ในกลุ่มสาวกมีใครบ้างที่มีความเชื่อเรื่องพระเยซูคริสต์จะเป็นขึ้นจากความตายในวันที่สาม?
เท่าที่ผมพยายามทบทวนความจำจากการอ่านพระคัมภีร์ ผมไม่พบว่าใครที่เชื่อ!
แม้แต่เปโตร คัดค้านความคิดและการกล่าวเช่นนี้ของพระคริสต์
และขอเหตุการณ์การถูกทำร้ายและทำลายพระคริสต์อย่าได้เกิดขึ้น
และเขาคงคิดว่า ไม่มีใครที่จะมาทำร้ายพระองค์ได้
เพราะพระองค์มีฤทธิ์อำนาจเหนือการกระทำร้ายเหล่านั้น
ส่วนเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายของพระองค์ไม่ต้องกล่าวถึงเลย
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่นอกกรอบเชื่อกรอบคิดของสาวก
หรือ จะพูดว่า พวกสาวกไม่ได้คิด ไม่ได้เชื่อเช่นนี้ ก็คงไม่ผิด?
โดยปกติทั่วไปแล้ว คริสตชนจะบอกว่า...
"ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น" (ฮีบรู 11:1 มตฐ.)
ถ้าเช่นนั้น เราจะพูดได้ไหมว่า ในตอนนี้สาวกไม่ได้เชื่อในเรื่องพระคริสต์จะเป็นขึ้นจากความตาย?
รุ่งอรุณหลังวันสะบาโตที่พระคริสต์ถูกฝังในอุโมงค์ของโยเซฟแห่งอริมาเธีย
มารีย์และกลุ่มสตรีใจกล้ามาที่อุโมงค์ฝังศพพระเยซูแต่เช้ามืด
จุดประสงค์เพื่อที่จะมาชโลมพระศพของพระคริสต์ด้วยเครื่องหอม
ตอนนี้พวกเธอยอมรับแล้วว่าพระคริสต์ต้องตาย และ พระองค์ได้ตายจริง ๆ
แต่... ในกรอบคิดกรอบเชื่อของพวกเธอ ไม่ได้คิดและเชื่อว่าพระคริสต์จะเป็นขึ้นจากความตาย?
พวกเธอต้องการมาชโลมพระศพพระองค์ด้วยเครื่องหอมตามประเพณีปฏิบัติ
พวกเธอไม่ได้คิดว่า พระอาจารย์ของตนจะเป็นขึ้นจากความตาย
เพราะเขาคาดหวังจะได้พบกับ "พระศพ"
แต่พวกเธอต้องผิดคาด..
พวกเธอพบว่า หินมหึมาที่ปิดปากอุโมงค์เปิดออกแล้ว! เกิดคำถามว่า...
ใครมาเปิดออก (มันหนักจะตาย!) เปิดไปทำไม?
เมื่อเข้าไปในอุโมงค์ ต้องตกใจ เพราะไม่พบพระศพตามที่คาดหวังไว้?
เกิดคำถามว่า... แล้วใครเอาพระศพของพระเยซูไป? แล้วเอาไปไว้ที่ไหน?
มารีย์เสียใจมาก เธอร้องไห้...?
คริสตชนปัจจุบันบางคนมองเหตุการณ์นี้แล้วมักตัดสินลงไปว่า...
เพราะมารีย์และสตรีเหล่านั้น "ขาดความเชื่อ"
ดังนั้น พวกเขาจึงตกใจ พวกเธอจึงโศกเศร้า พวกนางจึงเสียใจ?
แต่พระคัมภีร์กลับบันทึกไว้ว่า...
ในสถานการณ์ชีวิตที่มืดมน สับสน ไม่เข้าใจ มีแต่คำถามว่า "ทำไม?"
เราพบว่า ในเวลาเช่นนั้น
มิใช่โอกาสของการ "ตัดสิน" ว่าใครมีความเชื่อ หรือไม่มีความเชื่อ
ไม่ใช่เวลามาชี้ชัดว่า "ความเชื่อใครผิด แล้วความเชื่อใครถูก?"
แต่ในเวลาเช่นนั้น... เป็นโอกาสของการเสริมสร้างความเชื่อให้เกิดขึ้นในคนต่าง ๆ
ทูตสวรรค์ปรากฎ แล้วทบทวนความทรงจำของมารีย์และพวก...
เท่าที่ผมพยายามทบทวนความจำจากการอ่านพระคัมภีร์ ผมไม่พบว่าใครที่เชื่อ!
