07 เมษายน 2560

ขอโทษ...ผมไม่ได้ตั้งใจครับ

เราท่านต่างคงเคยมีประสบการณ์ในชีวิตที่ “ทำในสิ่งที่ตนไม่คาดคิด หรือ ที่ตนคิดว่า ตนจะไม่ทำในสิ่งนั้นอย่างเด็ดขาด” ใช่ไหม?   มารู้สึกตัว หรือ มารู้ตัวอีกครั้งหนึ่งก็ปรากฏว่าเราได้ทำสิ่งเหล่านั้นลงไปเรียบร้อยแล้ว   เกิดความรู้สึกผิด  ภาวะจิตใจแตกหักฉีกขาด   ความรู้สึกอับอายไร้ค่าในตนเองเข้ามาหลอกหลอน  ถาโถมโจมตีคุณค่าในตนเอง   จนหลายคนต้องหลบหน้า ล่าถอยจากเพื่อนฝูงในสังคม  ครอบครัว  แยกตัว ออกห่างแม้แต่พระเจ้า   แต่ชีวิตก็พบว่า ก็ยังไม่สามารถหลบซ่อนจากความรู้สึกอับอายตนเองที่เกิดขึ้น   ความรู้สึกอับอายนี้ตามติดตามล่าความรู้สึกของเราอย่างติดหนึบ  แล้วสร้างความสับสน  เสียจุดยืนในชีวิต   จนชีวิตอยู่ในภาวะ “แตกหักและฉีกขาด”

แต่​เป​โตร​เริ่ม​สบถ​สา​บาน​ใหญ่​ว่า “คน​ที่​เจ้า​พูด​ถึง​นั้น​ข้า​ไม่​รู้จัก”  ทัน​ใด​นั้น​ไก่​ก็​ขัน​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง เป​โตร​จึง​ระ​ลึก​ถึง​ถ้อย​คำ​ที่​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ก่อน​ไก่​ขัน​สอง​หน ท่าน​จะ​ปฏิ​เสธ​เรา​สาม​ครั้ง” เป​โตร​กลั้น​ความ​รู้​สึก​ไม่​อยู่​ก็​ร้อง​ไห้  (มาระโก 14:71-72 มตฐ.;  เทียบมธ. 26:34; ลก. 22:61; ยน. 13:38; ยน. 18:27)

ก่อนหน้านี้ พระเยซูบอกสาวกล่วงหน้าให้รู้ก่อนว่า  พวกสาวกจะทอดทิ้งพระองค์ (มก.14:27)  เปโตรปฏิเสธเสียงแข็งว่า คนอื่นไม่รู้  แต่ตนจะไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน   แต่พระเยซูคริสต์บอกเปโตรว่า  “เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ว่า ใน​วันนี้​คือ​ใน​คืน​นี้​เอง ก่อน​ไก่​ขัน​สอง​หน ท่าน​จะ​ปฏิ​เสธ​เรา​สาม​ครั้ง” (ข้อ 30)   แต่เปโตรโพล่งสวนกลับพระเยซูอย่างแข็งขันว่า  “แม้​ว่า​ข้า​พระ​องค์​จะ​ต้อง​ตาย​กับ​พระ​องค์ ข้า​พระ​องค์​ก็​จะ​ไม่​ปฏิ​เสธ​พระ​องค์​เลย” เหล่า​สา​วก​ก็​ทูล​เช่น​นั้น​เหมือน​กัน​ทุก​คน (ข้อ 31)

ในบริบท สถานการณ์ และในเวลานั้น เปโตรเชื่อมั่นในตนเองอย่างเต็มร้อยว่า   ตนไม่มีวันที่จะปฏิเสธว่าตนเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์   สาวกคนอื่นก็เช่นกัน แต่ละคนพร้อมที่จะตายเพื่อพระเยซูคริสต์  ดังนั้น ไม่มีวันที่ตนจะปฏิเสธพระองค์ต่อหน้าคนอื่นอย่างแน่นอน

แต่เมื่อสถานการณ์จริงเกิดขึ้น   ปรากฏว่าสาวกกลับทำในสิ่งตรงกันข้ามกับที่ตนเคยรู้สึกเคยยืนยันกับพระอาจารย์ว่า  จะไม่ทิ้งพระองค์ และที่สำคัญพร้อมที่จะยอมตายเพื่อพระองค์   แต่สำหรับเปโตรสถานการณ์หนักไปกว่านั้น   เขาปฏิเสธหน้าฝูงชนถึงการเป็นสาวกและรู้จักพระเยซูคริสต์   เปโตรทำสิ่งที่ตนไม่คาดคิดว่าจะทำ   เขาทำในสิ่งที่เขามั่นใจว่าคนอย่างตนเองจะไม่ทำเช่นนี้แน่!

