23 มีนาคม 2560

ใช้กลยุทธการตลาดกับการขยายคริสตจักร... ใช่คำตอบหรือ???

ตอนนี้เราจะเห็นว่า   ได้มีการใช้สื่อทันสมัยในรูปแบบต่าง ๆ   ทั้งในการประชาสัมพันธ์  การโฆษณาถึงคริสตจักร และ กิจกรรมที่ทำในคริสตจักร   บ้างลงในเฟสบุ๊คเชิญชวนให้ผู้คนไปร่วม  บางคริสตจักรลงทุนถึงกับมีมุมกาแฟสดสำหรับคนที่มาร่วมนมัสการพระเจ้าในคริสตจักร   มีอาหารกลางวัน หรือ สิ่งดึงดูดอีกมากมาย  เรียกได้ว่าคริสตจักรในตอนนี้ใช้วิธีการตลาดในการทำงานพันธกิจของตนด้วย   แต่ผมคิดแล้วคิดอีก ใคร่ครวญแล้วใคร่ครวญอีกว่า   นี่เป็นคำตอบในการทำพันธกิจของคริสตจักรที่ทำตามการทรงเรียกและบัญชาของพระคริสต์หรือไม่?

อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ   ใช่ครับ ผมอายุ 66 แต่ไม่พยายามทำตัวให้ล้าสมัยครับ   ผมไม่ต่อต้านใช้การตลาดกับงานพันธกิจของคริสตจักร   หรือใช้การตลาดกับการขยายคริสตจักรนะครับ  หรือ ใช้การตลาดเพื่อให้คนได้ยินได้ฟังพระกิตติคุณเพิ่มมากขึ้น   ผมไม่ได้ต่อต้านเรื่องเหล่านี้นะครับ และกลับเห็นดีด้วย

แต่ผมเห็นว่า...ถ้าอยากจะใช้การตลาดในการขยายคริสตจักรละก็   สิ่งที่จะต้องพิจารณาก่อนคือ   คริสตจักรและคนในคริสตจักรของเรามีสภาพชีวิตพร้อมที่จะรับคนทั้งหลายที่จะเข้ามายังคริสตจักรหรือไม่?   หรือ เราต้องการเห็นคนเข้ามามากมายแล้วก็จากไปไม่หวนกลับมาอีก?   ถ้าเช่นนั้น เรากำลังใช้กลยุทธการตลาดกับ “คริสตจักรถุงก้นรั่ว” ครับ

คงต้องพูดกันแบบตรงไปตรงมาอย่างจริงใจนะครับว่า...

ถ้าคริสตจักรของเราชะงัก  ไม่เติบโต ...   การตลาดไม่ใช่คำตอบ

ถ้าคนในคริสตจักรมีชีวิตที่ไม่เปลี่ยนแปลง ...  การตลาดไม่ใช่คำตอบ

ถ้าคริสตจักรของเรามีปัญหาภายใน    การตลาดไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นของเรา   สื่อสารออนไลน์ทันสมัยเหล่านั้นไม่สามารถแก้ปัญหาภายในของเราได้   ต่อให้มีป้ายโฆษณาข้างถนน มุมสี่แยกใหญ่มหึมาก็ช่วยแก้ปัญหาของคริสตจักรไม่ได้   หรือ จะพิมพ์เอกสารเชิญชวนที่สีสันน่าสนใจก็ไม่ช่วยให้ปัญหาในคริสตจักรหมดไปได้   หรือ ต่อให้จัดมุมกาแฟสดรสเลิศในคริสตจักรบริการฟรีสำหรับคนมาร่วมนมัสการพระเจ้า   ก็ช่วยแก้ปัญหาภายในคริสตจักรไม่ได้   หรือ ช่วยทำให้ชีวิตของคนในคริสตจักรดีขึ้นไม่ได้

จึงเห็นชัดเจนว่า   ถ้าชีวิตคริสตจักรภายในไม่มีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาที่มีชีวิตเยี่ยงพระคริสต์แล้ว   ต่อให้มือการตลาดที่ฉมังระดับเซียนเหยียบโลกก็ช่วยอะไรคริสตจักรนั้นไม่ได้?

