สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีคือ “นิสัย”
นิสัยคือพฤติกรรมที่คน ๆ นั้นทำอย่างคุ้นชิน บ่อยครั้ง ทำโดยไม่จำเป็นต้องคิดไตร่ตรอง บ่อยครั้งที่ทำเพราะพลังของจิตใต้สำนึก เมื่อนิสัยเป็นสิ่งที่เรากระทำด้วยความคุ้นชินเช่นนี้
หลายครั้งเราจึงทำอะไรต่อมิอะไรโดยไม่ต้องถามตนเองว่า “ทำไมถึงคิด ถึงทำเช่นนั้น?” น่าอันตรายคือ “นิสัย”
กลายเป็นตราประทับว่า
สิ่งที่ทำนั้นถูกต้องควรทำโดยไม่จำเป็นต้องคิดทบทวนใคร่ครวญอะไร และแย่ยิ่งกว่านั้น
นิสัยมีอิทธิพลต่อการขีดกรอบคิด/กล่องคิด หรือ มุมมองของเราในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่แตกต่างไปจากความคุ้นชินของเราทำใช่ไหม? ดังนั้น
เมื่อทำอะไรเป็นนิสัยจึงเป็นความยากที่เราจะเปิดใจรับสิ่งใหม่ถึงแม้สิ่งใหม่จะมีความสำคัญแค่ไหนก็ตาม
ทุกวันนี้
เราเข้าร่วมนมัสการพระเจ้าด้วยความคุ้นชินสิ่งต่าง ๆ ที่เราทำมาเป็น
“นิสัย” หรือไม่? ถ้าใช่
นั่นกำลังเป็นสัญญาณบอกถึงอันตรายในการนมัสการพระเจ้าของเรา
การนมัสการพระเจ้าอย่างคุ้นชิน
เกิดจากประสบการณ์และนิสัยที่ถูกหล่อหลอมจนตกตะกอนเป็นนิสัยของแต่ละคน และ
เป็น “นิสัยร่วม” ของกลุ่มคนที่มานมัสการพระเจ้าร่วมกัน
คนกลุ่มนี้จึงคุ้นชินกับวิธีการนมัสการที่เคยทำกันมาและยากที่จะเปลี่ยนแปลง
เพราะเขาเชื่อว่านี่เป็นวิธีที่เป็นสัจจะถูกต้อง!
เป็นการนมัสการพระเจ้าไปตามขั้นตอนวิธีการที่กำหนดมาแล้ว ทำตามที่ผู้นำได้เตรียมและได้นำ และขอตั้งข้อสังเกตว่า
การนมัสการพระเจ้าที่ว่านี้มิได้พุ่งล้นจากภายในจิตใจ ความคิด
ส่วนลึกของชีวิตของผู้คนที่นมัสการพระเจ้า
ทั้ง ๆ ที่ “หัวใจของการนมัสการมิใช่เพลง
ดนตรีที่ใช้ เครื่องเสียง และ
สไตล์การนำนมัสการ และ การเทศนาของผู้นำ
แต่เป็นเรื่องของ “จิตใจ” และ “ความคิด” และ
ทั้งชีวิตที่ชื่นชมยินดีด้วยความยำเกรงในองค์พระเยซูคริสต์”
Matt Redman ซึ่งเป็นนักประพันธ์เพลงนมัสการ และ
ผู้นำนมัสการในคริสตจักร
ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในคริสตจักรที่เขาร่วมนมัสการพระเจ้าว่า ผู้เข้าร่วมนมัสการพระเจ้าคุ้นชินจนติดยึดกับบทเพลงที่ใช้ ประเภทเพลงที่เลือกร้อง วิธีการร้องเพลง
และเครื่องดนตรีที่ใช้ในการนมัสการพระเจ้า
ตลอดจนเครื่องเสียงที่ใช้ในพระวิหารของคริสตจักรแห่งนั้น
ศิษยาภิบาลของคริสตจักรแห่งนี้ตัดสินใจอย่างกล้าหาญที่จะนำสมาชิกในคริสตจักรของตนให้นมัสการพระเยซูคริสต์อย่างถูกต้องแท้จริง แทนที่จะหลงจากทางในการนมัสการพระเจ้า ไปนมัสการ “รูปเคารพ” คือ ประเภทเพลง วิธีร้องเพลง
