04 เมษายน 2559

ชื่นชมคนที่นำพระพรมาในชีวิตเรา

มีเรื่องเล่าว่า  มีชายชราคนหนึ่งที่ชอบหนังสือเก่าแก่ที่มีอายุมาก  

วันหนึ่งเขาพบกับเพื่อน...    เพื่อนของเขาคนนี้ได้เอาหนังสือพระคัมภีร์เก่าเล่มหนึ่งที่เคยเก็บไว้ในหีบเก็บของเก่าของตระกูลทิ้งไป    โดยให้เหตุผลถึงการทิ้งว่า  ตอนนี้ตาก็ไม่ดีแล้ว  อ่านก็อ่านไม่ได้   และดูเก่าแก่มาก  เปลืองพื้นที่ในหีบเก็บสมบัติ”  ...  เขาบอกต่อไปว่า...  

“เปิดดูข้างในหนังสือหน้าแรกพิมพ์ไว้ว่า กูเทน... อะไรทำนองนั้น   ฉันจำไม่ได้”

“ไม่ใช่พิมพ์ว่า กูเทนเบอร์กนะ”   ชายชราผู้รักหนังสือเก่าแก่ร้องเสียงหลงขึ้นทันที  เขาอธิบายต่อว่า  “พระคัมภีร์ที่พิมพ์โดยกูเทนเบอร์ก   เป็นพระคัมภีร์พิมพ์ฉบับแรกเลย   และถ้าใครมีพระคัมภีร์ฉบับนี้เขาตั้งราคาเล่มละสองล้านเหรียญ”   แต่ดูเพื่อนของเขาไม่รู้สึกแยแสอะไร   แล้วยังกล่าวขึ้นว่า  “หนังสือเก่าเล่มนั้นขายราคาหนึ่งเหรียญก็ไม่ได้หรอก   ยิ่งกว่านั้น  ใครไม่รู้ที่ชื่อว่า มาร์ติน ลูเธอร์  เขียนอะไรต่อมิอะไรไม่รู้...ด้วยตัวหนังสือหวัดๆ ขยุกขยิก เป็นภาษาเยอรมัน   ดูเลอะเทอะ รกรุงรังทั่วหนังสือทั้งเล่มด้วย”  

ชายชราผู้รักหนังสือเก่าแก่  โอดครวญในใจด้วยความเจ็บปวด   ที่เพื่อนของเขาได้ทิ้งพระคัมภีร์ที่พิมพ์ครั้งแรกในโลก   พร้อมด้วยการข้อบันทึกของ มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคนหนึ่งในการปฏิรูปศาสนา   และผู้ทุ่มเทในการแปลพระคัมภีร์จากภาษาดั้งเดิมให้เป็นภาษาเยอรมันเพื่อปุถุชนคนเยอรมันจะมีพระคัมภีร์อ่านในภาษาของตน  

บางครั้งเราไม่รู้ถึงคุณค่าของสิ่งของบางอย่าง หรือ คนบางคน   เพียงเพราะเรามองว่าเป็นของเก่าไร้ค่าไม่เป็นประโยชน์สำหรับเรา หรือ มองว่าเป็นคนธรรมดาสามัญ  ชาวบ้าน  คนต่ำต้อย   จนกว่าสิ่งเหล่านั้น หรือ คน ๆ นั้นถูกทิ้งหรือจากเราไปแล้ว...  

มีบางคนใช่ไหมที่เราพบเห็นเขาทุกเมื่อเชื่อวัน   แต่เราไม่เคยรู้สึกถึงคุณค่าของเขาเลย   ไม่เคยรู้สึกว่าเขาเป็นพระพรในชีวิตของเรา    ไม่เคยรู้สึกขอบคุณเขาในชีวิตของเรา   จนวันหนึ่งเขาตายจากเรา หรือ หายหน้าจากเรา  ไม่ได้พบเขาอีกเลย   แล้วเราเพิ่งมารู้ซึ้งถึงความสำคัญเขา  เขาเป็นพระพรที่มีในชีวิตของเรา   เราท่านเคยพบประสบเหตุการณ์เช่นนี้ไหม

ในวันนี้   อย่ามองข้ามคนที่เราพบเห็นในชีวิต   แต่ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับคนเหล่านั้นที่เราพบ   ครอบครัวที่เราอยู่ด้วย   เพื่อนร่วมงานที่เราทำงานด้วย   ทีมงานที่ทุ่มเททำงานด้วยกัน   เพื่อนบ้านที่คอยเอาใจใส่บ้านของเราในเวลาที่เราไม่อยู่ (ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยร้องขอ)   ใครบางคนในหมู่บ้านที่ยิ้มให้กับเราทุกครั้งที่พบเห็น(ทั้ง ๆ ที่ชื่อก็ไม่รู้จัก)   จราจรที่อดทนแหวกว่ายร่ายรำอยู่กลางสี่แยกเพื่ออำนวยให้รถราบนท้องถนนขับไปอย่างเป็นระเบียบทุกเช้าเย็นที่เราผ่านเลยจราจรคนนั้นไปทุกวัน

ทำไมเรามองข้ามคุณค่าของคนเหล่านั้นทั้งที่เขาเป็นพระพรในชีวิตของเรา?

แล้วเราจะมีมิตรภาพและความรัก และรู้สึกขอบคุณต่อคนเหล่านี้ที่มีพระพรในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร?   เราจะแสดงความชื่นชมในตัวเขา  แทนการละเลย มองข้ามได้อย่างไร?

...จง​หนุน​ใจ​กัน​และ​กัน​ทุก​วัน ตลอด​เวลา​ที่​เรียก​กัน​ว่า วัน​นี้...”  (ฮีบรู 3:13 มตฐ.)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น