ดังนั้น  จุดเริ่มต้นของการทำตามแบบพระคริสต์และตามพระบัญชาของพระองค์   สิ่งที่ต้องกลับมามองและเอาจริงเอาจังคือ การตรวจสอบความพร้อมและเข้มแข็งของคริสตจักรก่อนดังนี้

? คนในคริสตจักรยังเชื้อเชิญเพื่อนของเขามาร่วมในชีวิตคริสตจักรอยู่หรือไม่
? สภาพ และ บริบทในคริสตคจักรทำให้คนที่มาคริสตจักรแล้วอยากกลับมาอีกหรือไม่
? คริสตจักรเสริมสร้างให้ผู้คนในคริสตจักรมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันหรือไม่
? คริสตจักรของเราสามารถตอบโจทย์ชีวิตของคนที่มาหรือไม่
? คริสตจักรของเราใส่ใจและไวต่อการทรงนำของพระเจ้าหรือไม่

กลยุทธการตลาดจะไม่ช่วยชีวิตคริสตจักรเลยถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้...
  • ถ้าคริสตจักรไม่ใส่ใจที่จะทำในสิ่งที่ ตนพูด สอน เทศน์
  • อย่าเข้าใจผิด  “ความดัง” ของคริสตจักร  มิได้ชี้วัดว่า คริสตจักรดังกล่าวดีกว่า
  • ต้องระวัง  กลยุทธการตลาดอาจจะทำให้คริสตจักรมัวแต่จะสร้างการประชาสัมพันธ์   แต่ไม่ได้ใส่ใจสิ่งสำคัญที่คริสตจักรสื่อสารกับผู้คน
  • กลยุทธการตลาดมักพยายามชี้ให้คนอื่นเห็นว่าเรานั้นสำคัญและยิ่งใหญ่   แทนที่จะมีชีวิตที่สื่อสารและทำพันธกิจที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตทั้งผู้คนและสังคม
  • คริสตจักรต้องระวังและตระหนักชัดว่า   เราไม่สามารถบีบให้ผู้คนให้ต้องการอย่างที่เราคิดว่าเขาต้องการ
  • คริสตจักรพึงตระหนักชัดว่า  เราควรลดการพยายามที่จะแข่งขัน   แต่ทุ่มเทใส่ใจที่จะสื่อสารข่าวดีของพระคริสต์ผ่านการดำเนินชีวิตของเรา
  • เรารู้ว่าเราต่างพยายามที่จะเข้าถึงผู้คนทุกคน   แต่ในเวลาเดียวกันเราก็รู้แน่แก่ใจว่า  เราไม่สามารถที่จะเข้าถึงทุกคนได้   ดังนั้น เราต้องพึ่งในพระกำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
  • สิ่งที่สำคัญคือ   การกระทำ   เราต้องทำในสิ่งที่เราสอน เราเทศน์ หรือ เราพูด   มิใช่ดีแต่พูดเท่านั้น


ผมไม่ต่อต้านในการที่คริสตจักรอาจจะเลือกใช้กลยุทธการตลาดในพันธกิจคริสตจักรของท่าน   แต่ใคร่ให้เราพิจารณาอย่างดีว่า   ชีวิตภายในคริสตจักรของเราพร้อมที่จะรับและทำพันธกิจข่าวดีของพระเยซูคริสต์ที่เข้าในชีวิตคริสตจักรของเราแล้วหรือยัง?   ถ้าชีวิตข้างในยังมีปัญหา  ยังไม่พร้อม    ให้เราเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงชีวิตในคริสตจักร และ พัฒนาเสริมสร้างให้แต่ละคนเป็นคนที่พระคริสต์จะใช้ได้ในชีวิตประจำวันของเขาดีไหมครับ?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น