พระเยซูคริสต์ไม่เคยสัญญาว่า
ผู้ที่ติดตามเป็นสาวกของพระองค์เป็นเรื่องง่าย
สะดวก และจะมีชีวิตที่สบาย แต่พระองค์บอกคนทั้งหลายว่า
วิถีที่จะติดตามพระองค์นั้นเป็นเส้นทางที่คับแคบยากลำบาก ดังนั้น จึงมีคนเพียงน้อยนิดที่ตัดสินใจเดินทางนี้เพื่อที่จะติดตามพระองค์
(มัทธิว 7:14)
ความคิดความเชื่อที่ว่า เมื่อเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์แล้วจะมีชีวิตที่สะดวกสบายมั่งคั่ง และจะมีความสุขกว่าเดิมนี่เป็น
“พระกิตติคุณของใครไม่รู้” แต่เป็นคนละเรื่องกับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
พระคริสต์เคยบอกความจริงว่า วิถีทางที่คนส่วนใหญ่เลือกเดินไปนั้นเป็นเส้นทางกว้างใหญ่ สะดวกสบาย
และ ประตูที่นำไปสู่ทางนี้ก็กว้างใหญ่
ประตูกว้างและเส้นทางที่สะดวกสบายนี้นำไปสู่ความหายนะและความตาย (มัทธิว 7:13) พระเยซูคริสต์กลับสัญญาว่า
คนที่ตัดสินใจเลือกที่จะติดตามพระองค์จะพบกับความลำบากและเจ็บปวดในชีวิต แล้วยังต้องเต็มใจที่จะแบกกางเขนของตนทุกวันตามพระองค์ไป และเราท่านก็รู้ว่า กางเขน นั้นเป็นสัญญลักษณ์ถึงความเจ็บปวด การทนความทุกข์ยาก และความตาย
ด้วยเหตุนี้
พระเยซูคริสต์จึงเตือนคนที่คิดจะติดตามพระองค์อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาว่า ถ้าใครคิดที่จะติดตามเป็นสาวกของพระองค์ ขอคิดให้แน่ชัดก่อนว่า
คุ้มหรือไม่ที่จะติดตามพระเยซูคริสต์ หรือ ได้สิ่งที่ตนคาดหวังหรือไม่
เพราะคนส่วนใหญ่แล้วจิตใจยังผูกพันกับสิ่งที่สะดวกสบาย
จิตใจยังยึดติดอยู่กับอยากได้ใคร่มี ปรารถนาความยิ่งใหญ่ ต้องการให้ตนเป็นคนสำคัญ
เพราะคิดว่านั่นจะทำให้ชีวิตของตนมีความสุข แต่บ่อยครั้งเป็นความสุขชั่วครั้งชั่วคราวชั่วค่ำคืน(ฮีบรู
11:25)
เส้นทางที่คนเราเลือกส่วนใหญ่เป็นเส้นทางที่สนุก สะดวก สบาย เป็นเส้นทางที่นำความเพลิดเพลินมาสู่ชีวิต
แต่มันก็จะเกิดขึ้นกับชีวิตเพียงชั่วแวบหนึ่งเท่านั้น
เราท่านจำเป็นที่ต้องถามตนเองอย่างจริงจังและจริงใจว่า มันคุ้มค่าหรือไม่แค่ไหนที่เราจะติดตามพระเยซูคริสต์บนเส้นทางแห่งความทุกข์ยากลำบาก
และ ความตาย(ลูกา 14:28)
เพราะเป็นเส้นทางที่เราต้องยอมละทิ้งชีวิตแห่งความอยากได้ใคร่มี และ
ความปรารถนายิ่งใหญ่และสุขสบาย
แต่ปลายทางสิ่งที่เราจะได้คือ ชีวิตที่มีคุณค่าความหมายที่ยั่งยืนนิรันดร์
แม้วิถีชีวิตที่พระคริสต์ชวนเราติดตามจะเป็นเส้นทางของความรักเมตตา ที่
“ให้ชีวิต” “เสียสละชีวิต”
