จากการที่ผมมีโอกาสออกไปพบปะ สนทนา
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคริสตจักรท้องถิ่นหลายภาคหลายแห่ง ผมพบ/รู้สึกว่า
บางแห่งมีสมาชิกคริสตจักรบางคนที่อาจจะมีมุมมองศิษยาภิบาลที่อาจจะคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
และนี่เป็นการรวบรวมสิ่งเหล่านี้เพื่อนำเสนอ เพื่อเทียบเคียงว่า คนอื่นเห็นเหมือน หรือ ต่างกันอย่างไร และอยากจะเชิญชวนท่านผู้อ่านแสดงความคิดเห็น
เติมเพิ่มในเรื่องนี้
เพื่อเป็นมุมมองที่มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- สมาชิกคริสตจักรมักมองว่า บรรดาศิษยาภิบาลไม่ต้องปล้ำสู้กับวินัยชีวิตจิตวิญญาณ แต่แท้จริงในพวกศิษยาภิบาลเราต้องปล้ำสู้กับการหาเวลาและวินัยชีวิตที่จะอยู่ใกล้ชิดพระเจ้าเช่นกัน เราต้องเครียดกับการศึกษาค้นคว้าเพื่อการเทศนา และ การศึกษาเรียนรู้เพื่อการเติบโตเข้มแข็งของตนเอง
- สมาชิกมักเข้าใจว่า ศิษยาภิบาลมีความมั่นใจเกี่ยวกับการทรงเรียกของตน ความเครียดกังวลในการนำชุมชนคริสตจักรบางครั้งทำให้ศิษยาภิบาลเกิดคำถามว่า นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้ตนทำหรือไม่? เราต้องการที่จะมั่นใจ 100% แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
- สมาชิกคิดว่าเราไม่ต้องเสียภาษีอย่างบุคคลธรรมดาทั่วไป จึงทำให้สมาชิกส่วนหนึ่งคิดว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่ศิษยาภิบาลตามอัตราเงินเดือนมาตรฐาน
- สมาชิกมักมองว่า ศิษยาภิบาลไม่เคยวิตกกังวลเกี่ยวกับการเทศนาพระวจนะ ใช่ศิษยาภิบาลส่วนใหญ่ภูมิใจในการเทศนาของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามก็ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์คำเทศนาจากสมาชิก แท้จริงแล้วอยากจะบอกให้ทุกคนรู้ว่า การเทศนาเป็นภาระอันหนักอึ้งที่ศิษยาภิบาลแต่ละคนต้องแบกรับ
- สมาชิกบางส่วนมักเข้าใจว่า บรรดาศิษยาภิบาลไม่มีบาดแผลในชีวิต แต่แท้จริงแล้ว มันตรงกันข้ามกับความเข้าใจดังกล่าว เราในฐานะศิษยาภิบาลเราคาดหวังว่าประชากรของพระเจ้าในคริสตจักรจะกระทำต่อกันด้วยความรักและพระคุณของพระเจ้า แต่สิ่งนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นจริง
- สมาชิกทั่วไปมักเข้าใจว่า ศิษยาภิบาลเต็มเวลาจะได้สวัสดิการด้านต่าง ๆ ตามกฎหมายแรงงานทั่วไป ใช่ศิษยาภิบาลหลายท่านที่อยู่ในสภาพเช่นนั้น แต่อยากจะบอกว่า ศิษยาภิบาลจำนวนอีกไม่น้อยที่รับเงินค่าตอบแทนเป็นรายปี หลายคนที่ไม่มีสวัสดิการอย่างที่สมาชิกมี และส่วนหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับเงินค่าตอบแทนที่คงที่ หรือ ลดลง
- สมาชิกมักจะเข้าใจว่าศิษยาภิบาลได้เรียนรู้ทุกเรื่องมาจากชั้นเรียนในพระคริสต์ธรรมหรือโรงเรียนพระคัมภีร์ ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะชั้นเรียนมิได้เตรียมเราให้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำพันธกิจด้านต่าง ๆ มาก่อน แต่ศิษยาภิบาลเรียนรู้แต่ละวันว่าตนจะนำชุมชนคริสตจักรเช่นไร จะบริหารจัดการพันธกิจด้านต่าง ๆ ในคริสตจักรอย่างไร ศิษยาภิบาลเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ประกอบศาสนพิธีต่าง ๆ เรียนรู้ในแต่ละวันในการรับมือและจัดการกับความขัดแย้งต่าง ๆ ศิษยาภิบาลเรียนรู้หลายเรื่องหลายราวจากงานที่ทำในแต่ละวัน บางครั้งก็เป็นการเรียนรู้ที่หนักหนาสาหัสจากการลองลงมือทำ
- สมาชิกมักคิดว่า ศิษยาภิบาลมีเพื่อนแท้มากมาย แท้จริงศิษยาภิบาลมีคนที่รู้จักมากมาย แต่มีเพื่อนแท้ที่เข้าใจน้อยเหลือเกิน การทำพันธกิจจึงทำให้รู้สึกว่าต้องทำอย่างโดดเดี่ยว
- คนทั่วไปมักคิดว่าในครอบครัวของศิษยาภิบาลคงเป็นน้อง ๆ ของสวรรค์ ใช่อาจจะมองเห็นภาพเช่นนั้นในวันอาทิตย์ตอนเช้า แต่ศิษยาภิบาลต่างก็ต้องประสบกับชีวิตจริงเหมือนคนอื่นทั่ว ๆ ไปในวันปกติทั่วไปในสัปดาห์ ครอบครัวของศิษยาภิบาลก็ต้องปล้ำสู้ และ เผชิญหน้ากับเหตุการณ์นานาประการเหมือนครอบครัวคนทั่วไป
- สมาชิกมักคิดว่า ศิษยาภิบาลมีแต่จะมองหาคริสตจักรที่ดีกว่า บอกด้วยความจริงใจว่า มีศิษยาภิบาลที่เป็นเช่นนั้นจริง แต่เขาก็ไม่ได้สบายไปกว่าศิษยาภิบาลคนอื่นที่อุทิศทุ่มเทกับคริสตจักรที่พระเจ้าเรียกให้รับใช้อยู่ ศิษยาภิบาลส่วนใหญ่รักคริสตจักร แม้ชุมชนคริสตจักรจะไม่ใช่ชุมชนที่สมบูรณ์ดีเด่นอะไรก็ตาม
ท่านมีประเด็นเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่ครับ? ช่วยเพิ่มเติมครับ
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น