เราท่านต่างเคยเกิดความวิตกกังวลขึ้นทั้งนั้น? ท่านพอจะบอกได้ไหมว่า
ความวิตกกังวลคืออะไร?
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เมื่อเกิดความวิตกกังวลเราท่านจัดการกับมันอย่างไรบ้าง? และเกิดผลอย่างไรบ้าง?
ความวิตกกังวลเกิดขึ้นเพราะ มีบางสิ่งบางเรื่องที่เราไม่รู้ หรือ
ไม่มั่นใจว่า มันจะเกิดผลอย่างไร หรือ มันจะ “ออกหัวออกก้อย”
ในขณะที่เรามีความต้องการให้เกิดผลอย่างใจปรารถนาของเรา
แต่ในเวลาเดียวกันเราไม่สามารถที่จะควบคุมหรือจัดการมันให้เกิดผลอย่างที่เราต้องการ
และที่แน่นอนเพราะเราไม่มั่นใจว่าเรามีความสามารถที่จะจัดการควบคุมมันได้มากน้อยแค่ไหน
และสิ่งที่ทำให้ความกังวลวนซ้ำซากในห้วงความนึกคิดและความรู้สึกของเราในเวลานั้นคือความกลัว
กลัวว่ามันจะเป็นต่างไปจากที่ใจเราปรารถนาใช่ไหม? เรากลัวว่าพระเจ้าจะไม่ทำอย่างที่เราต้องการ...เราจึงวิตกกังวล
เราไม่วางใจในสิ่งดี
ๆ และสถานการณ์ที่สร้างสรรค์จากพระเจ้าใช่ไหม?
แต่เราต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราต้องการใช่ไหม?
เราไม่ไว้วางใจว่าสิ่งที่พระเจ้าจะทรงกระทำนั้นดีอย่างที่เราปรารถนา...เราจึงวิตกกังวลใช่ไหม?
การวิตกกังวลคือการที่เราไม่ไว้วางใจในพระเจ้า...ใช่ไหม?
พระเยซูคริสต์สอนว่า
พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นในชีวิตผ่านระบบการทรงสร้างของพระองค์ เช่น พระเจ้าสร้างระบบธรรมชาติที่จะเกื้อกูลหนุนเสริมกัน
พระองค์ยกตัวอย่างนกในอากาศที่พระเจ้าทรงสร้าง พวกมันไม่ต้องทำงาน ไม่ปั่นด้าย
ไม่มียุ้งฉางเหมือนอย่างที่มนุษย์มี
แต่พวกมันจะได้รับอาหารตามความจำเป็นในชีวิตของมัน
พระเจ้าทรงจัดเตรียมเลี้ยงดูมันผ่านระบบธรรมชาติที่พระองค์ทรงสร้าง และพระองค์ก็ทรงใส่ใจถึงสิ่งจำเป็นในชีวิต
(มัทธิว 6:25-26)
25 “เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า
อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่าจะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม
และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารไม่ใช่หรือ?
และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มไม่ใช่หรือ? (มัทธิว 6:25 มตฐ.)
พระเยซูคริสต์บอกให้เราไว้วางใจในการทรงจัดเตรียม
และ การเอาใจใส่ของพระเจ้า เพราะแม้แต่นก
และ ดอกไม้ในทุ่ง พระองค์ยังทรงใส่ใจ
แล้วพระเจ้าจะไม่ใส่ใจมนุษย์ยิ่งกว่านั้นหรือ? กังวลทำไม?
ทำไมท่านไม่ไว้วางใจพระเจ้าล่ะ?
แล้วจะวิตกกังวลไปทำไม?
แต่ก็แปลกนะครับ คนเราต่างยังวิตกกังวลอยู่มากมายทั้ง ๆ ที่ผลวิจัยบอกว่า
85%
ที่คนเราวิตกกังวลไม่เกิดขึ้นอย่างที่มนุษย์วิตกกังวลกัน แต่เราก็ยังวิตกกังวลอยู่?
ในสายตามุมมองของพระเยซูคริสต์มองว่า การวิตกกังวลคือการที่เราบอกกับพระเจ้าว่า “เราไม่ได้วางใจในพระเจ้าในเรื่องนั้น”
พระเยซูคริสต์กล่าวเปรียบเทียบให้เห็นจริงว่า “28
ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม?
จงพิจารณาดูว่าดอกไม้ในทุ่งนานั้นเติบโตขึ้นอย่างไร
มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย 29
แต่เราบอกพวกท่านว่า
แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อทรงบริบูรณ์ด้วยศักดิ์ศรีก็ไม่ได้แต่งพระองค์งามเท่าดอกไม้เหล่านี้สักดอกหนึ่ง...”
(มัทธิว 6:28-29 มตฐ.)
การที่เราวิตกกังวลในเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นจริงนั่นเป็นความนึกคิดและความรู้สึกที่
“ไม่ใช่เรื่อง” “ไม่มีเหตุผล” “ไม่มีเป้าหมาย” ใช่ไหม? แล้วหลายครั้งที่เราวิตกกังวลเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือที่เราจะจัดการควบคุมเปลี่ยนแปลงได้
แล้วเราวิตกกังวลไปทำไมกัน? ยิ่งกว่านั้น การที่เราวิตกกังวลในเรื่องนั้น
เรากำลังบอกพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ไม่มั่นใจในพระองค์ว่า
จะจัดการเรื่องนั้นได้” ใช่หรือไม่? หรือกลัวว่า
พระเจ้าจะไม่ทำให้เป็นไปตามใจปรารถนาของเราหรือเปล่า?
การวิตกกังวลทำให้สูญเสียพลังในการดำเนินชีวิต
การวิตกกังวลไม่สามารถยืดความยาวของชีวิตออกไปแม้แต่นิดเดียว
(มัทธิว 6:27) ตรงกันข้ามครับ
การวิตกกังวลกลับทำลายพลังการดำเนินชีวิตของเราให้ลดน้อยถอยลง แพทย์บอกว่าสำหรับบางคน อาการโรคภูมิแพ้ หรือ
มะเร็งที่เพิ่มรุนแรงขึ้นเพราะ เจ้าตัวเกิดความวิตกกังวลมาก และการวิตกกังวลไปลดพลังของระบบภูมิคุ้มกันในชีวิตของคนนั้น
ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง เป็นโอกาสที่เชื้อโรคและความเจ็บป่วยจู่โจมเข้าในชีวิต
การวิตกกังวลไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น
แต่กลับทำลายพลังการขับเคลื่อนชีวิตให้อ่อนกำลังลง ความวิตกกังวลกลับกลายเป็นการสร้างปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นในชีวิตของคนนั้นมิใช่หรือ? แล้วเราคิดว่า
เมื่อใครคนใดคนหนึ่งที่เกิดการวิตกกังวลในชีวิต
พระเจ้าจะรู้สึกอย่างไรกับคนนั้น
ที่แสดงถึงการไม่ไว้วางใจในการทรงใส่ใจชีวิตของเขา? ท่านเคยทำอย่างที่ว่านี้กับพระเจ้าไหม?
พระวจนะของพระเจ้าได้สัญญาว่า
“พระยาห์เวห์จะไม่ทรงปล่อยให้คนชอบธรรมหิว...”
(สุภาษิต 10:3 มตฐ.)
ท่านจะไว้วางใจพระเจ้าในเรื่องนี้ได้ไหม? ท่านเชื่อในพระวจนะของพระองค์หรือไม่?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น