองค์คืออะไร   และน้ำพระทัยของพระบิดาในเรื่องนี้คืออะไร   แต่เราท่านมักรู้ว่าใจปรารถนาของเราต้องการอะไร   เราขาดการที่จะแสวงหาว่าในเหตุการณ์เช่นนี้พระเจ้ามีน้ำพระทัยอย่างไร   ดังนั้น เราจึงไม่ได้ยินไม่ได้สัมผัสคำตอบจากพระเจ้า   เพราะคำตอบจากพระเจ้าไม่ได้ตอบตามใจปรารถนาของเรา   และเราก็ไม่ได้ใส่ใจฟังด้วยจริงใจว่า  พระเจ้ามีน้ำพระทัยอย่างไรในเหตุการณ์วิกฤตินั้น

แต่พระคริสต์ใส่ใจต่อน้ำพระทัยของพระบิดา   และเพราะคำตอบและการคลี่คลายนั้นเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า   พระองค์ไม่วิตกกังวลต่อไป   แต่พระองค์ชัดเจนในเป้าหมายที่มุ่งหน้าไป   และที่สำคัญคือ พระบิดาไปเคียงข้างพระองค์ในทุกฝีก้าว   และนี่แหละที่เป็นพลังสร้างความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณของพระคริสต์    ให้ตัดสินใจก้าวไปบนวิถีแห่งกางเขนที่เป็นน้ำพระทัยของพระบิดา

ในทุกวิกฤติชีวิตจงมีน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับวิกฤตินั้นอยู่ด้วยเสมอ!

จะต่อรองก็ต่อรองได้   แต่ต่อรองด้วยการรู้ถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับเหตุการณ์นั้น

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น