แม้แต่เปโตร คัดค้านความคิดและการกล่าวเช่นนี้ของพระคริสต์
และขอเหตุการณ์การถูกทำร้ายและทำลายพระคริสต์อย่าได้เกิดขึ้น
และเขาคงคิดว่า ไม่มีใครที่จะมาทำร้ายพระองค์ได้
เพราะพระองค์มีฤทธิ์อำนาจเหนือการกระทำร้ายเหล่านั้น
ส่วนเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายของพระองค์ไม่ต้องกล่าวถึงเลย
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่นอกกรอบเชื่อกรอบคิดของสาวก
หรือ จะพูดว่า พวกสาวกไม่ได้คิด ไม่ได้เชื่อเช่นนี้ ก็คงไม่ผิด?
โดยปกติทั่วไปแล้ว คริสตชนจะบอกว่า...
"ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น" (ฮีบรู 11:1 มตฐ.)
ถ้าเช่นนั้น เราจะพูดได้ไหมว่า ในตอนนี้สาวกไม่ได้เชื่อในเรื่องพระคริสต์จะเป็นขึ้นจากความตาย?
รุ่งอรุณหลังวันสะบาโตที่พระคริสต์ถูกฝังในอุโมงค์ของโยเซฟแห่งอริมาเธีย
มารีย์และกลุ่มสตรีใจกล้ามาที่อุโมงค์ฝังศพพระเยซูแต่เช้ามืด
จุดประสงค์เพื่อที่จะมาชโลมพระศพของพระคริสต์ด้วยเครื่องหอม
ตอนนี้พวกเธอยอมรับแล้วว่าพระคริสต์ต้องตาย และ พระองค์ได้ตายจริง ๆ
แต่... ในกรอบคิดกรอบเชื่อของพวกเธอ ไม่ได้คิดและเชื่อว่าพระคริสต์จะเป็นขึ้นจากความตาย?
พวกเธอต้องการมาชโลมพระศพพระองค์ด้วยเครื่องหอมตามประเพณีปฏิบัติ
พวกเธอไม่ได้คิดว่า พระอาจารย์ของตนจะเป็นขึ้นจากความตาย
เพราะเขาคาดหวังจะได้พบกับ "พระศพ"
แต่พวกเธอต้องผิดคาด..
พวกเธอพบว่า หินมหึมาที่ปิดปากอุโมงค์เปิดออกแล้ว! เกิดคำถามว่า...
ใครมาเปิดออก (มันหนักจะตาย!) เปิดไปทำไม?
เมื่อเข้าไปในอุโมงค์ ต้องตกใจ เพราะไม่พบพระศพตามที่คาดหวังไว้?
เกิดคำถามว่า... แล้วใครเอาพระศพของพระเยซูไป? แล้วเอาไปไว้ที่ไหน?
มารีย์เสียใจมาก เธอร้องไห้...?
คริสตชนปัจจุบันบางคนมองเหตุการณ์นี้แล้วมักตัดสินลงไปว่า...
เพราะมารีย์และสตรีเหล่านั้น "ขาดความเชื่อ"
ดังนั้น พวกเขาจึงตกใจ พวกเธอจึงโศกเศร้า พวกนางจึงเสียใจ?
แต่พระคัมภีร์กลับบันทึกไว้ว่า...
ในสถานการณ์ชีวิตที่มืดมน สับสน ไม่เข้าใจ มีแต่คำถามว่า "ทำไม?"
เราพบว่า ในเวลาเช่นนั้น
มิใช่โอกาสของการ "ตัดสิน" ว่าใครมีความเชื่อ หรือไม่มีความเชื่อ
ไม่ใช่เวลามาชี้ชัดว่า "ความเชื่อใครผิด แล้วความเชื่อใครถูก?"
แต่ในเวลาเช่นนั้น... เป็นโอกาสของการเสริมสร้างความเชื่อให้เกิดขึ้นในคนต่าง ๆ
ทูตสวรรค์ปรากฎ แล้วทบทวนความทรงจำของมารีย์และพวก...
ถึงสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้เคยบอกพวกเขาล่วงหน้าแล้ว
"...พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไม?
พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว
จงระลึกถึงคำที่พระองค์ตรัสกับพวกท่านขณะที่พระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลิลี..." (ลูกา 24:5-6 มตฐ.)