แต่เสียงไก่ขันครั้งที่สอง  เป็นเสียงปลุกให้เปโตรตื่นจากความมั่นใจในตนเอง  ปลุกจิตสำนึกของเขา ปลุกเขาให้พบความจริงว่า เขาได้ทำสิ่งที่ตนคิดว่าตนจะไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอนในชีวิตนี้   เมื่อเขาพบกับความเป็นจริงในตัวตนของตนเองที่ทำในสิ่งที่เขาคิดและมั่นใจว่าตนไม่มีทางทำเช่นนั้น   เขาถึงกับเสียใจจนเหมือนอกจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ  เขารีบหนีออกไปร้องไห้ (ข้อ 72)   จิตใจของเขาถูกย่ำยีจนแหลกลาญจากความรู้สึกผิด รู้สึกอับอาย ที่ตนทำในสิ่งที่ตนเคยยืนยันว่าจะไม่ทำเช่นนั้น

ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมาในชีวิตของผม   ผมได้พบกับผู้คนที่ทำในสิ่งที่ตนเองมั่นใจว่าจะไม่มีทางทำเช่นนั้น   แต่กลับทำสิ่งนั้นลงไป   หลายคนมั่นใจและตั้งใจแน่วแน่ว่า ชีวิตสมรสของตนจะไม่จบสิ้นด้วยการหย่าร้าง   คนที่เป็นพ่อแม่หลายต่อหลายคนที่สัญญากับตนเองว่า ตนจะไม่เลี้ยงลูกด้วยอารมณ์ร้ายรุนแรง   หลายคนที่ทำงานอย่างตั้งใจสัตย์ซื่อ  และปฏิญาณกับตนเอง สัญญากับพระเจ้า  และบอกกับคนอื่น ๆ ว่า   ไม่มีทางที่ตนจะฉ้อโกง   ผมพบกับคนที่เคยใช้สารเสพติด หรือ ติดแอลกอฮอล์   ที่ตั้งอกตั้งใจอย่างแข็งขันว่า   ครั้งนี้จะเลิกสิ่งเลวร้ายเหล่านี้อย่างแน่นอน   แต่ก็ต้องกลับไปเสพไปดื่มอีก   เขาต้องกลับไปติดกับดักเดิม ๆ  สุขภาพเสื่อมโทรม   ทำให้คนรอบข้าง “อกแตกใจสลาย”

ไม่ใช่คริสตชนทุกคนที่เป็นเช่นที่กล่าวมาแล้ว   แต่ในชีวิตของผมก็พบคริสตชนมากมายที่มีชีวิตที่ทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจจะไม่ทำ   ทำในสิ่งที่ตนเองมั่นใจว่า ตนจะไม่มีทางทำเช่นนั้น   แต่ก็ได้ทำลงไปแล้ว   เพียงแต่ว่า  แต่ละคนทำในสิ่งที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้น   ไม่ว่าคนนั้นจะมีตำแหน่งสูงในองค์กรคริสตชน หรือ เป็นพระใน ศาสนจักร   และพบความจริงว่า  หลายคนนักที่ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตนตั้งใจ   ทำในสิ่งที่ตนคิดว่าไม่มีทางที่ตนจะทำเช่นนั้น  

