มีเรื่องเล่าว่า มีชายชราคนหนึ่งที่ชอบหนังสือเก่าแก่ที่มีอายุมาก
วันหนึ่งเขาพบกับเพื่อน... เพื่อนของเขาคนนี้ได้เอาหนังสือพระคัมภีร์เก่าเล่มหนึ่งที่เคยเก็บไว้ในหีบเก็บของเก่าของตระกูลทิ้งไป โดยให้เหตุผลถึงการทิ้งว่า ตอนนี้ตาก็ไม่ดีแล้ว อ่านก็อ่านไม่ได้ และดูเก่าแก่มาก เปลืองพื้นที่ในหีบเก็บสมบัติ” ...
เขาบอกต่อไปว่า...
“เปิดดูข้างในหนังสือหน้าแรกพิมพ์ไว้ว่า
กูเทน... อะไรทำนองนั้น ฉันจำไม่ได้”
“ไม่ใช่พิมพ์ว่า กูเทนเบอร์กนะ” ชายชราผู้รักหนังสือเก่าแก่ร้องเสียงหลงขึ้นทันที เขาอธิบายต่อว่า “พระคัมภีร์ที่พิมพ์โดยกูเทนเบอร์ก เป็นพระคัมภีร์พิมพ์ฉบับแรกเลย และถ้าใครมีพระคัมภีร์ฉบับนี้เขาตั้งราคาเล่มละสองล้านเหรียญ” แต่ดูเพื่อนของเขาไม่รู้สึกแยแสอะไร แล้วยังกล่าวขึ้นว่า
“หนังสือเก่าเล่มนั้นขายราคาหนึ่งเหรียญก็ไม่ได้หรอก ยิ่งกว่านั้น
ใครไม่รู้ที่ชื่อว่า มาร์ติน ลูเธอร์
เขียนอะไรต่อมิอะไรไม่รู้...ด้วยตัวหนังสือหวัดๆ ขยุกขยิก เป็นภาษาเยอรมัน ดูเลอะเทอะ รกรุงรังทั่วหนังสือทั้งเล่มด้วย”
ชายชราผู้รักหนังสือเก่าแก่ โอดครวญในใจด้วยความเจ็บปวด
ที่เพื่อนของเขาได้ทิ้งพระคัมภีร์ที่พิมพ์ครั้งแรกในโลก พร้อมด้วยการข้อบันทึกของ มาร์ติน ลูเธอร์
ผู้นำคนหนึ่งในการปฏิรูปศาสนา และผู้ทุ่มเทในการแปลพระคัมภีร์จากภาษาดั้งเดิมให้เป็นภาษาเยอรมันเพื่อปุถุชนคนเยอรมันจะมีพระคัมภีร์อ่านในภาษาของตน
บางครั้งเราไม่รู้ถึงคุณค่าของสิ่งของบางอย่าง
หรือ คนบางคน เพียงเพราะเรามองว่าเป็นของเก่าไร้ค่าไม่เป็นประโยชน์สำหรับเรา
หรือ มองว่าเป็นคนธรรมดาสามัญ
ชาวบ้าน คนต่ำต้อย จนกว่าสิ่งเหล่านั้น หรือ คน ๆ นั้นถูกทิ้งหรือจากเราไปแล้ว...
มีบางคนใช่ไหมที่เราพบเห็นเขาทุกเมื่อเชื่อวัน แต่เราไม่เคยรู้สึกถึงคุณค่าของเขาเลย ไม่เคยรู้สึกว่าเขาเป็นพระพรในชีวิตของเรา ไม่เคยรู้สึกขอบคุณเขาในชีวิตของเรา จนวันหนึ่งเขาตายจากเรา หรือ
หายหน้าจากเรา ไม่ได้พบเขาอีกเลย แล้วเราเพิ่งมารู้ซึ้งถึงความสำคัญเขา เขาเป็นพระพรที่มีในชีวิตของเรา เราท่านเคยพบประสบเหตุการณ์เช่นนี้ไหม
ในวันนี้
อย่ามองข้ามคนที่เราพบเห็นในชีวิต
แต่ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับคนเหล่านั้นที่เราพบ ครอบครัวที่เราอยู่ด้วย เพื่อนร่วมงานที่เราทำงานด้วย ทีมงานที่ทุ่มเททำงานด้วยกัน
เพื่อนบ้านที่คอยเอาใจใส่บ้านของเราในเวลาที่เราไม่อยู่ (ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยร้องขอ)
ใครบางคนในหมู่บ้านที่ยิ้มให้กับเราทุกครั้งที่พบเห็น(ทั้ง ๆ ที่ชื่อก็ไม่รู้จัก)
จราจรที่อดทนแหวกว่ายร่ายรำอยู่กลางสี่แยกเพื่ออำนวยให้รถราบนท้องถนนขับไปอย่างเป็นระเบียบทุกเช้าเย็นที่เราผ่านเลยจราจรคนนั้นไปทุกวัน
ทำไมเรามองข้ามคุณค่าของคนเหล่านั้นทั้งที่เขาเป็นพระพรในชีวิตของเรา?
แล้วเราจะมีมิตรภาพและความรัก และรู้สึกขอบคุณต่อคนเหล่านี้ที่มีพระพรในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร? เราจะแสดงความชื่นชมในตัวเขา แทนการละเลย มองข้ามได้อย่างไร?
...จงหนุนใจกันและกันทุกวัน
ตลอดเวลาที่เรียกกันว่า “วันนี้...”
(ฮีบรู 3:13 มตฐ.)
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น