แต่ก็เพื่อให้เกิดชีวิตใหม่ที่พระคริสต์นำมาให้เราเช้าวันคืนพระชนม์ เป็นชีวิตใหม่เพื่อเราและเพื่อเพื่อนมนุษย์ทุกๆคน
ที่เราเลือกที่จะ “ให้ชีวิต” เพราะเราเชื่อว่า
แม้เราจะต้องเผชิญกับความทุกข์แสนสาหัส
แต่จะเกิดผลดีในที่สุด(โรม 8:28)
และสิ่งที่เกิดผลดีนี้มิใช่เพราะการเสียสละของเรา
แต่เป็นการทำงานของพระเจ้าในชีวิตของเราต่างหาก
พระคริสต์มิได้สัญญาว่าชีวิตที่ติดตามเป็นสาวกของพระองค์จะพบกับความราบรื่น
สุขสมอารมณ์หมาย ความสะดวกสบาย และจะเป็นชีวิตที่มั่งคั่งร่ำรวย แต่ตรงกันข้ามเลยครับ พระองค์บอกเราท่านแบบเปิดเผยตรงไปตรงมาว่า
ถ้าเราติดตามพระองค์ชีวิตของเรายังต้องพบกับความทุกข์ยากลำบาก ต้องประสบกับปัญหาที่หนักอึ้ง ต้องพบเจอกับความสิ้นหวัง บางครั้งจะถูกทำร้ายหมายหัว แต่ที่พระองค์พูดเช่นนี้มิได้ทำให้เราใจเสียหรือกลัวแล้วเลิกติดตามพระองค์
(2โครินธ์ 4:8-10)
แต่พระคริสต์ได้บอกความจริงในเรื่องนี้ว่า
แม้ว่าชีวิตที่ติดตามพระองค์จะต้องเผชิญกับปัญหา สิ่งเลวร้าย ความทุกข์ยาก
ผิดหวัง จนตรอก แต่พระคริสต์สัญญาว่า เราจะมี “สันติสุข” ท่ามกลางความทุกข์ยาก เราจะมี “ความชื่นชมยินดี”
ท่ามกลางความเจ็บปวดในชีวิต (ยอห์น 16:33)
พระคริสต์มิได้สัญญาว่าคนที่ติดตามเป็นสาวกของพระองค์จะได้รับความสุข
สะดวกสบาย ความมั่งคั่งร่ำรวย มียศเกียรติตำแหน่งอย่างใจปรารถนา หรือสำเร็จดั่งในคาดหมาย
แต่พระคริสต์สัญญาว่า
ผู้ที่ติดตามเป็นสาวกของพระองค์จะได้ชีวิตที่มีสันติสุขในพระองค์ มีความชื่นชมยินดีในทุกสถานการณ์ชีวิต แม้ในความทุกข์ยากลำบากที่กำลังทุกข์ทน และในความอยุติธรรมก็เกิดขึ้นกับตน หรือ ถูกหมายหัว ขัดขวาง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ฉ้อฉลเกมโกง หรือ แม้แต่กำลังถูก “เลื่อยขาเก้าอี้” ในเวลานี้ก็ตาม
“เราบอกเรื่องนี้กับพวกท่าน
เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา
ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก
แต่จงมีใจกล้าเถิด เพราะว่าเราชนะโลกแล้ว” (ยอห์น 16:33 มตฐ.)
“ยิ่งกว่านั้น
เราก็ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย
เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น
ทำให้เกิดความทรหดอดทน” (โรม 5:3 มตฐ.)
“เพราะพระเจ้าทรงให้พระคุณแก่ท่านเพราะเห็นแก่พระคริสต์
ไม่ใช่ให้ท่านทั้งหลายเชื่อในพระองค์เท่านั้น
แต่ให้ทนทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พระองค์ด้วย”
(ฟิลิปปี 1:29 มตฐ.)
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น