ผู้นำในองค์กรคริสตชนหลายคนบอกว่า  เขาไม่มีทางที่จะคิดคดกระทำฉ้อฉล   แต่มาพบอีกทีกลับเห็นว่าตนได้ทำลงไปแล้ว   หลายคนบอกว่า เขาไม่ได้ติดยึดอยู่กับตำแหน่ง   แต่เมื่อให้ลงจากตำแหน่งนั้น กลับมีอาการต่อต้าน กระฟัดกระเฟียด  ต่อลองขออยู่ต่ออีกปีได้ไหม?   เกือบทุกคนในกลุ่มนี้ยืนยันมั่นเหมาะแข็งขันว่า   ตนขึ้นมาทำงานในตำแหน่งนี้มิใช่เพื่อ “เงิน”   แต่เพื่อ “พระเจ้า”   แต่เมื่อขอให้ลงจากตำแหน่งนี้กลับคร่ำครวญว่า ช่วงนี้ตนยังจะต้องใช้เงินในการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ล่งลูกเรียน ฯลฯ  องค์กรจะต้องเห็นใจและเข้าใจตน

แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น  เพราะเมื่อทำในสิ่งที่ตนคิดว่าตนจะไม่ทำเช่นนั้น   ผลการกระทำเช่นนั้นกลับมีพลังเข้ามาเกาะกุมรั้งยึดความรู้สึกผิดของคน ๆ นั้น  ลึก ๆ เกิดความรู้สึกอับอายตนเองที่ทำเช่นนั้นลงไป   และคน ๆ นั้นก็ตอบสนองด้วยการหลบลี้หนีหน้า   ทำตัวห่างออกไป  เกิดช่องว่างความสัมพันธ์ในชีวิต   อาการเช่นนี้คน ๆ นั้นก็ทำกับพระเจ้าด้วย   แต่การที่เรา “ออกห่าง ถ่างถอย” ไกลจากพระเจ้ามิได้ทำให้เราหลุดรอดจากการกระหน่ำซ้ำเติมจากความรู้สึกอับอายในตนเอง   แต่กลับทำให้เราเห็นชัดว่า  ชีวิตของตน “แปดเปื้อนและน่าอับอาย ด้อยค่า”

เรื่องในพระกิตติคุณมิได้จบ ณ จุดนี้   แต่หลังจากการ “เป็นขึ้นจากความตาย” ของพระคริสต์   ท่ามกลางชีวิตจิตใจที่ฉีกขาดแตกสลายของเปโตร   พระคริสต์ตามหาเปโตร  ฉุดเขาขึ้นจากโคลนตมแห่งความรู้สึกผิด อับอาย สิ้นหวัง ไร้ค่าในชีวิต   พระองค์พลิกฟื้นชีวิตของเปโตรขึ้นใหม่   ให้มีชีวิตที่เป็นขึ้นจากความตายเหมือนพระองค์   ชีวิตที่ฉีกขาด พ่ายแพ้ เป็นโอกาสที่พระคริสต์ทรงเรียกเปโตรใหม่อีกครั้งหนึ่ง   เป็นโอกาสใหม่ที่จะเริ่มต้นใหม่ในชีวิตการเป็นสาวกและรับใช้พระองค์   และนี่คือการเป็นขึ้นจากความตายของเปโตร 

การเป็นขึ้นจากความตายของพระคริสต์   มิเพียงแต่พระองค์อภัยให้แก่เปโตรที่ปฏิเสธพระองค์   แต่ทรงสร้างเขาใหม่จนในที่สุดเป็นผู้นำแนวหน้าในกลุ่มสาวกที่ติดตามพระองค์

ทุกชีวิตที่กำลังติดกับดักของความรู้สึกผิด และ อับอายตนเอง  ที่กระทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าตนจะทำเช่นนั้น   ในช่วงเวลานี้เป็นโอกาสใหม่ที่พระคริสต์ให้แก่เรา   โอกาสที่จะเป็นขึ้นใหม่ มีชีวิตใหม่ในพระคริสต์   โอกาสที่เราจะรับใช้พระองค์ด้วยความตั้งใจ สัตย์ซื่อ แต่ครั้งนี้เป็นการขับเคลื่อนชีวิตที่เป็นขึ้นใหม่ภายใต้การครอบครองควบคุมของพระวิญญาณบริสุทธิ์   วันนี้ให้เราเป็นขึ้นจากความตายและรับชีวิตใหม่  โอกาสใหม่ การทรงเรียกใหม่   การรับใช้ใหม่  และพลังชีวิตใหม่จากพระคริสต์


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น