วิธีอธิษฐาน วิธีนำเพลง เครื่องดนตรี
เครื่องเสียง สไตล์การนำนมัสการ และ การเทศนา ฯลฯ
ศิษยาภิบาลแห่งนี้ได้ปรึกษา ตกลง และ
นำคริสตจักรแห่งนี้ให้เข้าสู่การนมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริงด้วยการงดการใช้เครื่องดนตรีต่าง
ๆ ไม่กะเกณฑ์รูปแบบการนำนมัสการ การอธิษฐาน และ การร้องเพลง แต่ให้สมาชิกแต่ละคนนมัสการ อธิษฐาน และ
ร้องเพลงจาก “ชีวิต จิตใจ และ ความนึกคิด” ของตนที่ต้องการยกย่องนมัสการพระเจ้าให้เป็นที่หนึ่งในชีวิตของตน
และ ของชุมชนคริสตจักร
ให้ทุกคนหันความคิดจิตใจและชีวิตของตน
ทิ้งทุกสิ่งที่เกาะกุมชีวิต ความคิด และ จิตใจที่นมัสการพระเจ้าออกไป
กลับมาติดสนิทใกล้ชิดกับพระเยซูคริสต์ในการนมัสการพระเจ้า
ในการนมัสการพระเจ้าของคริสตจักรแห่งดังกล่าว
ศิษยาภิบาลท้าทายให้ทุกคนในที่นมัสการพระเจ้า เป็นผู้ที่เข้าร่วมในการยกย่อง นมัสการ
และขอบพระคุณพระคุณของพระเจ้า มิใช่
“ผู้ชม”
“ผู้แสวงหาเพื่อบริโภคพระคุณ”
แต่เข้ามาร่วมนมัสการพระเจ้าด้วยชีวิต ความคิด จิตใจที่ต้องการใกล้ชิดผูกพันชีวิตตนกับพระเจ้า
ศิษยาภิบาลต้องการให้สมาชิกทุกคนเข้ามาร่วมในฐานะ “ผู้ที่ยกย่องนมัสการพระเจ้า”
จากชีวิตจริงของตน มิใช่ผู้เข้าร่วม “ชม”
“มีอารมณ์ร่วม” อย่างกับไปชมคอนเสิร์ท หรือ การแสดง จากการที่งดใช้เครื่องดนตรี เครื่องเสียง และ
การเข้าร่วมตามสไตล์ที่กำหนด สมาชิกร้องเพลงนมัสการพระเจ้าด้วยปากเปล่าของแต่ละคนร่วมกัน สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์และบทเรียนล้ำค่าสำหรับทุกคนที่เข้าร่วมนมัสการพระเจ้า
ประสบการณ์และบทเรียนชีวิตการนมัสการพระเจ้าในครั้งนี้เป็นพลังที่เปลี่ยนแปลง
“นิสัย” “ความคุ้นชิน” การนมัสการแบบเดิม ๆ ไปสู่การนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง
(ยอห์น 4:24)
ตามที่พระคริสต์ประสงค์ให้สาวกของพระองค์ทุกคนนมัสการพระเจ้าเช่นนั้น
ชุมชนคริสตจักรแห่งนี้ได้รับประสบการณ์
เรียนรู้ และเกิดมุมมองใหม่ว่า
พระคริสต์ทรงเป็นแก่นหลักศูนย์กลางของการนมัสการ ที่ผู้เข้าร่วมนมัสการทุกคนยกย่องพระเจ้าจากส่วนลึกก้นบึ้งแห่งจิตใจ
ความคิด และ ความรู้สึกของตนต่อพระเจ้า
และนี่คือหัวใจของการนมัสการที่ปรากฏเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรม และย้อนกลับเป็นพลังหนุนเสริมการดำเนินชีวิตของผู้เข้าร่วมนมัสการทุกคน