"พวกนางจึงระลึกถึงพระดำรัสของพระองค์" (ข้อ 8)
ความเชื่อศรัทธา ที่เกิดจากการทรงสัมผัสจากเบื้องบน
พวกเธอได้รับการทรงสัมผัสทั้ง ความคิด ความรู้สึก เกิดประสบการณ์ตรง และ การทบทวนยืนยัน
จากความเชื่อเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย ที่ไม่มีในกรอบคิดกรอบเชื่อของพวกเธอ
รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ความเชื่อเรื่องการเป็นขึ้นใหม่จากความตาย ได้งอกขึ้นผ่านประสบการณ์ตรง
ความเชื่อใหม่ได้หยั่งรากลึกลงในชีวิตจิตใจของพวกเธอ
ชีวิตจิตใจของเธอน้อมรับความเชื่อที่เบื้องบนได้ประทานให้
พวกเธอ อุทิศ ทุ่มเท ทั้งชีวิต เพื่อความเชื่อใหม่นี้
ที่ความเชื่อมีพลังเช่นนี้เพราะ ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่พวกเธอประจักษ์สัมผัสด้วยชีวิตของเธอเอง
เป็นความเชื่อที่พวกเธอมั่นใจ เป็นความเชื่อที่เป็น "หัวใจ" แห่งชีวิตของพวกเธอ
เป็นความเชื่อที่พุ่งล้นขึ้นที่เป็นความชื่นฉ่ำแก่ชีวิตอื่น ๆ ที่ล้อมรอบชีวิตประจำวันของเธอ
เป็นชีวิตที่คนรอบข้างสามารถสัมผัสกับการเสริมสร้างจากเบื้องบน
เป็นชีวิตที่อุทิศมุ่งนำความเชื่อศรัทธานี้ให้คนอื่นได้สัมผัสด้วย
พวกนางรีบวิ่งกลับไปบอกสาวกคนอื่น ๆ ที่กำลังซ่อนตัวที่ในห้องแห่งหนึ่ง
" พวกนางก็เล่าเหตุการณ์นี้ทั้งหมดแก่สาวกสิบเอ็ดคนและคนอื่น ๆ ...
แต่พวกอัครทูตไม่เชื่อ เห็นว่าเป็นคำเหลวไหล" (ข้อ 9-11 มตฐ.)
เราไม่ควรตีตราว่าร้ายที่สาวกเหล่านี้ "ไม่เชื่อ" ในเรื่องที่พวกเธอประสบพบเจอและมีประสบการณ์
ที่พวกเขายังไม่ยอมเชื่อเพราะ พวกเขายังต้องการการเห็นจริงผ่านประสบการณ์ชีวิตของตนเอง
แม้เปโตรเมื่อได้ยินเรื่องเล่าเช้านี้จากกลุ่มสาวกสตรี
ด้วยความที่เป็นคนที่จริงจัง เปโตรวิ่งไปที่อุโมงค์ เขาพบอุโมงค์เปิดออก
และสภาพอุโมงค์เป็นอย่างที่สตรีเหล่านั้นรายงาน
แต่เขาไม่ได้พบทูตสวรรค์อย่างที่สาวกสตรีเล่า เขายังไม่มีประสบการณ์ตรง
เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้มีผลเพียงทำให้เปโตร "ประหลาดใจ" ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (ข้อ 12 มตฐ.)
ความเชื่อที่จะมีความเข้มแข็ง มั่นคง และมีพลังขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงชีวิตและโลกได้
เป็นความเชื่อศรัทธาที่คน ๆ นั้น...
ได้เผชิญหน้า ประสบพบ และสัมผัสตรงกับพระเจ้า (Encounter with God)
เป็นความเชื่อศรัทธาที่คน ๆ นั้นมีประสบการณ์ตรงกับพระเจ้า
เป็นการสัมผัสที่ทำให้เขาผู้นั้นมีความสัมพันธ์ลุ่มลึกกับพระองค์
เป็นความเชื่อที่สัมพันธ์หยั่งลึกลงถึงรากฐานชีวิต เกิดการอุทิศทั้งชีวิตเพื่อพระองค์
ความเชื่อศรัทธาที่มีพลังชีวิต...ที่มาจาก...
ความเชื่อศรัทธาที่เผชิญหน้า และ มีประสบการณ์ชีวิตตรงกับพระเจ้า (Encounter with God)
เช้าวันอิสเตอร์ปีนี้... ขอให้เราเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยคำถามตนเองว่า...
ความเชื่อของฉันทำให้ฉันรู้สึก "ประหลาดใจ" อย่างเปโตร
หรือ เป็นความเชื่อที่มีพลังจากประสบการณ์ตรงกับพระเจ้าอย่างมารีย์ มักดาลา และ พวก?
"...พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไม?
พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว
จงระลึกถึงคำที่พระองค์ตรัสกับพวกท่านขณะที่พระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลิลี..." (ลูกา 24:5-6 มตฐ.)
