24 เมษายน 2560

พระเจ้าเปลี่ยน “ความอ่อนแอ” เป็นโอกาสในชีวิต

ใคร ๆ ก็ไม่ต้องการให้ชีวิตของตนเป็นชีวิตที่อ่อนแอ  อ่อนด้อย   อมทุกข์ไร้สุข

แต่ในความเป็นจริง   เราทุกคนต่างก็มีชีวิตที่เคยเผชิญกับชีวิตที่อ่อนเปลี้ย สิ้นพลัง  และสิ้นหวัง   คนเราประสบพบกับชีวิตที่อ่อนแอในลักษณะต่าง ๆ เช่น  ความอ่อนแอทางด้านร่างกาย   เกิดบาดแผลในจิตใจ  ต้องทนทุกข์ด้วยอารมณ์ที่ปวดร้าว   ความสัมพันธ์ฉีกขาดบาดลึก   การทำงานในด้านสมอง/ประสาทไม่ปกติ และ ฯลฯ

ความจริงก็คือ  เราแต่ละคนไม่สามารถหลบลี้หนีจากความทุกข์อันเกิดจากความอ่อนแอในลักษณะที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา   และที่ต้องเข้าใจชัดเจนคือ พระเจ้าก็ไม่ประสงค์ที่จะให้ชีวิตของเราต้องประสบพบกับความอ่อนแอในชีวิตของเรา

แต่ความจริงอีกด้านหนึ่งก็คือ   เมื่อต้องตกอยู่ในสภาพที่ชีวิตอ่อนกำลัง   พระเจ้ามิได้ปล่อยให้เราต้องช่วยตนเอง พึ่งตนเอง ที่จะเอาชนะความอ่อนแอของเราในชีวิตตามลำพัง   แต่พระองค์กลับใช้ความอ่อนแอในชีวิตของเราเป็นโอกาสที่จะเสริมสร้างชีวิตที่อ่อนแอของเรากลับเข้มแข็ง มีพลังขึ้น   ที่สำคัญเป็นสะพานที่เชื่อมต่อให้เราได้พบเจอ และ สัมผัสกับพระคริสต์ในชีวิตประจำวันของเรา  

ยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังทรงเสริมสร้างให้เรามีชีวิตเข้มแข็งและมีพลังที่จะใช้ชีวิตประจำวันของเราให้เกิดผลดีทั้งต่อผู้อื่นและตนเอง   ตามพระประสงค์สำหรับชีวิตของเรา   จากชีวิตที่อ่อนแอที่เรามองว่าไร้คุณค่า   เปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตที่เข้มแข็งขึ้นเพื่อรับใช้ตามพระประสงค์   และนี่คือสายใยอันเหนียวแน่นที่ร้อยรัดตลอดเรื่องราวในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

พระเจ้าทรงเปลี่ยน “หุบเหวความอ่อนแอในชีวิต” ที่เราไม่สามารถจัดการกับชีวิตของเราเองได้   ให้เป็นสะพานที่เชื่อมต่อ “สภาพชีวิตที่อ่อนแอทำอะไรไม่ได้” ให้เราสามารถเดินข้ามไปยัง “สภาพชีวิตที่เราควรจะเป็น”   เราสามารถเรียนรู้ได้จากพระราชกิจที่พระคริสต์ทรงกระทำ   ไม่ว่าหญิงหลังโก่งในธรรมศาลา หรือ ชายตาบอดที่ร้องขอความเมตตาจากพระคริสต์  หรือ  ชายที่ถูกผีสิงที่อาศัยในสุสาน หรือ แม้แต่คนโรคเรื้อนที่ต้องระหกระเหินออกจากครอบครัวและสังคมของตนเอง   เพราะความอ่อนแอของคนเหล่านี้และสังคมที่กระตุ้นผลักดันให้เขาต้องการการสัมผัสจากพระคริสต์   ด้วยความเมตตากรุณาของพระคริสต์   พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงความอ่อนแอในชีวิตของผู้คน   ให้เป็นโอกาสที่เขาได้สัมผัสและประจักษ์ชัดถึงความรักเมตตาของพระเจ้า   ให้ชีวิตของคนเหล่านี้ได้มีชีวิตที่เปลี่ยนไปสู่ชีวิตที่ควรจะเป็น   ให้เปลี่ยนไปสู่ชีวิตที่พบคุณค่า

“มี​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​เป็น​โรค​โล​หิต​ตก​มา​สิบ​สอง​ปี​แล้ว  เธอ​ทน​ทุกข์​ลำ​บาก​มาก​กับ​หมอ​หลาย​คน และ​สูญ​สิ้น​ทรัพย์​ที่​เธอ​มี แต่​โรค​นั้น​ก็​ไม่​ได้​บรร​เทา กลับ​ยิ่ง​กำ​เริบ​หนัก​ขึ้น    เมื่อ​หญิง​ผู้​นั้น​ได้​ยิน​ถึง​เรื่อง​พระ​เยซู เธอ​ก็​เดิน​เข้า​ไป​ใน​ฝูง​ชน​ที่​มา​ทาง​ข้าง​หลัง​พระ​องค์ และ​แตะ​ต้อง​ฉลอง​พระ​องค์    เพราะ​คิด​ว่า “ถ้า​ฉัน​ได้​แตะ​ต้อง​เพียง​ฉลอง​พระ​องค์​ฉัน​ก็​จะ​หาย​โรค”  ทัน​ใด​นั้น​โล​หิต​ที่​ตก​ก็​หยุด​แห้ง​ไป และ​หญิง​ผู้​นั้น​รู้​สึก​ตัว​ว่า​โรค​หาย​แล้ว” (มาระโก 5:27-29 มตฐ.)

หญิงโลหิตตกมา 12 ปี   หมดเนื้อหมดตัวกับการรักษาแต่ไม่สามารถหายได้   ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป   ผลักดันให้เขามีทางเลือกเพียงหวังในการรักษาของพระเยซูคริสต์   เธอตัดสินใจแทรกตัวเข้าไปในฝูงชน  ยื่นมือแตะชายฉลองของพระคริสต์   โดยฤทธิ์อำนาจแห่งความรักเมตตาของพระคริสต์   เธอรู้ตัวว่าหายจากโรคโลหิตตก   จุดอ่อนแอในชีวิตของเธอได้รับการขจัดออกไปจากชีวิต  แต่ที่สำคัญกว่านั้น   เธอมีโอกาสที่จะกลับไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ อย่างเป็นปกติ   แต่ที่สำคัญกว่านั้น เธอสัมผัสกับความจริงในความรักเมตตาของพระเจ้าที่เปลี่ยนสภาพและสถานะชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิง

ในวันนี้  เวลาใดก็ตามที่เราเผชิญกับชีวิตที่อ่อนแอ  ไม่รู้จะจัดการ หรือ ขจัดมันออกไปจากชีวิต   โปรดตระหนักชัดว่า ความอ่อนแอในชีวิต เป็นโอกาสที่ “ขับดัน” เราให้เข้าถึงพระคริสต์   เพื่อขอให้พระองค์ทรงจัดการปรับเปลี่ยนชีวิตของเรา  ด้วยความรักเมตตา และ ตามพระประสงค์ของพระองค์   ความอ่อนแอในชีวิตของเราจะเป็นโอกาสที่เราจะได้เผชิญหน้าและสัมผัสกับความเมตตาของพระองค์   แล้วชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย

เพราะพระคริสต์เป็นความเข้มแข็งและพลังในชีวิตของเราในวันนี้

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น