เราไม่ปฏิเสธการมีเครื่องดนตรีชั้นเยี่ยม นักดนตรีมืออาชีพ นักร้องเสียงทอง มือกลองจังหวะหนักแน่น คณะนักร้องที่ประสานไพเราะ ผู้นำเพลงที่เข้าถึงอารมณ์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งดีทั้งนั้น แต่ในการนมัสการพระเจ้าต้องการสิ่งดีกว่านั้นคือ จิตใจ และ
ความคิดที่ถ่อมลงต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า ที่ซ้องสรรเสริญถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ทรงมีในชีวิตของแต่ละคนในเวลาที่ผ่านมา รับการทรงสัมผัสจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ รับการทรงเปิดเผยและทรงชี้นำชีวิตข้างหน้าของเราแต่ละคน การนมัสการเป็นเรื่องของจิตวิญญาณและความจริง ด้วยจิตใจและความคิดทั้งสิ้นทั้งชีวิต
ความสำคัญของการนมัสการพระเจ้าจึงมิใช่สิ่งสรรพที่สำคัญภายนอก ไม่ใช่เครื่องดนตรี กลองชุดราคาหลายหมื่น เครื่องเสียงไมโครโฟนราคาหลายแสน คณะนักร้องที่ประสานไพเราะ
คนนำนมัสการที่เข้าถึงอารมณ์
การร้องเพลงและอธิษฐานที่เปี่ยมด้วยพลัง นักเทศน์ที่มีชีวิตชีวา ที่เทศน์ได้จับใจ ขอให้เราไม่ติดยึดกับสิ่งภายนอกเหล่านี้ ถ้าเรายึดว่าสิ่งเหล่านี้คือการนมัสการพระเจ้า
หรือ นำเราเข้านมัสการพระเจ้าแล้ว
เรากำลังกราบไหว้รูปเคารพ
เรากำลังเทิดทูน “วัวทองคำ” แทนพระเจ้าที่ทรงเป็นเจ้าชีวิตของเรา
ให้เราหันกลับมานมัสการพระเจ้า ด้วยจิตใจที่สารภาพ ด้วยความคิดที่หันกลับมาหาพระเจ้า ให้เราเข้าร่วมนมัสการพระเจ้า มิใช่ร่วมในพิธีนมัสการเท่านั้น ไม่ใช่แค่ถวายทรัพย์สิ่งของเท่านั้น แต่มอบทั้งชีวิตและจิตใจแด่พระองค์ มิใช่แค่ร้องซ้องสรรเสริญเสียงดัง หรือ
ร่วมในการอธิษฐานออกเสียงดังกระหึ่มและเปี่ยมด้วยพลังเท่านั้น แต่ก้มกราบถ่อมทั้งชีวิต จิตใจ และ
ความคิดของเราต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า
ให้เราฟังสิ่งที่พระองค์ตรัสแก่เราด้วยใจจดจ่อ เพราะนั่นเป็นพระประสงค์ของพระองค์สำหรับชีวิตเราแต่ละคน ที่ทรงต้องการให้เราดำเนินชีวิตประจำวันตามพระประสงค์นั้น
และนั่นคือการนมัสการพระเจ้าด้วยชีวิตจิตใจ ที่มิได้นมัสการพระองค์จำกัดในโบสถ์
ในพระวิหารเท่านั้น แต่เรานมัสการพระองค์ในพื้นที่ชีวิตประจำวันทุกเวลา
และ ทุกบริบท
ระวังที่จะไม่ให้การนมัสการของเราเป็นการนมัสการรูปเคารพ แทนการนมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้
ให้เรานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง และนมัสการพระองค์ด้วยจิตใจ
ความคิดและชีวิตทั้งสิ้นในชีวิตประจำวัน
ที่เป็นการนมัสการด้วยการดำเนินชีวิตในทุกสถานการณ์ และ บริบท
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น