"พวกนางจึงระลึกถึงพระดำรัสของพระองค์" (ข้อ 8)
ความเชื่อศรัทธา ที่เกิดจากการทรงสัมผัสจากเบื้องบน
พวกเธอได้รับการทรงสัมผัสทั้ง ความคิด ความรู้สึก เกิดประสบการณ์ตรง และ การทบทวนยืนยัน
จากความเชื่อเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย ที่ไม่มีในกรอบคิดกรอบเชื่อของพวกเธอ
รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ความเชื่อเรื่องการเป็นขึ้นใหม่จากความตาย ได้งอกขึ้นผ่านประสบการณ์ตรง
ความเชื่อใหม่ได้หยั่งรากลึกลงในชีวิตจิตใจของพวกเธอ
ชีวิตจิตใจของเธอน้อมรับความเชื่อที่เบื้องบนได้ประทานให้
พวกเธอ อุทิศ ทุ่มเท ทั้งชีวิต เพื่อความเชื่อใหม่นี้
ที่ความเชื่อมีพลังเช่นนี้เพราะ ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่พวกเธอประจักษ์สัมผัสด้วยชีวิตของเธอเอง
เป็นความเชื่อที่พวกเธอมั่นใจ เป็นความเชื่อที่เป็น "หัวใจ" แห่งชีวิตของพวกเธอ
เป็นความเชื่อที่พุ่งล้นขึ้นที่เป็นความชื่นฉ่ำแก่ชีวิตอื่น ๆ ที่ล้อมรอบชีวิตประจำวันของเธอ
เป็นชีวิตที่คนรอบข้างสามารถสัมผัสกับการเสริมสร้างจากเบื้องบน
เป็นชีวิตที่อุทิศมุ่งนำความเชื่อศรัทธานี้ให้คนอื่นได้สัมผัสด้วย
พวกนางรีบวิ่งกลับไปบอกสาวกคนอื่น ๆ ที่กำลังซ่อนตัวที่ในห้องแห่งหนึ่ง
" พวกนางก็เล่าเหตุการณ์นี้ทั้งหมดแก่สาวกสิบเอ็ดคนและคนอื่น ๆ ...
แต่พวกอัครทูตไม่เชื่อ เห็นว่าเป็นคำเหลวไหล" (ข้อ 9-11 มตฐ.)
เราไม่ควรตีตราว่าร้ายที่สาวกเหล่านี้ "ไม่เชื่อ" ในเรื่องที่พวกเธอประสบพบเจอและมีประสบการณ์
ที่พวกเขายังไม่ยอมเชื่อเพราะ พวกเขายังต้องการการเห็นจริงผ่านประสบการณ์ชีวิตของตนเอง
แม้เปโตรเมื่อได้ยินเรื่องเล่าเช้านี้จากกลุ่มสาวกสตรี
ด้วยความที่เป็นคนที่จริงจัง เปโตรวิ่งไปที่อุโมงค์ เขาพบอุโมงค์เปิดออก
และสภาพอุโมงค์เป็นอย่างที่สตรีเหล่านั้นรายงาน
แต่เขาไม่ได้พบทูตสวรรค์อย่างที่สาวกสตรีเล่า เขายังไม่มีประสบการณ์ตรง
เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้มีผลเพียงทำให้เปโตร "ประหลาดใจ" ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (ข้อ 12 มตฐ.)
ความเชื่อที่จะมีความเข้มแข็ง มั่นคง และมีพลังขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงชีวิตและโลกได้
เป็นความเชื่อศรัทธาที่คน ๆ นั้น...
ได้เผชิญหน้า ประสบพบ และสัมผัสตรงกับพระเจ้า (Encounter with God)
เป็นความเชื่อศรัทธาที่คน ๆ นั้นมีประสบการณ์ตรงกับพระเจ้า
เป็นการสัมผัสที่ทำให้เขาผู้นั้นมีความสัมพันธ์ลุ่มลึกกับพระองค์
เป็นความเชื่อที่สัมพันธ์หยั่งลึกลงถึงรากฐานชีวิต เกิดการอุทิศทั้งชีวิตเพื่อพระองค์
ความเชื่อศรัทธาที่มีพลังชีวิต...ที่มาจาก...
ความเชื่อศรัทธาที่เผชิญหน้า และ มีประสบการณ์ชีวิตตรงกับพระเจ้า (Encounter with God)
เช้าวันอิสเตอร์ปีนี้... ขอให้เราเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยคำถามตนเองว่า...
ความเชื่อของฉันทำให้ฉันรู้สึก "ประหลาดใจ" อย่างเปโตร
หรือ เป็นความเชื่อที่มีพลังจากประสบการณ์ตรงกับพระเจ้าอย่างมารีย์ มักดาลา และ พวก?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น