23 เมษายน 2559

บางมุมมองที่สมาชิกคริสตจักรมีต่อศิษยาภิบาล...ที่อาจจะคลาดเคลื่อน?

จากการที่ผมมีโอกาสออกไปพบปะ สนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคริสตจักรท้องถิ่นหลายภาคหลายแห่ง   ผมพบ/รู้สึกว่า   บางแห่งมีสมาชิกคริสตจักรบางคนที่อาจจะมีมุมมองศิษยาภิบาลที่อาจจะคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง   และนี่เป็นการรวบรวมสิ่งเหล่านี้เพื่อนำเสนอ  เพื่อเทียบเคียงว่า  คนอื่นเห็นเหมือน หรือ ต่างกันอย่างไร   และอยากจะเชิญชวนท่านผู้อ่านแสดงความคิดเห็น เติมเพิ่มในเรื่องนี้   เพื่อเป็นมุมมองที่มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

  1. สมาชิกคริสตจักรมักมองว่า บรรดาศิษยาภิบาลไม่ต้องปล้ำสู้กับวินัยชีวิตจิตวิญญาณ   แต่แท้จริงในพวกศิษยาภิบาลเราต้องปล้ำสู้กับการหาเวลาและวินัยชีวิตที่จะอยู่ใกล้ชิดพระเจ้าเช่นกัน   เราต้องเครียดกับการศึกษาค้นคว้าเพื่อการเทศนา และ การศึกษาเรียนรู้เพื่อการเติบโตเข้มแข็งของตนเอง
  2. สมาชิกมักเข้าใจว่า ศิษยาภิบาลมีความมั่นใจเกี่ยวกับการทรงเรียกของตน   ความเครียดกังวลในการนำชุมชนคริสตจักรบางครั้งทำให้ศิษยาภิบาลเกิดคำถามว่า นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้ตนทำหรือไม่?   เราต้องการที่จะมั่นใจ 100%  แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
  3. สมาชิกคิดว่าเราไม่ต้องเสียภาษีอย่างบุคคลธรรมดาทั่วไป   จึงทำให้สมาชิกส่วนหนึ่งคิดว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่ศิษยาภิบาลตามอัตราเงินเดือนมาตรฐาน
  4. สมาชิกมักมองว่า ศิษยาภิบาลไม่เคยวิตกกังวลเกี่ยวกับการเทศนาพระวจนะ   ใช่ศิษยาภิบาลส่วนใหญ่ภูมิใจในการเทศนาของตนเอง   แต่อย่างไรก็ตามก็ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์คำเทศนาจากสมาชิก   แท้จริงแล้วอยากจะบอกให้ทุกคนรู้ว่า   การเทศนาเป็นภาระอันหนักอึ้งที่ศิษยาภิบาลแต่ละคนต้องแบกรับ
  5. สมาชิกบางส่วนมักเข้าใจว่า บรรดาศิษยาภิบาลไม่มีบาดแผลในชีวิต   แต่แท้จริงแล้ว  มันตรงกันข้ามกับความเข้าใจดังกล่าว   เราในฐานะศิษยาภิบาลเราคาดหวังว่าประชากรของพระเจ้าในคริสตจักรจะกระทำต่อกันด้วยความรักและพระคุณของพระเจ้า   แต่สิ่งนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นจริง
  6. สมาชิกทั่วไปมักเข้าใจว่า ศิษยาภิบาลเต็มเวลาจะได้สวัสดิการด้านต่าง ๆ ตามกฎหมายแรงงานทั่วไป   ใช่ศิษยาภิบาลหลายท่านที่อยู่ในสภาพเช่นนั้น   แต่อยากจะบอกว่า ศิษยาภิบาลจำนวนอีกไม่น้อยที่รับเงินค่าตอบแทนเป็นรายปี  หลายคนที่ไม่มีสวัสดิการอย่างที่สมาชิกมี   และส่วนหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับเงินค่าตอบแทนที่คงที่ หรือ ลดลง
  7. สมาชิกมักจะเข้าใจว่าศิษยาภิบาลได้เรียนรู้ทุกเรื่องมาจากชั้นเรียนในพระคริสต์ธรรมหรือโรงเรียนพระคัมภีร์   ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น   เพราะชั้นเรียนมิได้เตรียมเราให้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำพันธกิจด้านต่าง ๆ มาก่อน   แต่ศิษยาภิบาลเรียนรู้แต่ละวันว่าตนจะนำชุมชนคริสตจักรเช่นไร   จะบริหารจัดการพันธกิจด้านต่าง ๆ ในคริสตจักรอย่างไร   ศิษยาภิบาลเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ประกอบศาสนพิธีต่าง ๆ   เรียนรู้ในแต่ละวันในการรับมือและจัดการกับความขัดแย้งต่าง ๆ   ศิษยาภิบาลเรียนรู้หลายเรื่องหลายราวจากงานที่ทำในแต่ละวัน   บางครั้งก็เป็นการเรียนรู้ที่หนักหนาสาหัสจากการลองลงมือทำ
  8. สมาชิกมักคิดว่า  ศิษยาภิบาลมีเพื่อนแท้มากมาย   แท้จริงศิษยาภิบาลมีคนที่รู้จักมากมาย   แต่มีเพื่อนแท้ที่เข้าใจน้อยเหลือเกิน   การทำพันธกิจจึงทำให้รู้สึกว่าต้องทำอย่างโดดเดี่ยว
  9. คนทั่วไปมักคิดว่าในครอบครัวของศิษยาภิบาลคงเป็นน้อง ๆ ของสวรรค์    ใช่อาจจะมองเห็นภาพเช่นนั้นในวันอาทิตย์ตอนเช้า   แต่ศิษยาภิบาลต่างก็ต้องประสบกับชีวิตจริงเหมือนคนอื่นทั่ว ๆ ไปในวันปกติทั่วไปในสัปดาห์   ครอบครัวของศิษยาภิบาลก็ต้องปล้ำสู้ และ เผชิญหน้ากับเหตุการณ์นานาประการเหมือนครอบครัวคนทั่วไป
  10. สมาชิกมักคิดว่า ศิษยาภิบาลมีแต่จะมองหาคริสตจักรที่ดีกว่า   บอกด้วยความจริงใจว่า   มีศิษยาภิบาลที่เป็นเช่นนั้นจริง   แต่เขาก็ไม่ได้สบายไปกว่าศิษยาภิบาลคนอื่นที่อุทิศทุ่มเทกับคริสตจักรที่พระเจ้าเรียกให้รับใช้อยู่   ศิษยาภิบาลส่วนใหญ่รักคริสตจักร   แม้ชุมชนคริสตจักรจะไม่ใช่ชุมชนที่สมบูรณ์ดีเด่นอะไรก็ตาม


ท่านมีประเด็นเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่ครับ?   ช่วยเพิ่มเติมครับ

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น