ตอนนี้เราจะเห็นว่า ได้มีการใช้สื่อทันสมัยในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งในการประชาสัมพันธ์ การโฆษณาถึงคริสตจักร และ
กิจกรรมที่ทำในคริสตจักร
บ้างลงในเฟสบุ๊คเชิญชวนให้ผู้คนไปร่วม
บางคริสตจักรลงทุนถึงกับมีมุมกาแฟสดสำหรับคนที่มาร่วมนมัสการพระเจ้าในคริสตจักร มีอาหารกลางวัน หรือ สิ่งดึงดูดอีกมากมาย
เรียกได้ว่าคริสตจักรในตอนนี้ใช้วิธีการตลาดในการทำงานพันธกิจของตนด้วย แต่ผมคิดแล้วคิดอีก
ใคร่ครวญแล้วใคร่ครวญอีกว่า
นี่เป็นคำตอบในการทำพันธกิจของคริสตจักรที่ทำตามการทรงเรียกและบัญชาของพระคริสต์หรือไม่?
อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ ใช่ครับ ผมอายุ 66
แต่ไม่พยายามทำตัวให้ล้าสมัยครับ
ผมไม่ต่อต้านใช้การตลาดกับงานพันธกิจของคริสตจักร หรือใช้การตลาดกับการขยายคริสตจักรนะครับ หรือ ใช้การตลาดเพื่อให้คนได้ยินได้ฟังพระกิตติคุณเพิ่มมากขึ้น ผมไม่ได้ต่อต้านเรื่องเหล่านี้นะครับ
และกลับเห็นดีด้วย
แต่ผมเห็นว่า...ถ้าอยากจะใช้การตลาดในการขยายคริสตจักรละก็ สิ่งที่จะต้องพิจารณาก่อนคือ
คริสตจักรและคนในคริสตจักรของเรามีสภาพชีวิตพร้อมที่จะรับคนทั้งหลายที่จะเข้ามายังคริสตจักรหรือไม่? หรือ
เราต้องการเห็นคนเข้ามามากมายแล้วก็จากไปไม่หวนกลับมาอีก? ถ้าเช่นนั้น เรากำลังใช้กลยุทธการตลาดกับ
“คริสตจักรถุงก้นรั่ว” ครับ
คงต้องพูดกันแบบตรงไปตรงมาอย่างจริงใจนะครับว่า...
ถ้าคริสตจักรของเราชะงัก ไม่เติบโต ... การตลาดไม่ใช่คำตอบ
ถ้าคนในคริสตจักรมีชีวิตที่ไม่เปลี่ยนแปลง
... การตลาดไม่ใช่คำตอบ
ถ้าคริสตจักรของเรามีปัญหาภายใน
การตลาดไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นของเรา
สื่อสารออนไลน์ทันสมัยเหล่านั้นไม่สามารถแก้ปัญหาภายในของเราได้ ต่อให้มีป้ายโฆษณาข้างถนน มุมสี่แยกใหญ่มหึมาก็ช่วยแก้ปัญหาของคริสตจักรไม่ได้ หรือ จะพิมพ์เอกสารเชิญชวนที่สีสันน่าสนใจก็ไม่ช่วยให้ปัญหาในคริสตจักรหมดไปได้ หรือ
ต่อให้จัดมุมกาแฟสดรสเลิศในคริสตจักรบริการฟรีสำหรับคนมาร่วมนมัสการพระเจ้า ก็ช่วยแก้ปัญหาภายในคริสตจักรไม่ได้ หรือ ช่วยทำให้ชีวิตของคนในคริสตจักรดีขึ้นไม่ได้
จึงเห็นชัดเจนว่า ถ้าชีวิตคริสตจักรภายในไม่มีการเปลี่ยนแปลง
พัฒนาที่มีชีวิตเยี่ยงพระคริสต์แล้ว
ต่อให้มือการตลาดที่ฉมังระดับเซียนเหยียบโลกก็ช่วยอะไรคริสตจักรนั้นไม่ได้?
ดังนั้น
จุดเริ่มต้นของการทำตามแบบพระคริสต์และตามพระบัญชาของพระองค์ สิ่งที่ต้องกลับมามองและเอาจริงเอาจังคือ
การตรวจสอบความพร้อมและเข้มแข็งของคริสตจักรก่อนดังนี้
? คนในคริสตจักรยังเชื้อเชิญเพื่อนของเขามาร่วมในชีวิตคริสตจักรอยู่หรือไม่
? สภาพ และ
บริบทในคริสตคจักรทำให้คนที่มาคริสตจักรแล้วอยากกลับมาอีกหรือไม่
? คริสตจักรเสริมสร้างให้ผู้คนในคริสตจักรมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันหรือไม่
? คริสตจักรของเราสามารถตอบโจทย์ชีวิตของคนที่มาหรือไม่
? คริสตจักรของเราใส่ใจและไวต่อการทรงนำของพระเจ้าหรือไม่
กลยุทธการตลาดจะไม่ช่วยชีวิตคริสตจักรเลยถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้...
- ถ้าคริสตจักรไม่ใส่ใจที่จะทำในสิ่งที่ ตนพูด สอน เทศน์
- อย่าเข้าใจผิด “ความดัง” ของคริสตจักร มิได้ชี้วัดว่า คริสตจักรดังกล่าวดีกว่า
- ต้องระวัง กลยุทธการตลาดอาจจะทำให้คริสตจักรมัวแต่จะสร้างการประชาสัมพันธ์ แต่ไม่ได้ใส่ใจสิ่งสำคัญที่คริสตจักรสื่อสารกับผู้คน
- กลยุทธการตลาดมักพยายามชี้ให้คนอื่นเห็นว่าเรานั้นสำคัญและยิ่งใหญ่ แทนที่จะมีชีวิตที่สื่อสารและทำพันธกิจที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตทั้งผู้คนและสังคม
- คริสตจักรต้องระวังและตระหนักชัดว่า เราไม่สามารถบีบให้ผู้คนให้ต้องการอย่างที่เราคิดว่าเขาต้องการ
- คริสตจักรพึงตระหนักชัดว่า เราควรลดการพยายามที่จะแข่งขัน แต่ทุ่มเทใส่ใจที่จะสื่อสารข่าวดีของพระคริสต์ผ่านการดำเนินชีวิตของเรา
- เรารู้ว่าเราต่างพยายามที่จะเข้าถึงผู้คนทุกคน แต่ในเวลาเดียวกันเราก็รู้แน่แก่ใจว่า เราไม่สามารถที่จะเข้าถึงทุกคนได้ ดังนั้น เราต้องพึ่งในพระกำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
- สิ่งที่สำคัญคือ การกระทำ เราต้องทำในสิ่งที่เราสอน เราเทศน์ หรือ เราพูด มิใช่ดีแต่พูดเท่านั้น
ผมไม่ต่อต้านในการที่คริสตจักรอาจจะเลือกใช้กลยุทธการตลาดในพันธกิจคริสตจักรของท่าน แต่ใคร่ให้เราพิจารณาอย่างดีว่า ชีวิตภายในคริสตจักรของเราพร้อมที่จะรับและทำพันธกิจข่าวดีของพระเยซูคริสต์ที่เข้าในชีวิตคริสตจักรของเราแล้วหรือยัง? ถ้าชีวิตข้างในยังมีปัญหา ยังไม่พร้อม
ให้เราเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงชีวิตในคริสตจักร และ
พัฒนาเสริมสร้างให้แต่ละคนเป็นคนที่พระคริสต์จะใช้ได้ในชีวิตประจำวันของเขาดีไหมครับ?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น